++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553

นิทานเซน : ลา (ไม่) โง่

โดย นพ.ประสาน ต่างใจ
โพสท์ในลานธรรมเสวนากระทู้ที่ 000155 โดย คุณ : Lynnie [ 19 ก.ค. 2542 ]
ที่จริงลานั้นไม่โง่เลย ในธรรมชาติในทุ่งหญ้าที่ม้าลาปนเปอยู่ด้วยกันเป็นฝูง ผู้นาฝูงจะต้อง
เป็นลาเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ตัวมันเล็กกว่า แต่มีความสามารถมีความแข็งแรงกว่าม้ามากนัก ทั้งยังมี
ความสามารถเรียนรู้ได้เร็ว ตานานโบราณของนักเดินทางจึงมีเรื่องของลากับมูเลาะห์ นัสรูดิน คนที่
เหมือนกับลา มีความโง่ที่ฉลาดหลักแหลม เพียงแต่ว่าค่อนข้างจะไม่ค่อยมีจังหวะจะโคน นิทานของ
ลากับนัสรูดินนั้นมีหลายตอน เป็นทั้งปรัชญาธรรมชาติและเป็นภูมิปัญญาโบราณ ซึ่งบางทีก็ต้องอ่าน
ซ้าหลายครั้งถึงจะเข้าใจ
นัสรูดินนั้นเรียนรู้โลกและความจริงทางโลกจากลา และลาก็เรียนรู้โลกของลาจากนัสรูดิน ดัง
นิทานที่เล่าถึงการเดินทางไปค้าขายของนัสรูดินที่ต้องเดินทางข้ามแม่น้า
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นัสรูดินนาเกลือไปขายที่เมืองจีน เขาได้นาเกลือจานวนมากใส่กระสอบแล้วผูก
กระสอบเกลือบรรทุกไว้บนหลังลา จนมันหลังแอ่นเดินแทบไม่ไหว ระหว่างเดินทางข้ามแม่น้าที่
ค่อนข้างกว้างสายหนึ่ง เกลือที่บรรทุกอยู่บนหลังลาที่เปียกชุ่มน้าตลอดทาง ก็ค่อย ๆ ละลายจนเกือบ
หมด เมื่อถึงฝั่งตรงกันข้ามลามันก็รู้สึกว่าน้าหนักที่แบกมาจนหลังแอ่นนั้นอยู่ ๆ ก็หายไป มันก็ดีใจวิ่ง
ไปมารอบ ๆ นัสรูดินเป็นวงกลม พร้อมกับส่งเสียงร้องดัง ๆ
จนนัสรูดินทั้งอายทั้งโกรธตัวเอง และพาลไปโกรธลาด้วย คิดในใจว่า "เออ ดีแล้ว ทีใครทีมัน
... วันหน้าจะได้เห็นกัน"
ในการเดินทางไปค้าขายในคราวต่อมา นัสรูดินก็ขนเอาฝ้ายมัดใหญ่บรรทุกบนหลังลาจนหลัง
แอ่นแทบเดินไม่ไหวอีก
พอทั้งลากับคนเดินทางมาถึงแม่น้าและข้ามน้าไปได้สักครู่ น้าหนักของฝ้ายอมน้าก็ทวีเพิ่ม
มากขึ้นจนลาแทบจะจมน้าตาย นัสรูดินต้องคอยช่วยกว่าลาจะข้ามแม่น้าและขึ้นฝั่งมาได้ก็เหนื่อยกัน
ทั้งคนทั้งสัตว์ เมื่อขึ้นมาได้นัสรูดินก็หัวเราะและพูดกับลาว่า
"นั่นแหละที่จะสอนให้เจ้ารู้ว่า การเดินทางข้ามแม่น้าแต่ละครั้งได้สอนอะไรให้เรียนรู้บ้าง เห็น
ไหมว่าทุกครั้งที่เจ้าข้ามแม่น้า เจ้าย่อมได้เรียนสิ่งใหม่เสมอ อย่าโทษข้า แต่ต้องขอบใจถึงจะถูก"
และลาก็เรียนรู้จริง ๆ จนต่อมาใคร ๆ ก็รู้และกล่าวขานกันทั่วว่า นัสรูดินมีลาที่นอกจากจะไม่
โง่แล้วยังชาญฉลาดยิ่งนัก
หลังจากนั้นอีกนานต่อมา มีสหายที่สนิทสนมกับนัสรูดินมากคนหนึ่งแวะมาหาเพื่อขอยืมลาที่
ฉลาดตัวนั้นสักครั้ง
โชคไม่ดีที่นัสรูดินได้ข่าวล่วงหน้าก็เลยเอาลาไปล่ามและขังไว้ในห้องที่หลังบ้าน
ดังนั้นเมื่อสหายของเขามาถึงที่พักของนัสรูดินก็แปลกใจที่ไม่เห็นลาที่ปกติจะพบยืนกินหญ้า
อยู่ที่ทุ่งหน้าที่พัก สหายของนัสรูดินจึงถามว่า "ข้าตั้งใจมาขอยืมลาของท่านไปทางานสักสองสามวัน
แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้มันไปอยู่เสียที่ไหน ข้าถึงไม่เห็นมัน"
นัสรูดินทาหน้าเหมือนกับว่าเห็นใจที่เพื่อนต้องมาเสียเที่ยวเปล่า ๆ เขาตอบว่า"ข้าเสียใจจริง
ๆ ตอนนี้ข้าไม่มีลาเสียแล้ว"
ทันทีที่นัสรูดินพูดจบเสียงร้องของลาก็ดังลั่นขึ้นมา ก็รู้อยู่แล้วว่าลานั้นมันร้องดังแค่ไหน
สหายของนัสรูดินจึงพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "แล้วนั่นเสียงอะไร ไม่ใช่เสียงร้องของลา
ดอกหรือ ท่านไม่น่าพูดปดว่าไม่มีลาอีกแล้ว จะไม่ให้ข้ายืมลาก็น่าจะบอกกันตรง ๆ ก็ได้"
นัสรูดินหันหน้ามาหาสหาย แล้วก็พูดถามขึ้นอย่างช้า ๆ ว่า
"แล้วระหว่างข้ากับกับลาของข้า - ท่านจะเชื่อใครกันล่ะ ? "
Page 2
แล้วคุณจะเชื่อใคร ? ทาให้ระลึกถึงคาตอบที่พระพุทธเจ้าบอกแก่สานุศิษย์ของพระองค์ว่า
อย่าเชื่อผู้หนึ่งผู้ใด อย่าเชื่อตามที่เขาเล่ามา อย่าเชื่อคัมภีร์หรือแม้แต่เชื่อสมณะที่เป็นครูของตนบอก
เช่นนั้น แต่ต้องติดตามแสวงหาประสบการณ์ด้วยตนเอง คิดวิเคราะห์ด้วยตนเอง ตัวเองเท่านั้นที่เป็น
สรณะที่พึ่ง ไม่ใช่พึ่งผู้อื่นหรือพึ่งระบบหนึ่งระบบใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น