++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2552

คุณรักลูกจริงหรือ?/อำนาจ

โดย อำนาจ เกิดเทพ     .
       "ถ้าหนูจะฆ่าตัวตาย คงไม่ใช่ความคิดที่ผิดนะ..."
      
        ยอมรับทีเดียวครับว่าผมตกใจมากทีเดียวหลังจากที่ได้ประโยคดังกล่าว
      
        ก็จะไม่ให้ตกใจอย่างไรล่ะครับ ในเมื่อเจ้าของคำพูดที่ว่าเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กวัยยังไม่เต็ม 10 ขวบ!
      
        "เฮ้อ...ก็จะไม่ให้มันคิดได้อย่างไรล่ะน้อ ไอ้พ่อรึก็เจ้าชู้ ติดผู้หญิงไปเรื่อย ส่วนแม่ก็ต้องทำงานจนแทบจะไม่มีเวลาอยู่กับลูกกับเต้า..." ป้าของผมที่เอาเรื่องดังกล่าวมาเล่าให้ฟังพูดพร้อมกับถอนหายใจด้วยความเป็นห ่วง ก่อนจะสำทับด้วยว่าหลานพูดประโยคที่ว่าด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจังเอาเ รื่องทีเดียว
      
        ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งเราเดินเข้าสู่โลกแห่งความล้ำหน้าทันสมัย คุณผู้อ่านรู้สึกหรือคิดเหมือนผมมั้ยครับว่าสังคมไทยเรายิ่งมี "ปัญหา" ที่ "น่าห่วง" มากยิ่งขึ้นไปเท่านั้น
      
        โดยเฉพาะในเรื่องของกระบวนการวิธีการคิด
      
        ที่สำคัญก็คือ ในขณะที่ปัญหามีสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ คนส่วนใหญ่กลับพยายามที่จะไม่มองว่าสิ่งต่างๆ เรื่องราวต่างๆ มันเป็น "ปัญหา" ที่ต้องแก้ไขด้วยการหยิบยกเอาเรื่องของโลกที่เปลี่ยนไป เรื่องปากเรื่องท้อง เรื่องของรสนิยม เรื่องของสิทธิอิสระเสรีภาพเข้ามาเป็นเหตุผลในการอธิบายให้เกิดความชอบธรรม
      
        หรืออย่างน้อยๆ ก็ให้รู้สึกว่ามันไม่หาใช่ปัญหาแต่อย่างใดหากเราหลับตาไปซะข้างนึง

   
       นักศึกษาถูกฆ่าด้วยประเด็นชู้สาว, เด็กนักเรียน-เด็กช่างกล ยกพวกตีกัน, สื่อประโคมแต่ข่าวภาพ-
       คลิปดารานักร้องหลุด, เรื่องร้านเหล้ารอบๆ มหาวิทยาลัย, นักเรียน-นักศึกษาแห่ขายตัวผ่านทางอินเทอร์เน็ตกันอย่างโจ่งครึ่ม ฯลฯ ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้คือข่าวคราวในรอบสัปดาห์-สองสัปดาห์ที่ผ่านมาที่สะท ้อนให้เห็นถึงปัญหา ซึ่งใช่มั้ยว่าหากย้อนไปไกลกว่านั้นเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นอย่างวนเวียนซ้ำๆ ซากๆ มาแล้วทั้งนั้น
      
        ต้องยอมรับครับว่าทั้งสื่อเอง ทั้งสภาพสังคม ทั้งระบบการศึกษา ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะบ่มเพาะให้คนในสังคมนั้นมีแนวคิดไปในทิศทางเช่นไร แต่บรรยากาศเริ่มต้นซึ่งก็คือบ้านก็ถือว่ามีส่วนสำคัญไม่น้อย
      
        ปัจจุบันสิ่งที่น่าห่วงเป็นอย่างยิ่งก็คือความไม่ค่อยจะรู้ทันการเปลี่ยนแปล งทางเทคโนโลยีของผู้ที่เป็นพ่อและแม่กับคนที่เป็นลูก อันนำมาซึ่งความคิดความเข้าใจที่ค่อนข้างจะสวนทางกัน
      
