++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2552

กทม.รณรงค์ "ปิดไฟ 1 ชม.ให้โลกพัก" เชื่อช่วยประหยัดไฟได้ 30 เปอร์เซนต์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

กทม. รณรงค์ "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง ให้โลกพัก" 28 มี.ค.นี้
"สุขุมพันธุ์" เผยแก้ไขปัญหากัดเซาะชายฝั่งบางขุนเทียนอาจไม่เสร็จใน 4ปี
แต่ต้องวางแผนแก้ไขระยะยาวร่วมกับ 3 จังหวัดสมุทรฯ
แนะสร้างบ้านในบางขุนเทียนควรยกสูงหนีน้ำ

วันนี้ (16 มี.ค.) ที่สวนสราญรมย์ เขตพระนคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมกับ WWF ประเทศไทย
การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) พร้อมทั้งหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
ร่วมกันแถลงข่าวการจัดกิจกรรมรณรงค์ "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง ให้โลกพัก - 60
Earth Hour" โดยมี บีม-นายกวี ตันจรารักษ์, ฟ้า-นางนาตาลี (เกลโบวา)
ศรีชาพันธุ์ และ พอล-นายภัทรพล ศิลปาจารย์ เป็นพรีเซ็นเตอร์โครงการฯ

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า
กทม.จัดกิจกรรมรณรงค์ปิดไฟเพื่อลดภาวะโลกร้อน ร่วมกับ 1,181 เมือง
ทั่วโลก อาทิ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น โดยขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
ทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐ ชุมชน และประชาชนร่วมกันปิดไฟที่ไม่จำเป็นเป็นเวลา
1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 20.00-21.00 น. ในวันเสาร์ที่ 28 มีนาคมนี้
เพื่อช่วยกันลดก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อนและลดการ
ใช้พลังงาน

นอกจากนั้น ได้จัดกิจกรรมเดินรณรงค์บริเวณถนน 4 สายหลัก คือ
วันที่ 18 มีนาคม เดินรณรงค์ถนนสีลม วันที่ 20 มีนาคม
เดินรณรงค์ถนนเยาวราช, วันที่ 21 มีนาคม เดินรณรงค์สยาม (ถนนพระราม 1)
และวันที่ 25 มีนาคม เดินรณรงค์ถนนข้าวสาร
เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงกิจกรรมดังกล่าว
และตระหนักถึงการลดใช้พลังงานในอนาคตด้วย

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาโลกร้อนหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่
กทม.เชื่อมั่นว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวจะประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้
เมื่อเทียบจากปี 2551 ที่ผ่านมา กิจกรรมดังกล่าว
สามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ถึง 1,384 เมกะวัตต์ คิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์
และสามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 364 ตัน
สำหรับปีนี้อยากให้ลดพลังงานให้ได้มากกว่าปีที่ผ่านมา
แต่ไม่ได้ตั้งเป้าว่าต้องลดลงเท่าไหร่
จึงอยากเชิญชวนประชาชนเปิดไฟอย่างน้อยคนละ 1
ดวงเพื่อสร้างความตระหนักในการปรับพฤติกรรมที่เคยใช้พลังงานสิ้นเปลือง
และปฏิบัติในชีวิตประจำวันซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในการอนุรักษ์และลดการใช้
พลังงานได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ตนจะเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดใหญืมาร่วมหารือเพื่อขยายเครือข่าย
ความร่วมมือต่อไป

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ธนาคารโลกได้ร่วมมือกับธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย
(เอดีบี) และความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (เจบิก) มอบหมายให้บริษัท
ปัญญา คอลซัลแตนท์ จำกัด
ศึกษาผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อเมืองชายฝั่งทะเลในพื้นที่อ่าว
ไทยตอนบน คือ กทม. จ.สมุทรปราการ จ.สุมทรสงคราม และ จ.สมุทรสาคร
โดยคาดการณ์ว่า ในปี 2593 หรืออีก 41 ปีข้างหน้า
ระดับน้ำทะเลในจังหวัดดังกล่าวจะสูงขึ้น 32.3 เซนติเมตร
สูงกว่าที่เจบิกคาดการณ์ไว้ 29 เซนติเมตร ซึ่งส่งผลทำให้คนกว่า 1
ล้านคนในพื้นที่ บางขุนเทียน บางแค บางบอน อ.พระสมุทรเจดีย์
จ.สมุทรปราการ เดือดร้อน อาคารที่พักอาศัยเสียหายกว่า 1.4 แสนล้านบาทว่า
สำหรับ กทม.จะได้รับผลกระทบกว่าครึ่งหนึ่งของความเสียหาย เพราะพื้นที่
กทม.กำลังทรุดตัวอย่างหนักจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล
อีกทั้งยังมีการทรุดตัวของแผ่นดิน ที่จะทำให้น้ำทะเลสูงขึ้นอีก
โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งตะวันตกของ กทม.
ในเขตบางขุนเทียนที่ส่วนใหญ่จมน้ำทะเลไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก
ดังนั้น ใครจะสร้างบ้านในพื้นที่เขตบางขนเทียนควรยกสูง

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้
กทม.จะไม่กังวลไม่ได้
ยังต้องมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไปเพื่อสร้างความตระหนัก โดย
กทม.ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า ซึ่งขณะนี้ กทม.
ได้หารือกับเอกอัครราชทูตประเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทยซึ่งได้เชิญผู้
เชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าวมาศึกษาแนวทางป้องกันพื้นที่ชายทะเลบางขุนเทียน
ที่กำลังได้รับผลกระทบจากกการถูกน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง
เนื่องจากเนเธอร์แลนด์ประสบปัญหา มีพื้นที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลอยู่ 6-9
เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางแต่เขาก็สามารถอยู่มาได้กว่า 400 ปี ดังนั้น
กทม.ต้องอ้างอิง โดยอาศัยประสบการณ์ของผู้ที่เคยประสบปัญหามาก่อน
และประสานนักวิชาการไทยที่เก่งๆ ในการแก้ปัญหานี้
โดยแนวทางแก้ไขก็ต้องดูว่าเหมาะกับสภาพของประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ตาม
กทม.จะประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดใหญ่
ในการหารือแก้ไขปัญหาร่วมกันมากขึ้น
เพื่อขยายเครือข่ายความร่วมมือในการทำงาน โดยเฉพาะจังหวัดสมุทรปราการ
สมุทราสาคร และสมุทรสงครามเพื่อแก้ไขเรื่องน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง
ร่วมกันแม้จะไม่เสร็จในสมัยตนแต่ก็ต้องมีการวางแผนระยะยาว

ผู้สื่อข่าวถามว่าสำหรับข้อเสนอของผู้ศึกษาวิจัย
ที่ต้องให้มีการเพิ่มขึ้นของคันกั้นน้ำตลอดลำน้ำเจ้าพระยาขึ้นอีกตั้งแต่
0-1.5 เมตร เพื่อป้องกันผลกระทบในอนาคตนั้น ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า
ตนจะดูแผนระยะยาวว่าควรจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนโรงพยาบาลบางขุนเทียน
ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ กทม.จะสร้างเป็นโรงพยาบาลขนาด 200 เตียง
และเพื่อบ้านพักสำหรับผู้สูงอายุนั้น
ตนไม่ได้กังวลเรื่องการก่อสร้างแต่อย่างใด
เพราะได้เตรียมแผนไว้ว่าจะต้องสร้างในที่สูงขึ้นกว่าที่ระดับน้ำทะเลจะท่วม
ถึงอยู่แล้ว


http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000030018

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น