++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

หาวิธีแก้อาการโทสะอย่างได้ผล ....ใครมีวิธีดีๆบ้างครับ

หาวิธีแก้อาการโทสะอย่างได้ผล ....ใครมีวิธีดีๆบ้างครับ
มีคนไข้มาปรึกษาด้วยอาการเครียด หลังจากรู้ตัวว่าทำร้ายลูกและสามีด้วยอาการตะบะแตกบ่อยครั้ง เธอเล่าว่าตนเองเป็นคนขี้หงุดหงิด ขี้โกรธง่าย เห็นอะไรผิดหูผิดตาเป็นได้เรื่อง โดยเฉพาะเวลาเห็นลูกตนเองทำอะไรที่ผิดจากที่เคยสั่งไว้เช่นเล่นตุ๊กตาแล้วไม่เก็บไว้ที่เดิม หรือสามีลืมล้างจาน ลืมตากผ้าที่ปั่นทิ้งไว้ในเครื่องซัก พอมาพบสิ่งที่ไม่เป็นไปตามทึ่ต้องการ อารมณ์จะพุ่งจี๊ด และอาละวาดอย่างรุนแรง เธอเกิดความทุกข์หนักหลังจากอารมณ์เย็นลง บ่อยครั้งที่ต้องหลบไปนั่งร้องไห้เสียใจอยู่คนเดียว ช่วงแรกลูกและสามีก็แสดงอาการเบื่อหน่าย บางครั้งก็ตอบโต้บ้าง แต่ช่วงหลังคงรู้ทันและพากันหลบไปเวลาที่เธออารมณ์ปรี๊ดใส่
เธออยากแก้ไขนิสัยเจ้าอารมณ์มากไปปรึกษาใครๆที่เธอรู้จัก ก็แนะนำให้ไปนั่งสมาธิ ไปสวดมนต์บ้าง บ้างก็แนะนำให้แผ่เมตตาบ่อยๆ แต่เธอทำไม่ทันตอนโกรธสักที ครั้งแล้วครั้งเล่า ...
วันนี้เธอมาตรวจด้วยอาการท้องอืด แน่นอก หายใจฝืดตอนเข้านอน นอนไม่หลับ เข้านอนสี่ทุ่มลุกขึ้นมาหกโมงเช้า แต่พอถามจริงๆ เธอบอกว่าหลับแค่สามชั่วโมง นอกนั้นนอนพลิกซ้ายพลิกขวาตลอด จนใบหน้าหม่นหมอง บ่อยครั้งที่มีอาการเวียนศรีษะ และก็ไปหาหมอแล้วได้ยาแก้เวียนศีรษะเม็ดสีเหลืองๆ ทานทีไรก็แค่สลึมสะลือแต่ไม่หลับเช่นเคย...
คุยกันนาน เพื่อให้เธอระบาย และจ่ายยาเพิ่มปริมาณฮอร์โมนสารสุขในสมอง พร้อมแนะนำฝึกสติเคลื่อนไหวฝึกรู้กายบ่อยๆ ตามแนวสร้างสติสายหลวงพ่อเทียน แรกๆเธอก็รับไม่ค่อยได้ สุดท้ายต้องเหลือแค่ยกมือขึ้นกับลง สลับมือขวามือซ้าย แค่4จังหวะ พร้อมนัดติดตามอาการเมื่อครบ 2สัปดาห์...
ด้วยใจอยากหาว่ามีคำสอนครูบาอาจารย์องค์ใดที่เคยสอนไว้บ้าง ก็พอดีเจอคำสอนของหลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ ท่านสอนวิธีดับโทสะไว้น่าสนใจและน่าปฏิบัติมาก และเคยมีคนเอาไปทำได้ผลดี เขาจึงเอามาแบ่งปันไว้ในอินเตอร์เน็ต เลยเอามาแบ่งปันไว้ในโพสต์ก่อน ตั้งใจว่านัดติดตามรอบหน้าจะแนะนำคนไข้ต่อไปด้วย...คำสอนหลวงพ่อมีว่า...
" เมื่อเรามีอารมณ์โกรธ อย่าไปพิจารณาหาเหตุหาผลในอารมณ์โกรธนั้น เพราะอารมณ์โกรธ เปรียบเสมือนไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง ถ้าเราไปพิจารณาหาเหตุหาผล มันก็เหมือนกับเราสาดน้ำมันใส่ลงในกองเพลิง จะยิ่งโหมรุนแรงหนักขึ้น
วิธีแก้ก็คือ ให้เราหยุดคิดทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วนั่งดูตัวจิตของเรา ดูจิตในขณะนั้น ดูเฉยๆอยู่อย่างนั้นแหละ อย่าคิดปรุงแต่งอะไรเลยนะ ดูมันเฉยๆยังงั้นแหละ ดูอาการของมัน การที่เรานั่งนิ่งดูมันเฉยๆอยู่อย่างนั้น มันเปรียบเสมือนเราเอาน้ำ ค่อยๆหยดลงบนถ่านไฟทีละหยดๆ ถ่านไฟที่ร้อนเป็นไฟอยู่นั้นมันก็จะค่อยๆเย็นลงๆ และดับไปในที่สุด "
คำสอนหลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ แห่งวัดป่าบ้านค้อ ต.เขือน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น