++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

พระ นักบวช นักสวด อลัชชี โล้นห่มเหลือง

พระ นักบวช นักสวด อลัชชี โล้นห่มเหลือง


โดย โสภณ องค์การณ์

23 กุมภาพันธ์ 2558 13:00 น.

 



 

“ยศ ช้าง ขุนนาง พระ” และ “ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์” เป็นถ้อยคำเหมือนเป็นการเตือนว่าบุคคลประเภทนี้อยู่ในสถานภาพสูงส่งไม่สมควรที่ชาวบ้านธรรมดา ฆราวาส คนเดินดินจะไปหาเรื่องยุ่งเกี่ยวด้วย เป็นการหาบาปใส่ตัว นรกจะกินหัว ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด

ปัจจุบัน คำกล่าวเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นเพียงม่านกั้นไม่ให้ชาวบ้านตรวจสอบความพิสดารต่างๆ ในวงการพระสงฆ์ มีทั้งพวกยึดมั่นเคร่งครัด ปลีกวิเวกหาสันโดษและมีพระสงฆ์ซึ่งยังตัดกิเลสไม่ขาด หลงใหลในรูปรสกลิ่นเสียง ลาภยศเงินตราสมณศักดิ์

ด้วยเหตุนี้ ย่างเข้าปี 2558 ของพุทธกาล ศาสนาพุทธจึงได้รับรู้ความเปลี่ยนแปลงหลากหลายตามสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ค่านิยม และศรัทธาในพุทธศาสนา เห็นความผิดเพี้ยนในหลักคำสอน ความประพฤติทรามของบุรุษห่มเหลืองต่างสภาพ

โดยปกติ มีพระนุ่งห่มจีวรเหลือง สีกรักแล้วแต่นิกาย การถือหลักปฏิบัติว่าเคร่งครัด พระสงฆ์บางรูปสังกัดวัดป่า ฉันภัตตาหารมื้อเดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทอง แต่มีบางพวกยังมุ่งเอายศ สมณศักดิ์ ความมั่งคั่งสุขสบายสะสมทรัพย์สินมหาศาล

มีทั้งบุรุษห่มเหลืองมุ่งเน้นคาถาอาคมวัตถุมงคล จัดกิจกรรมเข้าวัดระดมทุน สร้างวัดวาอารามจนขาดสภาพเป็นแหล่งแสวงหาธรรมะถึงขั้นพุทธพาณิชย์ บางรูปฝักใฝ่การเมืองจนเกินระดับของผู้ต้องการช่วยเหลือชาวบ้านให้หาทางออก แก้ปัญหา

ต้องแยกแยะให้ชัดเจนในบทบาทของพระ เถน เณร ชี ว่าใครปฏิบัติอย่างไร เป็นประโยชน์ต่อการบำรุงศาสนาเป็นแหล่งความรู้ด้านธรรมะ พระที่ดำรงตนยึดมั่นในหลักธรรม ปฏิบัติเคร่งครัดย่อมได้รับการนับถือศรัทธา แม้ไม่มีสมณศักดิ์ชั้นยศสูง

แต่ยังมี “พระ” บางพวกไม่ปฏิบัติตนเป็นพระ เป็นพวกนอกนิกาย นอกรีต เป็นผีบุญแสวงหาประโยชน์ หลอกลวงชาวบ้านให้เชื่อถืออย่างงมงาย บวชหนีจนเป็นผู้ลี้ภัยทางเศรษฐกิจ มีคำพูดว่าศาสนาเสื่อม ทั้งๆ ที่ศาสนาไม่ได้เสื่อมแต่คนทำให้เสื่อม

คนที่ว่านี้มีส่วนทำให้พระสงฆ์ปฏิบัตินอกเหนือคำสอนของพระพุทธองค์จนกลายสภาพเป็นคนมีกิเลสแต่ห่มผ้าเหลืองอาศัยอยู่ในวัดเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน เราจึงมีพวกแฝงเร้นเป็นนักบวช นักสวด อลัชชี พวกนอกรีต โล้นห่มเหลือง พระปลอม

เราได้เห็นพระนักสวดเก่ง รูปงาม คารมดี มีลูกศิษย์มากมายถึงขั้นงมงาย เช่น สมีนิกรซึ่งเพิ่งตายไม่นาน พระครูภาวนาพุทโธ ซึ่งโดนข้อหาเลี้ยงเด็กชาวเขาบำเรอกาม ยันตระซึ่งหนีคุกไปอยู่สหรัฐฯ ได้กลับมาไทยเมื่อคดีหมดอายุความ และเณรคำผู้มั่งคั่งหนีคุก เรื่องธรรมกาย และคำตัดสินของมหาเถร ว่าธัมมชโยไม่ปาราชิกกลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ในบทบาทของลัทธิธรรมกายและตัวเจ้าอาวาสเอง ตลอดเวลาที่ขยายกิจการพุทธพาณิชย์ สร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่โต มีหลักปฏิบัติต่างจากวัตรของคำสอนทั่วไป

