พุทธศาสนาไม่เพียงมองว่าสรรพชีวิตในโลกล้วนเป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งนั้น  
หากยังเห็นว่าสรรพชีวิตล้วนมีความเกี่ยวดองกันในฐานะญาติมิตร  อย่างน้อยก็ในอดีต  
ดังมีพุทธพจน์ตรัสว่า สัตว์ทั้งหลายในสังสารวัฏ  แทบไม่มีเลยที่ไม่เคยเป็นมารดา 
บิดา พี่ชาย น้องชายพี่สาว น้องสาว ของกันและกันมาก่อน
ความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกันของสรรพชีวิตตลอดจนสรรพสิ่งในโลกนี้
เป็นแนวคิดที่กำลังขยายตัวเข้าสู่แวดวงวิทยาศาสตร์มากขึ้น อาทิ ควอนตัมฟิสิกส์ 
ซึ่งศึกษาถึงความจริงในระดับที่เล็กกว่าอนุภาค ก็พบว่าคุณสมบัติของอนุภาคใดอนุภาคหนึ่งนั้น
ไม่แยกจากผู้สังเกตด้วย  ทำนองเดียวกับที่สสารและพลังงานไม่อาจแยกจากกันได้อย่างเด็ดขาด
ศาสตร์สมัยใหม่  ถ้าศึกษาอย่างจริงจังสามารถช่วยให้เราเห็นถึงความสีมพันธ์เชื่อมโยงกับ
สรรพชีวิตและสรรพสิ่งได้  พูดอีกอย่างคือ ทำให้เราตระหนักว่า เราทั้งหมดล้วนเป็นญาติพี่น้องกัน
 ความรู้อย่างนี้แหละที่จะช่วยให้เราลดความอหังการลงไป  อ้อนน้อมถ่อมตนมากขึ้น 
 และรักกันมากขึ้นด้วยแทนที่จะรังเกียจเดียดฉันท์เพราะความต่างทางด้านสีผิว เชื้อชาติ ภาษา หรือศาสนา 
 ความต่างเหล่านั้นแม้จะมีอยู่จริง  แต่ก็เป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับความเหมือนและความคล้ายคลึง  
ที่สำคัญก็คือ  ความต่างนั้นเป็นสิ่งที่เราประดิษฐ์ขึ้นมาเป็นส่วนใหญ่  
ขณะที่สิ่งที่เรามีเหมือนกันนั้นฝังลึกอยู่ในสายเลือดอันมิอาจแปรเป็นอื่นได้
 
การช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นโดยไม่เลือกสีผิว  เชื้อชาติ  ภาษาและประเทศ  
จึงมิใช่แค่จริยธรรมแบบพุทธเท่านั้น  หากยังเป็นจริยธรรมสากลสำหรับโลกทุกยุคสมัยด้วย
 
  พระอาจารย์ไพศาล  วิสาโล
 
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น