++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

@ แรงอธิษฐาน..สู่ หมอชีวก

@ แรงอธิษฐาน..สู่ หมอชีวก
ย้อนหลังจากภัทรกัปนี้ไปแสนกัป สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตระ เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ประสูติที่เมืองจัมปา เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอสมะ กับพระนางอสมา ก่อนเสด็จออกทรงผนวช ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางอุตรา มีพระโอรสพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า รัมมะ ภายหลังทรงรู้สึกเบื่อหน่ายในเพศผู้ครองเรือนจึงเสด็จออกทรงผนวชบำเพ็ญพรต จนสำเร็จเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเสด็จไปประกาศพระศาสนา โดยได้แสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์แรกชื่อ ธนัญชุยยานสูตร ไม่นาน มีผู้เลื่อมใสมอบตนเป็นสาวกมากขึ้นตามลำดับ ในจำนวนนี้มีพระภราดาทั้งสองของพระองค์คือ เจ้าชายสาละ กับเจ้าชายอุปสาละ รวมอยู่ด้วยซึ่งต่อมาได้รับสถาปนาในตำแหน่งเอตทัคะ เป็นพระอัครสาวกฝ่ายขวา และฝ่ายซ้าย ตามลำดับ (๑)
สมัยนั้น ชีวกโกมารภัจจ์ เกิดทันเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาเห็นชายคนหนึ่งท่าทางภูมิฐาน เดินเข้าเดินออกพระอารามที่ประทับของพระพุทธเจ้าอยู่เสมอ อยากรู้ว่า ชายคนนี้ไปวัดทำไมบ่อยๆ วันหนึ่ง จึงได้ไปดักรออยู่นอกประตูวัด พอชายคนนั้นเดินออกนอกประตูมา เขาจึงกรากเข้าไปถามว่า
“นี่คุณ ผมเห็นคุณเดินเข้าเดินออกวัดทุกวัน ผมอยากทราบว่าคุณไปทำไม”
สุภาพบุรุษคนนั้น มองเขาแวบหนึ่ง แล้วตอบอย่างสุภาพว่า
“ผมเป็นนายแพทย์ประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้า ผมไปเฝ้าพระองค์ทุกวัน เพื่อรับพระโอวาท และถวายการรักษาในคราวที่ทรงพระประชวร”
“แหมคุณช่างมีตำแหน่งน่าสรรเสริญจริงๆ ทำอย่างไงผมจะได้เป็นอย่างคุณบ้างนะ”
“หน้าที่อย่างนี้ ชั่วพุทธกาลหนึ่งก็มีเพียงคนเดียว ถ้าคุณอยากเป็นอย่างผมก็ตั้งอธิษฐานไว้ชาติหน้าสิ ผมไปละจะรีบไปดูคนไข้ในเมือง”
แล้วหมอก็รีบผละไป ปล่อยให้เขายืนคิดอยู่คนเดียว “ถ้าคุณอยากเป็นอย่างผม ก็ตั้งอธิษฐานไว้ชาติหน้าสิ” คำพูดของหมอยังก้องอยู่ในใจ ชาติหน้ามีจริงหรือ ? อธิษฐานจิตมีผลถึงชาติหน้าจริงหรือ ? ฯลฯ คำถามเหล่านี้เรียงคิวเข้ามาสู่สมองของเขาเป็นทิวแถว แต่ก็ให้คำตอบแก่ตัวเองไม่ได้ พลันนึกถึงพระพุทธเจ้าขึ้นมาได้จึงเข้าไปเฝ้าพระองค์ยังพระอารามกราบทูลถามข้อข้องใจต่างๆ พระองค์ก็ทรงประทานวิสัชนาให้เป็นที่หายสงสัยหมดสิ้น เป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสได้เข้าเฝ้าและสนทนาอย่างใกล้ชิดกับพระผู้เป็นศาสดาเอกในโลก ให้รู้สึกปีติดีใจเหลือพรรณนา หลังจากได้รับรสพระธรรมจากพระองค์เป็นที่ชุ่มชื่นใจแล้ว เขาได้กราบทูลอาราธนาพระองค์ไปเสวยภัตตาหารที่บ้านของเขาพร้อมกับภิกษุสงฆ์ พระองค์ทรงรับนิมนต์โดยดุษณีภาพ
หลังจากถวายภัตตาหาร แด่พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวกแล้ว เขาเข้าไปกราบแทบพระยุคลบาท กล่าวคำอธิษฐาน ต่อพระพักตร์ว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ด้วยอานิสงส์แห่งการถวายภัตตาหารครั้งนี้ ขอให้ข้าพระพุทธเจ้าจงเป็นแพทย์ประจำพระพุทธเจ้าในอนาคต เช่นเดียวกับนายแพทย์ผู้อุปัฏฐากพระองค์เถิด”
“เอวํ โหตุ ขอให้สัมฤทธิ์ดังปรารถนาเถิด”
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงดำรัสตอบ ทรงประทานอนุโมทนากถา เสร็จแล้วเสด็จกลับไปยังพระอาราม (๒)
ดับขันธ์จากชาตินั้นแล้ว เขาได้เวียนว่ายตายเกิดในภพต่างๆ ดีบ้าง ชั่วบ้าง ตามแรงกรรมที่ก่อสร้างไว้ กาลผ่านไปเป็นระยะเวลานานนับได้แสนกัป ในที่สุด “แรงอธิษฐาน” ของเขาก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อเขาได้มาถือกำเนิดเป็น ชีวกโกมารภัจจ์ โอรสบุญธรรมของเจ้าฟ้าอภัย พระราชโอรสของพระเจ้าพิมพิสาร เจ้าแห่งมคธรัฐ ...
ขอบคุณที่มา Dhammajak.net

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น