        เรื่องของหลานป้า ทำให้ผมนึกไปถึงคำสัมภาษณ์ของ “หญิง อภิสรา” พิธีกรรายการ“X-SHOP” ทางช่องเคเบิลทีวีช่องหนึ่ง รวมถึงเคยมีข่าวพัวพันกับคุณบอล "ภราดร ศรีชาพันธ์" มาก่อนหน้านี้
      
        ล่าสุดเธอก็ตกเป็นข่าวอีกครั้งกรณีเรื่องของการมีลูก
      
        ลองมาอ่านบทสัมภาษณ์บางส่วนที่ผมนำมาจาก http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000012224 เป็นข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะกันดูครับ...
      
        “หญิงไม่ได้ปกปิดนะแต่ไม่เคยมีใครถามหญิง มันไม่ใช่ตราบาปหรือสิ่งที่เลวร้ายนะในการมีครอบครัว แต่หญิงคิดไว้อยู่แล้ว คิดไว้ทุกวันว่าวันหนึ่งถ้าเราเป็นที่รู้จักมันมีทั้งคนที่ชอบหรือไม่ชอบเรา เขาก็อาจจะไปขุดคุ้ยประวัติมาแฉ เราก็ต้องยอมรับสภาพตรงนี้อยู่แล้ว แต่หญิงคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรเสียหาย อันนี้เป็นชีวิตครั้งหนึ่งที่เคยผ่านมาเท่านั้นเอง”
      
        “แต่จริงๆ หญิงก็กลัวนะว่ามันจะมีผลกระทบเรื่องงาน กลัวเหมือนกันว่าถ้ามีคนรู้ชีวิตต่อไปหญิงจะทำยังไง ทุกวันนี้หญิงทำงานคิดอย่างเดียว หญิงอยากมีเงินเยอะๆ อยากประสบความสำเร็จ อยากมีบ้านที่เป็นของตัวเอง อยากมีเงินเก็บ อยากมีอะไรที่เพียบพร้อมทุกอย่าง เราจะได้ช่วยเหลือส่งไปให้เค้าบ้าง หญิงก็อยากเป็นแม่ที่ดี อยากเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง”
      
        “เอาอย่างนี้สมมติถ้าวันนั้นหญิงตัดสินใจไปทำแท้งหรือทำอะไรที่มันแย่กว่านี ้ คนก็ต้องมองว่าหญิงเคยมาทำแท้ง กับการที่หญิงเคยมีครอบครัวมาแต่มันไปด้วยกันไม่ได้ก็จบกันไป ถามว่าอันไหนมันดูดีกว่ากัน หญิงว่ามันคงจะดีกว่าให้คนมาว่า ยายนั่นเคยทำแท้ง ให้เขาบอกว่า คนนี้เคยมีครอบครัวมาแล้ว แต่เขาก็เรียนจบแล้ว ลูกเขากำลังเรียนแต่เขาก็มีชีวิตที่ดี หญิงว่าแบบนี้ก็น่าจะดีกว่านะ”
      
        “หญิงเป็นแม่หญิงเสียใจอยู่แล้ว ตอนแรกหญิงจะเอาน้องมาอยู่ด้วยแต่ทางนั้นเขาก็ไม่ยอมเขาก็รักของเขา เขาอยากดูแลเลี้ยงดูให้หญิงไปมาหาสู่ได้ หญิงก็เสียใจนะเราก็ดูแลมาเลี้ยงดูมาตั้งนาน แต่น้องอยู่กับทางนั้นก็ดีเพราะเขาดูแลดีรักหลานมาก หญิงก็ดีใจนะที่เขาอยู่ทางนั้นมันดีแล้ว เพราะชีวิตหญิงจะต้องดูแลแม่ ไหนจะน้องหญิงก็มีแฟนมีหลานมีตัวเล็กอีก ถ้าน้องมาอยู่กับเราเขาก็อาจจะย่ำแย่ก็ได้”
      
