++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เรื่องจริงผ่านคอม! เมื่อ หรรษา เผชิญกับแก๊งชั่วล้วงกระเป๋า ย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ





เหตุการณ์ฉก ชิง วิ่งราว กระชาก และล้วงกระเป๋า กลายเป็นเรื่องปกติสามัญสำหรับคนไทยไปเสียแล้ว โดยคนรอบข้างที่ประสบเหตุ
ได้แต่ยืนดูตาปริบๆ จะด้วยเกรงกลัวอันตรายถึงตัว หรือไม่อยากยุ่งเกี่ยวเพราะไม่ใช่เรื่องของตนก็สุดแล้วแต่


โดยวันนี้ ทีมงาน หรรษา ดอท คอม ผู้ประสบเหตุดังกล่าวด้วยตนเอง จะมาบอกเล่าเพื่อเป็นอุทาหรณ์ ให้สมาชิกของเราได้ระมัดระวังตัวมากขึ้น

เหตุการณ์ ล้วงกระเป๋าของแก๊งโจรชั่วใจ หยาบ ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. บนสะพานลอย บริเวณโรบินสันเก่า
ขณะที่ทีมงาน กำลังเผลอไผลเนื่องจากหอบของพะรุงพะรัง เตรียมไปงานแถลงข่าวเสี่ยคนหนึ่ง ชั่วเวลาไม่ถึง 10 วินาที ก็มี
คุณป้า ท่านหนึ่งกระชากแขน พร้อมทำหน้าตาตื่นกระซิบบอกว่า

"หนู! หนูโดนล้วงกระเป๋าหรือเปล่า เมื่อกี๊ ป้าเห็น... !!!"


อารามตกใจ ทีมงานคนดังกล่าว กวาดตามองไปรอบๆ ไม่พอเห็นสิ่งผิดปกติ เมื่อชำเลืองดูที่กระเป๋าของตัวเอง (ลักษณะกระเป๋า
ใบใหญ่ ยาว เกินตัว เนื่องจากต้องใส่ของหลายอย่าง อาทิ เอกสารงาน กล้องถ่ายรูป เครื่องอัดเสียง ฯลฯ) พบว่า ซิบถูกรูดให้เปิดออกเล็กน้อย

เมื่อสำรวจสิ่งของในกระเป๋า ปรากฏว่า กระเป๋าเงินยังอยู่ กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ อยู่ครบ ก็แปลกใจ หันกลับไปถาม คุณป้า
ผู้หวังดีที่เตือนอยู่ และกำลังจะเดินเลี่ยงไปว่า

"ใครป้า คนไหน บอกหนูมา"

คุณป้า คนดังกล่าว ชี้ๆ ด้วยความหวาดกลัว แล้วรีบเดินหนีไป ทีมงานกล่าวขอบคุณ และวิ่งตามไปดูหน้า พร้อมดึงแขน

เด็กผู้หญิง ลักษณะผิวดำสนิท ผมยาวสกปรก ผูกผมหางม้าลุ่ยๆ ด้วยหนังยางสีดำ ใส่เสื้อยืดสีขาวยาวปิดน่อง ตัวเดียว เดินมึนๆ
ซึ่งเด็กคนดังกล่าว ก็ทำเฉยๆ เมื่อ มองไปที่มือทั้งสองข้างพบแต่ความว่างเปล่า ทีมงานจึงชะงักเล็กน้อย และปล่อยมือ (ห้าวไป...เยาวชนไม่ควรเลียนแบบ)

จังหวะ นั้น มีผู้ชายอีกคนถามขึ้นว่า "มีอะไรน้อง โดนล้วงกระเป๋าหรือ"

"ใช่พี่ มีคนบอกว่า หนูโดนล้วงกระเป๋า แต่ของหนูก็อยู่ครบนะ"

ชายคน ดังกล่าว พูดต่อว่า "เฮ้ย พี่เห็นพวกมัน 3 คน คอยเดินชนๆ คนอื่นมาสักพักแล้ว ผิดสังเกตมาก"

"คนไหนพี่ ผู้หญิงตัวเตี้ยๆ ดำๆ เสื้อยืดสีขาวตัวยาวๆ ตัวเดียวหรือเปล่า"

"ใช่ๆ คนนั้นแหละ กับพวกอีกสองคน"



เมื่อทีมงานขอบคุณชายคนดังกล่าว และหันไปมองอีกครั้งปรากฏว่า เด็กดำ คนนั้น ได้วิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว

ทีมงานจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปที่เบอร์ 191 เพื่อแจ้งความ ปรากฏว่า สายไม่ว่าง จึงเดินต่อไปอีกสักพัก พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ
บนสะพานลอยหลบมุมคุยกันอยู่ 2 นาย จึงตรงเข้าไปแจ้งเหตุให้ทราบ ได้คำตอบว่า

"พวกนี้จับยาก มันก็เดินแถวนี้ไปตลอดนั่นแหละ น้องต้องระวังตัวเอง กระเป๋านี่เอามาไว้ด้านหน้า อย่าเผลอ พวกนี้จะคอยจับตาดู
เราอยู่ตั้งแต่ แรกๆ แล้ว เผลอเมื่อไรมันตามทันที"



