++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความโกรธ... โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คาเวสโก

สมัยพุทธกาล พระภิกษุองค์หนึ่งทูลถามพระพุทธเจ้าว่า มีคนๆ หนึ่งมีนิสัยขี้โกรธมาก มีอะไรไม่ถูกใจ ไม่ชอบหน้าใครก็ด่าๆ พวกเรารำคาญจริงๆ จะทำอย่างไรดี
พระองค์สอนว่า ความโกรธเหมือนการทำอาหารให้คนอื่นกิน ถ้าเขาไม่กินก็ต้องกินเอง ทำเองกินเองนั่นแหละ ถ้าเราไม่ชอบก็อย่าสนใจ เฉยเสียเท่านั้นเอง ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก เขาโกรธเขาด่าเรา เราเป็นทุกข์ นั่นแหละ เรากินอาหารที่เขาปรุงให้แล้วผลคือทุกข์ด้วยกันทั้งคู่
เมื่อเรากินของเขาแล้ว ก็ต้องทำอาหารให้เขากินบ้าง ก็คือเราก็โกรธเขาด่าเขากลับไปบ้าง กลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้หลายภพหลายชาติไม่รู้จักจบสิ้น นี่คือชีวิตของสัตว์และมนุษย์
ลองคิดดูนะ อย่างเราที่เดินทางมาด้วยกันหลายคน ถึงแม้ว่าเป็นการเดินทางเพื่อแสวงบุญก็ตาม สิ่งที่ได้เห็นสิ่งที่ได้ยิน อาจไม่ถูกใจกัน ผิดใจกันก็เป็นธรรมดา ถ้าเราไปยึดเอาจริงเอาจังเราก็โกรธเขา กลับบ้านก็ติดอารมณ์ ครุ่นคิดไม่พอใจเขา โกรธ ด่า นินทาในใจตลอดคืน
เราทุกข์ตลอดคืน คนที่เรากำลังโกรธ เขาคงจะกินสบาย นอนสบาย ดูโทรทัศน์ มีความสุข กับครอบครัวของเขา ความโกรธของเราหลายวันก็อาจจะไม่หาย วันหนึ่งเราอาจถามเขาว่า วันนั้นทำไมเธอพูดอย่างนั้น ทำไมเธอทำอย่างนั้น โดยมากเขาก็จำไม่ได้หรอก เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้จงใจทำอย่างที่เราคิด เขาไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด ส่วนมากมักจะเป็นอย่างนั้น เพราะเขาก็ทำเป็นปกติธรรมดาของเขา เราคิดไปเอง ปรุงแต่งไปเอง
………. เราทำเหตุ เราก็รับผลอยู่อย่างนั้น คือ ทุกข์ โกรธ อยู่อย่างนั้น