        “หญิงเป็นเสาหลักของครอบครัว ทุกอย่างมันรุมเร้าที่หญิงหมดทุกอย่าง หญิงก็ไม่รู้จะทำไงก็อยากจะทำงานอยากเก็บเงิน อยากมีใครซักคนเข้ามาในชีวิตและเข้าใจหญิง และรับได้ถ้าวันหนึ่งเราจะพูดอะไรออกไป ก็ไม่รู้ว่าเขาจะรับเราได้ไหม คนเราไม่มีใครอยากจะมีแผลหรอก ไม่มีใครอยากจะเป็นแบบนี้”
      
        ดูเหมือนจะน่าเห็นใจ ดูเหมือนคนพูดเองจะเข้าใจโลกแล้ว แต่เปล่าเลยครับ ผมไม่ได้เกิดความรู้สึกอย่างที่ว่าเลยกับคำให้สัมภาษณ์นี้ของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับการวางตัว รวมถึงงานที่คุณหญิงทำ ซึ่งดูเหมือนจะหนักไปในทิศทางของการตอบสนองความกระหายอยากใคร่อยากรู้ในเรื่ องทางเพศเสียเป็นส่วนใหญ่
      
        คงจะมีหญิงสาวอีกไม่น้อยทีเดียวครับที่มีแนวคิดในลักษณะนี้โดยไม่รู้สึกว่าต นเองจะมีความผิดอะไร นอกเสียจากการตกเป็นขี้ปากของพวกบรรดามือถือสากปากถือศีล
      
        จะเป็นไรถ้าชั้นจะหาสามีรวยๆ (ก็ในเมื่อเขาเอาชั้น(เป็นภรรยา)) จะเป็นไรถ้าชั้นจะถอดเสื้อถอดผ้าถ่ายแบบเซ็กซี่ (ก็ในเมื่อเขาจ้างชั้น) จะเป็นไรถ้าชั้นจะขายตัว (ก็ถ้าในเมื่อมีคนซื้อฉัน)
      
        ถ้าพวกคุณสุภาพบุรุษไม่สนใจ ก็ไม่ต้องเอา(ชั้นเป็นภรรยา) ไม่ต้องมอง ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องซื้อสิ
      
        ผมอาจจะ(คิด)ผิดก็ได้ที่จะบอกว่า ผมว่าคุณหญิงเองไม่ได้รักลูกเลยสักเท่าไหร่หรอกครับ ในทางกลับกันคุณอาจจะคิดไปถึงขนาดที่ว่าเลือดเนื้อเชื้อไขคนนี้เป็นเสมือน ปัญหา-อุปสรรค ในความทะยานอยากของชีวิตตัวเองที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที ่ต้องการในรูปของ ชื่อเสียง ทรัพย์สิน เงินทอง
      
        สายใยแห่งความรัก ความผูกพัน ความรู้สึกรับผิดชอบในสิ่งที่ดีสิ่งที่ชั่วที่มนุษย์จำเป็นจะต้องมีเพื่อให้ สังคมอยู่กันอย่างไม่เบียดเบียน ไม่ฉกฉวย และไม่ทำผิดกฏระเบียบนับวันจะยิ่งจืดจางหาย และด้อยค่าลงไปเรื่อยๆ โดยมีเรื่องของชื่อเสียงทรัพย์สินเงินทองเป็นมาตรฐานใหม่ในการชี้วัดถึงการท ี่จะได้รับความนับถือ การเคารพยกย่องจากคนในสังคมเกิดขึ้นมาแทน
      
        ผมเองไม่รู้เหมือนกันครับว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้คุณหญิงต้อง "ทิ้งลูก" แต่ที่ผมรู้สึกก็คือความโล่งใจที่คุณหญิงไม่ได้เลี้ยงลูกเอง

http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000013657

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น