++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

ชีวิตพิสดารของสัตว์ - กวาง (๒ - ตอนจบ)

ปรีดี อู่ทรัพย์

            รุ่งขึ้นจากนั้นผมออกตรวจโรงเรียนต่ออีก ๒ วัน สภาพของบ้านป่ากั้ง บ้านงอมสัก บ้านงอมถ้ำ และบ้านงอมมด เหมือนกับสภาพบ้านป่าทั่วไป ล้วนแต่มีป่าไม้เบาบาง ป่าส่วนใหญ่ถูกโค่นลงมาถางเป็นไร่เลื่อนลอย พอดินจืดก็ย้ายไปหาที่ตัดฟันทำไร่ใหม่ เรื่องปุ๋ยไม่ต้องใส่กันล่ะ  เหตุนี้การโค่นไม้ทำลายป่าจึงมีอยู่ทั่วไป ก่อให้เกิดภูเขาโล้นมากมายตามที่ราบเชิงเขา มีบ้านชาวบ้านปลูกกันเป็นหย่อมๆ  แห่งละ ๔-๕ หลัง ส่วนใหญ่มุงด้วยหญ้าคา สุขภาพของคนทั่วไปไม่ค่อยสมบูรณ์เนื่องจากขาดธาตุอาหารพวกโปรตีน อาศัยพืชป่าเช่น หน่อไม้ หัวมันกลอย และผักต่างๆกินเป็นพื้น คนจึงเป็นโรคคอพอก ร่างกายผ่ายผอม พุงป่องเป้นส่วนใหญ่

            ผมย้อนกลับมาบ้านห้วยผึ้งอีกครั้งหนึ่งเมื่อเสร็จภารกิจในการตรวจโรงเรียน นอนที่บ้านห้วยผึ้งอีกคืนหนึ่ง ในตอนเช้าได้ห่อข้าวคาดเอวพร้อมสัมภาระที่จำเป็น แล้วก็ชวนกันออกไล่เหล่ากวางในป่า ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านไปประมาณ ๑๐ กิโลเมตร

            กวางในโลกนี้มีหลายชนิด แต่โดยเฉพาะในเมืองไทยเรามี ๒ ชนิด คือ กวางและสมัน สำหรับสมันนั้น บัดนี้ได้สูญพันธุ์ไปแล้วจากพรานผู้ล่า เนื่องจากเขาของมันแตกช่อเป็นกิ่งงามมาก จึงเหลือกวางอยู่ชนิดเดียว คือ ชนิดใหญ่ไม่มีลายและสีสลับ ขนาดใหญ่ของกวางชนิดนี้โตเท่ากับม้าไทย สภาพโดยทั่วไปเป็นสัตว์ที่ว่องไว วิ่งกระโดดได้รวดเร็ว แต่ตัวผู้ใหญ่ๆบางทีเขาเกะกะหนีศัตรู ติดเครือเขาเถาวัลย์ลำบากมาก ดังนั้นธรรมชาติจึงสร้างให้กวางสามารถสลัดเขาอันใหญ่เกะกะทิ้งได้ แล้วงอกขึ้นมาใหม่ ซึ่งสัตว์อื่นไม่สามารถสลัดเขาออกอย่างกวางได้

            กวางอาศัยทั้งป่าโปร่งและป่าทึบ แต่ป่ารกเกินไปกวางจะไม่อาศัยเพราะไม่สะดวกแก่การแหกป่าหลบหนีศัตรู เนื่องจากตัวมันใหญ่มีเขายาวเกะกะ

            ที่อาศัยของกวางเรียกว่า "ซุ้ม" มันจะเลือกทำซุ้มในบริเวณไม้รกทึบแสงแดดไม่อาจส่องลงดินได้ เมื่อเลือกทำเลดีแล้ว กวางจะจัดซุ้มให้นอนได้อย่างสบาย คือ ขุดดินเป็นแอ่ง กัดรากไม้ที่จะตำตัวออกจนเกลี้ยง

            กวางอาศัยซุ้มนอนเฉพาะเวลากลางวันตลอดวัน ส่วนตลอดคืนเป็นเวลาหาอาหาร กวางจะเข้าซุ้มนอนก่อนสว่าง ที่อาศัยของกวางมักจะเป็นทำเลที่ดีมาก คือ อาจมองเห็นศัตรูได้รอบด้าน กวางมักจะเลือกที่อาศัยใกล้ๆบริเวณหนองน้ำและภูเขา เพราะมันจะหนีศัตรู เช่น เสือและหมาไน ลงแช่น้ำได้โดยขามันยาว ส่วนหมาไนและเสือขาสั้นไม่อาจลงน้ำล่ากวางได้ แต่เวลาที่มันหนีมนุษย์นั้นมันจะเตลิดขึ้นภูเขาซึ่ง มนุษย์ไม่สามารถปีนเขาได้เก่งอย่างกวาง กวางอาศัยซุ้มตัวละซุ้ม เว้นแต่ฤดูที่มันฮิทจะมีตัวเมียมาร่วมซุ้มด้วย

