++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

ผู้เปลี่ยนเงินเป็นบุญ เปลี่ยนทุนเป็นธรรม

จอห์น ดี ร็อคกี้เฟลเลอร์
ผู้เปลี่ยนเงินเป็นบุญ เปลี่ยนทุนเป็นธรรม
“ยอห์น. ดี. รอคกี้เฟลเลอร์ (บิดา) มีเงินถึงหนึ่งล้านเหรียญเมื่ออายุเพียง ๓๔
(สามสิบสี่) ปี และเมื่ออายุ ๔๓ (สี่สิบสาม) ปี ได้เป็นผู้ตั้งบริษัทผูกขาดในการค้าน้ำมันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก คือบริษัทน้ำมันสแตนดาร์ดออยล์ (Standard Oil) แต่พออายุ ๕๓ (ห้าสิบสาม) ปี สุขภาพของเขาเสื่อมโทรมมาก เพราะนิสัยชอบทุกข์ร้อนเคร่งเครียดของเขา ผู้เขียนประวัติของเขา คนหนึ่งกล่าวว่า “เมื่อรอคกี้เฟลเลอร์อายุ ๕๓ ปี รูปร่างหน้าตาของเขาเหมือนมัมมี่”
“เมื่ออายุ ๕๓ ปี เป็นโรคเครื่องย่อยอาหารพิการอย่างรุนแรง จนผมร่วง ขนตาและอื่นๆ ก็ร่วง ขนคิ้วยังเหลืออยู่เพียงหยอมแหยม
“แพทย์ บอกว่า ที่เขาหัวล้านเช่นนี้สืบเนื่องมาจากประสาทอ่อนกำลัง เขาสะดุ้งกลัวมาก จนเขาต้องสวมฝาครอบผ้าบางๆ ปิดศีรษะอยู่ตลอดเวลา ต่อมาเขาซื้อผมปลอมชนิดสีเงินมาสวม ราคาชุดละห้าร้อยเหรียญ และสวมผมปลอมต่อมาจนตลอดชีวิต
“เดิมที รอคกี้เฟลเลอร์เป็นผู้มีอนามัยดี แข็งแรง ปราดเปรียว ครั้นพออายุได้ ๕๓ ปี ไหล่ของเขาตก เดินกระย่องกระแย่ง ทั้งนี้สืบเนื่องจากการทำงานหักโหมหนัก วิตกทุกข์ร้อนไม่รู้จักสิ้นสุด โมโหโทโสดุด่าไม่เว้นแต่ละวัน กลางคืนนอนไม่หลับ ขาดการบริหารร่างกายและพักผ่อนหย่อนใจ
“ดู เถิด มหาเศรษฐีแท้ๆ ทำไมจึงกลายเป็นผู้ไร้ความสุขไปได้ แม้ว่าขณะนั้นเขาเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เขาดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่คนยากคนจนไม่อยากจะแตะต้องรายได้ของเขาเวลา นั้นตกสัปดาห์ละหนึ่งล้านเหรียญ แต่ค่าอาหารประจำวันของเขาทุกมื้อตกเพียงสัปดาห์ละสองเหรียญเท่านั้น
“รอ คกี้เฟลเลอร์อยากให้คนทั้งหลายรักเขา แต่ปรากฏว่ามีคนชอบเขามีเพียงไม่กี่คน คนส่วนมากเกลียดเขาไม่ต้องการติดต่อเกี่ยวข้องกับเขาไม่ว่าในทางธุรกิจหรือ ในทางใดๆ แม้น้องชายของเขาเองก็เกลียดเขา จนถึงกับพาลูกๆ ออกไปจากบ้านประจำตระกูลซึ่งรอคกี้เฟลเลอร์สร้างขึ้น น้องชายของเขาพูดว่า “ฉันไม่ยอมให้สายเลือดของฉันต้องอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่เป็นของเจ้ายอห์น.ดี.”
“เสมียนพนักงานของเขาก็ไม่ชอบเขา หวาดกลัวเขาไปตามๆ กัน เพราะรอคกี้เฟลเลอร์เป็นคนขี้ระแวง เขาเป็นคนไว้วางใจมนุษย์ด้วยกันน้อยที่สุด
“ปรากฏ ว่าในบริเวณบ่อน้ำมันต่างๆในรัฐเพ็นซิลเวเนีย รอคกี้เฟลเลอร์เป็นคนที่ถูกเกลียดชังมากที่สุดในโลก คู่แข่งขันของเขาซึ่งถูกทำลายย่อยยับไปแล้วด้วยวิธีต่างๆ ต่างเคียดแค้นชิงชังเขาและอยากจะแขวนคอเขาเป็นที่สุด มีจดหมายแช่งชักหักกระดูกรวมทั้งขู่เข็ญจะเอาชีวิตหลั่งไหลมาสู่สำนักงานของ เขานับไม่ถ้วน เขาต้องการองครักษ์จำนวนหนึ่งเพื่อป้องกันชีวิต
“ลงท้าย เขาได้ประจักษ์ความจริงว่า ตัวเขาหนีความเป็นมนุษย์ไปไม่พ้น เขาไม่
สามารถ ทนทานต่อความเกลียดชังของคนหมู่มากซึ่งอยู่รอบตัวเขา และไม่สามารถทนทานต่อความทุกข์ร้อนซึ่งมีอยู่ประจำได้ ผลก็คือสุขภาพของเขาเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ เขาต้องเผชิญกับศัตรูใหม่คือความเจ็บป่วย อาการของเขาคือนอนไม่หลับ เครื่องย่อยอาหารพิการ จิตใจของเขาสุมอยู่ด้วยความทุกข์ร้อนกระสับกระส่าย