ผลตอบแทนอาจจะเป็น 2 เท่า 3 เท่า 10 เท่า
หลายๆ เท่าก็ได้

ถ้าเราพิจารณาดูให้รอบคอบแล้วก็จะเห็นได้ชัดว่า ด่าเขาเหมือนด่าตัวเอง นินทาเขาเหมือนนินทาตัวเอง ดูหมิ่นดูถูกเขาเหมือนดูหมิ่นดูถูกตัวเอง เบียดเบียนเขาเหมือนเบียดเบียนตัวเอง ทำร้ายเขาเหมือนทำร้ายตัวเอง ฆ่าเขาเหมือนฆ่าตัวเอง
ควรพิจารณาลึกๆ อีกว่า ไม่ใช่ว่าเราทำเขาว่าเขาหนึ่งแล้วเราจะได้รับผลตอบแทนกลับมาหนึ่งเท่านั้น แล้วแต่เหตุปัจจัย ผลตอบแทน ผลิตผลอาจจะเป็น 2 เท่า 3 เท่า 10 เท่า หลายๆ เท่าก็ได้ มะละกอเมล็ดหนึ่งเพาะปลูกทะนุถนอมดูแลอย่างดีให้ปัจจัยสนับสนุนพอดีๆ ปีต่อไปอาจจะผลิตผลเป็นหลายร้อยลูกก็ได้ 2 ปี 3 ปี จึง ค่อยๆ หมดสภาพไป อายุมากแล้วก็ตายไป
ทำดี ทำบาปก็เหมือนกัน เมื่อเข้าใจเช่นนี้ ใครจะกล้าทำบาปอีก เห็นโทษของนินทา อาฆาตพยาบาท อิจฉาริษยา ฯลฯ บาปทุกชนิดแล้วก็ไม่มีใครกล้าทำต่อไป แม้แต่บ่นอยู่ในใจก็ไม่คุ้มค่าเลยนะ ทำให้ชีวิตของตัวเอง เศร้าหมอง
กรุงเทพฯ ทุกวันนี้รถติดเป็นระดับโลก คนขับรถคนนั่งอยู่ในรถหงุดหงิดเครียดกันทั้งเมือง เขาพูดกันว่าอย่างนี้ก็มี ขับรถไปมีรถตัดหน้าเลยเกิดอารมณ์ คิดจะสั่งสอนเขา หยุดรถแล้วเปิดประตู ไปว่าเขา เขาก็ยิงปืนใส่ให้ ยิงทิ้งเลยแล้วก็หลบหนีไป ว่าเขาคำเดียว ถูกยิงตายเลย
กิเลสครอบงำวูบเดียว ขโมยของติดคุกติดตะราง เสียชื่อเสียงเสียความสุขหลายปี เล่นชู้ เที่ยวกลางคืน ติดโรคเอดส์ ครอบครัวเป็นทุกข์ทั้งครอบครัว ตลอดชีวิต ความชั่วถ้าเข้าไปอยู่ในความดี ความดีไม่ปรากฏเลย ทำนองที่ว่าซื้อปลามาร้อยตัว มีปลาเน่าปนอยู่ตัวหนึ่ง ไม่กี่วันก็จะพากันเสียไปเกือบหมด เก็บน้ำฝนไว้เต็มถัง หนูตกไปตายตัวเดียว กินใช้อะไรไม่ได้เลย สมาชิกครอบครัวดีทุกคน มีคนเกเรอยู่คนเดียวเหมือนมีห้องน้ำอยู่หน้าบ้าน หาความสุขลำบาก

การทำความดีก็เช่นเดียวกัน

………. ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีเรื่องเล่ากันว่า
หลายปีก่อน มีคนแก่คนหนึ่ง ดูท่าทางยากจน เสื้อผ้าก็เก่า ล้มนอนอยู่ข้างถนนหน้าโรงพยาบาล นางพยาบาลคนหนึ่งเห็นเข้าก็พาเข้ามาในโรงพยาบาลและเยียวยารักษาให้เป็นอย่าง ดีด้วยความเอาใจใส่ ไม่นานก็ดีขึ้น คนแก่คนนั้นจะกลับบ้านแต่เขาไม่มีเงินติดตัวเลย นางพยาบาลก็ให้ค่ารถพอที่เขาจะขึ้นรถกลับบ้านได้
ไม่กี่วันเขานั่งรถเบ็นซ์ แต่งตัวดี เป็น เถ้าแก่ มาเยี่ยมนางพยาบาลใจดี และถามว่าอยากได้อะไรบ้าง นางพยาบาลก็ตอบกลับไปว่า “ฉันเองไม่อยากได้อะไร แต่ถ้ามีตึกสักหลังหนึ่งทางโรงพยาบาลจะได้รักษาคนไข้มากขึ้น” เถ้าแก่คนนั้นจึงสร้างตึกให้โรงพยาบาลหลังหนึ่ง การทำความดีก็อาจจะมีผลมากมายได้เหมือนกัน โดยเฉพาะการทำบุญกับผู้ทรงศีล ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบมีอานิสงส์ใหญ่มีผลใหญ่
เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าให้ละบาปเป็นประการแรก
ให้มีหิริโอตตัปปะ ละอายบาป กลัวบาป
ให้เกิดสติปัญญา กำลังใจ ในการละบาป
ให้เกิดศรัทธาในการทำความดี
ผลดี ผลเสียวิบากกรรมมีจริงๆ
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว จริงๆ
--

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น