           ครูใหญ่บ้านห้วยผึ้ง สั่งพรานผู้มีปืนให้ไต่สันเขาไปนั่งตามจุดต่างๆ ที่คาดคะเนว่ากวางจะวิ่งผ่าน แล้วก็สั่งให้พวกลูกเหล่าล้อมวงตีเกาะเคาะไม้ตะโกนโหวกเหวก ประดาหน้าขึ้นไปหาสันเขาที่พวกพรานนั่งซุ่มอยู่

            ผมได้กล่าวไว้ตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่า  การหลบภัยของกวางมี ๒ ประการ คือ หลบขึ้นภูเขาและหลบลงน้ำตามชนิดของศัตรู การหลบภัยเช่นนี้ กวางจะเรียนรู้เองโดยสัญชาตญาณ ดังนั้น เมื่อมันกำลังนอนหลับเพลินอยู่ในซุ้ม พอได้ยินเสียงโห่ร้องก้องป่าของมนุษย์ มันจึงตื่นเตลิดขึ้นเขาไปตามที่คาดหมาย เสียงเขาของมันกระทบกับต้นไม้ กิ่งไม้ดังขึ้นมาตามร่องห้วยตรงหน้าพรานคนหนึ่ง เป็นระยะ (เวลากวางวิ่งมันจะแหงนหน้าขึ้นไม่ให้กิ่งไม้เครือเขาเถาวัลย์ติดกับเขาอันเกะกะของมัน)

            เขายกปืนขึ้นเล็งไปที่รักแร้แดงของมัน เปรี้ยง!  เสียงกระสุนลูกซองแฝดคำรามลั่นป่าแล้ว ทุกอย่างกลับเงียบกริบจนผมคิดว่ากระสุนพลาดเป้า พอผมจะลุกตามเสียงปืนเข้าไปดู เสียงเป่าหลอดไม้ไผ่ก็ดังเรียกมากระชั้นถี่ยิบ อยู่แน่ ผมนึกในใจ พร้อมกับวิ่งไปหา

            กวางที่ยิงได้นั้นเป็นกวางรุ่นหนุ่ม ตัวยังไม่โตเต็มที่นัก ขนาดของมันเท่าๆกับลูกม้า นอนเอาคอพาดก้อนหินริมห้วยตายอยู่
          
            พวกพรานชาวบ้านช่วยกันแล่หนังกวางและปาดเนื้อเป็นชิ้นๆ ออกกองบนใบไม้แบ่งกัน หนังกวางราคาไม่สูงนักเพราะ "บาง" ทำประโยชน์ไม่ดีเหมือนหนังสัตว์อื่นๆ เลือดกวางตลาดก็ไม่นิยมเหมือนเลือดแรด เนื้อกวางนับว่าเป็นเนื้อชั้นหนึ่ง ขายกันในราคาสูงมาก ส่วนเอ็นกวางมีราคาเพราะใช้เป็นยากำลังและเข้ายาแก้ปวดเมื่อย เอ็นสัตว์อื่นตลาดไม่นิยมเหมือนเอ็นกวาง ทั้งเอ็นกวางและเขาอ่อนของมัน โดยมากเข้าเครื่องยาจีน ซึ่งมีราคาแพง ในหมู่คนไทยเราโดยมากไม่ค่อยได้ใช้กัน เพราะไม่รู้ทั้งคุณค่าและราคา ได้มาก็ต้มอ่อมกินกันเสียหมด หารู้ไม่ว่าคนจีนถือว่าเอ็นและเขากวางอ่อน "เป็นยาโป๊" เหมือนกับเลือดแรดและรังนกนางแอ่น หรือเลือดค่างและกระดูกเสือ

            ผมขอเอ็นกวางเขามาจนหมด ให้ครูใหญ่บ้านห้วยผึ้งจุ่มน้ำเดือด แล้วเอาไปปิ้งถ่านไฟอ่อนๆ พรมเหล้าจนแห้งแบบเขากวางอ่อน กลับจากห้วยผึ้งคราวนั้นผมแข็งแรงผิดปกติ จนเมียแปลกใจ แต่ผมไม่ได้บอกให้เธอรู้หรอกว่าผมกินเขากวางอ่อนและเอ็นกวางมา.....    



ที่มา  ต่วยตูน เดือนมีนาคม ๒๕๓๑ ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๗  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น