เน้นการทำบุญอย่างหน้ามืดตามัว ทุ่มเททรัพย์สินให้ขึ้นทางสายด่วนไปสวรรค์ทำให้สาวกงมงายขายทรัพย์สิน บ้านช่องเอาไปบริจาคทำให้สิ้นเนื้อประดาตัว ครอบครัวแตกแยก นอกจากไม่ได้ไปสวรรค์แล้วยังตกนรกทั้งเป็น อดอยากขาดคนเลี้ยงดูยามชรา เมื่อเงินทำบุญหมด ขาดโอกาสต่อยอดเติมเงินบนเส้นทางไปสวรรค์ แบบนี้ไม่ใช่สวรรค์ชั้นเงิน ทอง แพลตตินัม แต่น่าจะเป็นสวรรค์ชั้นอเวจี นรกของแท้บนดิน ถ้าซมซานไปขอความช่วยเหลือจากนักล่าบุญไปสวรรค์ด้วยกัน จะมีใครใส่ใจเผื่อแผ่ดูแลหรือไม่

ไม่แปลกที่คนเสื่อมศรัทธาพระ ไม่เข้าวัด เพราะข่าวไม่ดีเกี่ยวกับพระสงฆ์มีเรื่องชู้สาว เมาสุรา ชกต่อยถึงขั้นฆ่าฟันกันด้วยอาวุธปืนเพื่อแย่งผลประโยชน์ เสียงเรียกร้องให้ตรวจสอบทรัพย์สิน ความเป็นอยู่ ปฏิรูปวงการสงฆ์ขจัดอลัชชีจึงติดขัดในระดับสูง

กรณีธรรมกายและเจ้าอาวาสจึงเปิดหูเปิดตาชาวบ้านให้เห็นเครือข่ายพระสงฆ์สูงอายุซึ่งมีอำนาจจัดการปกครองวงการพระ มีสมณศักดิ์ใหญ่โต พร้อมพรั่งความสมบูรณ์พูนสุขด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องปรับอากาศนอนบนอาสนะอ่อนนุ่ม

ความสุขล้นปรี่ด้วยกิเลส ทรัพย์สินเงินทอง รถยนต์หรูแบบนี้ไม่มีวันถึงนิพพาน ดังนั้นสมณศักดิ์ชั้นยศต่างๆ จึงเป็นกิเลส ความโลภ ทะเยอทะยาน ทำให้พระสงฆ์แข่งขันด้วยการทุ่มเทสารพัด ทั้งเงิน การรับใช้ เพื่อให้มีสมณศักดิ์ตำแหน่งสูงขึ้น

นั่นหมายถึงผลประโยชน์ทางโลก นับวันเป็นการเพิ่มกิเลสทั้งนั้น และพวกเดียวกันได้เป็นใหญ่เป็นโตสร้างเครือข่ายปกป้องพวกเดียวกันเอง เพราะปัจจัยทำให้ชีวิตสุขสบาย การสวดจึงไม่เป็นไปตามคำพระอุปัชฌาย์ เน้นการถือศีลละเว้นการทำบาป

พระดีไม่มีปัญหา ชาวบ้านไม่ว่า นับถือกันไป เวลาจะเข้าวัดควรสืบ สอบถามให้รู้ชัดว่าวัดหรือพระรูปไหนน่าศรัทธาเชื่อถือ และรูปไหนเป็นเพียงนักสวด โล้นห่มเหลือง ไม่น่าศรัทธา ทำตัวน่ารังเกียจเป็นพวกลวงโลกใช้ความเป็นนักบวชหากิน สร้างฐานะ

ช่วงนี้ สปช.รุกหนัก ให้สอบมหาเถรและธรรมกายเรื่องผลประโยชน์ เงินทองอามิส หลวงปู่พุทธอิสระเดินหน้าเอาเรื่องพวกมหาเถรสูงสมณศักดิ์ซึ่งถูกมองว่าเป็นพวกฝักใฝ่ธรรมกายมีปัจจัยแฝงเร้น ปกป้องพวกเดียวกันเอง ขอให้สอบสวนเช่นกัน

จึงเป็นศึกหลายเส้าระหว่าง สปช. หลวงปู่ ชาวบ้าน และมหาเถร ธรรมกาย และสาวก โดยมีท่านผู้นำรัฐบาลยังไม่ตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร กลัวถูกมองว่าเลือกปฏิบัติ

ฝ่ายมหาเถรและธรรมกายมีตัวช่วย เป็นนักสวดสังกัดมหาวิทยาลัยพระแห่งหนึ่ง ออกมาเรียกร้องให้ยุบกลุ่ม สปช. และจัดการกลุ่มต่อต้าน แต่โดนเปิดโปงว่าเป็นเพียงนักสวดห่มผ้าเหลืองแกมแดงไปมั่วสุมกับแกนนำเสื้อแดง ถ่ายรูปกับบักเหลี่ยมมาแล้ว

เห็นหรือยัง พวกห่มจีวรเหลืองใช่ว่าเป็นพระ มีทั้งอลัชชี นักสวดหัวโล้นลวงโลก!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น