เมื่อทีมงานสอบถามต่อว่า แล้วเราทำอะไรได้บ้าง เพราะเกรงว่าจะมีคนเดือดร้อน จากแก๊งมิจฉาชีพ ไร้จิตสำนึกอีก

"พี่จะคอยดูๆ ให้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากหรอก เราไม่มีหลักฐาน ไปค้นตัวเค้าก็ไม่ได้ เจ้าทุกข์ก็ไม่มี จับไม่ได้หรอก"


"อ้าว ก็เดี๋ยวหนู เป็นพยานให้"

"มันก็ทำอะไรยากอยู่ ดี ไม่มีหลักฐาน"


"แบบนี้ถ้ามีกัน 3 คน อีกคนล้วง ส่งให้เพื่อนในแก๊ง ก็แปลว่า ไม่มีหลักฐานแล้วสิ"


"อืม...ก็ใช่นะ แต่เอาเป็นว่า ต้องระวังตัวเองนั่นแหละ"

...เมื่อ ทีมงาน ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขึ้นรถเมล์เพื่อไปทำงานต่อ ระหว่างที่ค้นหาเศษสตางค์ เพื่อจ่ายค่ารถเมล์
สำรวจในกระเป๋าพบว่า ถุงใส่เศษเงิน หายไป! แต่นับว่ายังโชคดีกว่าอีกหลายๆ คน เพราะถ้า กระเป๋าเงิน หรือกล้องถ่ายรูป
หรือ โทรศัพท์มือถือหาย จะต้องลำบากกว่านี้มากนัก




อย่าง ไรก็ตาม ทางทีมงาน ก็ต้องขอ ขอบพระคุณ คุณป้า พี่ผู้ชาย บนสะพานลอย ที่ได้ให้ความช่วยเหลือกับคนแปลกหน้า และ
ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ ได้ให้คำแนะนำ แต่อยากวอนว่า ให้ช่วยเดินตรวจตรา ให้บ่อยกว่านี้ เพราะหากแก๊งมิจฉาชีพ
เห็นว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมือง จริงจัง ก็จะทำให้เกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าก่อเหตุ

เหตุการณ์ ครั้งนี้ ถึงแม้จะไม่มีการสูญเสียใหญ่หลวง แต่ก็ถือเป็นบทเรียนว่า ไม่ควรตั้งอยู่ในความประมาท และโดยสายอาชีพของ
คนทำข่าวที่ต้องกลับบ้านดึกๆ ความปลอดภัยย่อมลดน้อยลงไปด้วย อย่างเหตุการณ์ที่คนรอบข้างได้ประสบมานั้น จะขอยกตัวอย่าง
ให้ฟังอีก 2 กรณี




เหตุการณ์ที่ 1
เพื่อน นักข่าวสายการเมือง กลับบ้านดึก กำลังจะขึ้นรถส่วนตัวขับกลับบ้าน บริเวณลานจอดรถของอาคารสำนักงานแห่งหนึ่ง
มีกลุ่มมิจฉาชีพทำเป็นขบวนการ โดยอีกคนจะคอยจ้องอยู่ด้านหลังรอจังหวะเผลอ ซึ่งเพื่อนคนดังกล่าว ก็คุยโทรศัพท์อย่าง
เพลิดเพลิน ชายคนหนึ่งจึงตรงเข้ามาทางด้านหลัง และตีแขนเพื่อให้โทรศัพท์หลุดจากมือ พร้อมให้ชายอีกคนวิ่งเข้ามาคว้า และ
หาก ได้ของก็จะหนีกันไปอย่างรวดเร็ว ดีที่ว่า เพื่อนคนดังกล่าวมีสติ พอถูกตีแขน ก็รีบกอดโทรศัพท์ไว้ด้านหน้า และทำทีล้มลง
คุดคู้ โอบสิ่งของทุกอย่างไว้กลางลำตัว และร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ทำให้ รปภ.วิ่งมาดูเหตุการณ์ 2 คนร้าย จึงหนีไปอย่าง
รวดเร็ว

เหตุการณ์ ที่ 2
เพื่อนนักข่าวต่างประเทศ กำลังเดินกลับบ้าน บริเวณสะพานลอยอนุสาวรีย์ชัยฯ โดน คนเหยียบรองเท้าสะดุดล้ม ซึ่งเป็นคนที่ระวังตัว
อยู่แล้ว ในระหว่างที่หันกลับไปใส่รองเท้าให้เข้าที่ ก็เอากระเป๋ามากอดไว้ด้านหน้า พร้อมตะโกนว่า "แม่.. ชนคนแล้วก็ไม่ขอโทษเลย"
แต่ ก็รู้สึกผิดสังเกตว่า ทำไมระหว่างที่ใส่รองเท้า มีคนเข้ามาชนตลอดเวลา เมื่อเงยหน้าขึ้น พบว่า ผู้ชายคนดังกล่าว รีบผลุนผลัน
เดินหนีไป

ยังมี เหตุการณ์หลากหลายที่เล่าไปก็ไม่มีวันหมด เอาเป็นว่า ชีวิตและทรัพย์สินของทุกท่าน ก็คงต้องรักษากันเอง เพราะสังคมปัจจุบัน
โจรขโมย ต่ำช้า ไร้ซึ่งจิตสำนึก ที่หลายคนก่นด่าว่า เหมือนสัตว์นรกนั้น ยังมีมากมาย...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น