“แพทย์ ได้บอกความจริงกับเขาว่า ขอให้เขาเลือกเอาอย่างหนึ่ง คือ ธุรกิจการเงินหรือชีวิต และจะต้องตัดสินใจเลือกอย่างรวดเร็วด้วย ถ้าเขาเลือกเอาชิวิตไว้ ขอให้เลิกงานด้านธุรกิจอย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
“เขาเลือกเอาชีวิตไว้ แพทย์ได้วางกฎ ๓ ข้อให้เขาปฎิบัติอย่างเคร่งครัด คือ
๑. อย่าวิตกทุกข์ร้อนในสิ่งหนึ่งสิ่งใดทุกๆ กรณี
๒. พักผ่อนด้วยการออกกำลังกายขนาดเบากลางแจ้ง
๓. ระวังเรื่องอาหารประจำวัน อย่ากินเมื่อยังไม่หิว
“รอ คกี้เฟลเลอร์ ปฏิบัติตามกฎเหล่านี้ ผลก็คือ เขารอดตาย เขาหยุดงานด้านธุรกิจแต่หันมาสนใจเรื่องของเพื่อนบ้าน และเล่นกีฬาในร่มเล็กๆ น้อยๆ
“ระหว่างที่รอคกี้เฟลเลอร์ทรมานจากโรคนอนไม่หลับและหยุดงานธุรกิจแล้วนั้นเขามีเวลาเหลือเฟือที่จะคำนึงถึงสิ่งต่างๆ เขา เริ่มคิดถึงผู้อื่น เขาเลิกคิดถึงเรื่องการกอบโกยเงิน แต่เขากลับคิดว่าเขาจะต้องใช้เงินจำนวนสักเท่าใด จึงจะสามารถสร้างความสุขให้ปวงมนุษย์ในโลกได้
“ด้วยเหตุผลดังกล่าวมา เขาเริ่มบริจาคเงินจำนวนล้านๆ เพื่อสาธารณกุศล
“วิทยาลัย เล็กๆ แห่งหนึ่งบนฝั่งทะเลสาบมิชิแกน ซึ่งกำลังจะถูกธนาคารยึด แต่ได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชิคาโก เพราะการช่วยเหลือของเขาโดยการบริจาคเงินหลายล้านเหรียญ เขาบริจาคเงินช่วยเหลือการศึกษาของชาวนิโกร
“เขา เองอีกนั่นแหละ บริจาคเงินหลายล้านเหรียญในการปราบพยาธิปากขอจนหมดไปจากภาคใต้ของสหรัฐ อเมริกา เขาได้ตั้งมูลนิธิอันยิ่งใหญ่เพื่อเป็นประโยชน์แก่โลก นั่นคือ รอคกี้เฟลเลอร์มูลนิธิ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ และเพื่อความสุขสวัสดีของปวงมนุษย์ทั่วโลก
“ไม่ เคยปรากฏมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ ว่าจะมีองค์กรใดได้บำเพ็ญประโยชน์แก่มนุษย์อย่างกว้างใหญ่ไพศาลเหมือนรอคกี้ เฟลเลอร์มูลนิธิ รอคกี้เฟลเลอร์มูลนิธิเป็นสิ่งแปลกและใหม่ของโลก เขาให้ทุนเพื่อการศึกษาค้นคว้าสิ่งต่างๆ มากมาย รวมทั้งในวงการแพทย์ด้วย เราต้องขอบคุณเขาในเรื่องยาหลายชนิด เช่น เพนนิซิลิน, ยา ในการรักษาเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เขาร่วมบริจาคในการต่อสู้ทำลายโรคมาเลเรีย วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ โรคคอตีบ และโรคอื่นๆ อีกมาก ซึ่งระบาดอยู่ทั่วโลก
“สำ หรับรอคกี้เฟลเลอร์เอง ได้รับผลจากการปฏิบัติเช่นนั้นของเขาอย่างดียิ่ง คือได้รับสันติสุขทางใจอย่างล้นเหลือ ได้รับความยกย่องนับถือไปทั่วโลก
“ยอห์น. ดี. รอคกี้เฟลเลอร์ ผู้ซึ่งกำลังจะตายเมื่ออายุ ๕๓ ปี กลับเป็นผู้มีอายุยืนถึง ๙๘ (เก้าสิบแปด) ปี อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งนี้เพราะเขาได้เปลี่ยนชีวิตของเขาจากความหน้าเลือดเห็นแก่ได้เอารัดเอา เปรียบมาเป็นผู้เสียสละ บำเพ็ญประโยชน์เพื่อความสุขของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และตัวเขาเองก็กลายเป็นผู้มีความสุขความสงบแห่งจิต เขาเปลี่ยนคนเกลียดชังให้รักใคร่เพราะเขาเปลี่ยนแปลงแนวคิด การกระทำของเขาก่อน รวมความว่าเปลี่ยนแปลงตัวเขาเอง ทำตัวเขาให้เป็นประโยชน์แก่คนทั้งหลาย ทำความดีและเพิ่มพูนความดีอยู่เรื่อยๆ
ความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริงอยู่ตรงนี้...”

1 ความคิดเห็น: