++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่อง กากะเปรต

ท่านทั้งหลาย วันนี้มาคุยกันเรื่องทำบาปนิดหน่อยบ้าง เรื่องที่แล้วทำบุญ นิดหน่อยตายไปสวรรค์ เรื่องนี้มาคุยกันเรื่องนรกดูบ้าง จะได้ทราบไว้ว่าทำ บาปนิดหน่อยก็ไปนรกได้เหมือนกัน (ไม่แพ้คนทำบุญ)

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่พระเวฬุวันมหาวิหาร ทรงปรา รถ อหิเปรต แต่ทว่าตอนนี้ขอนำเรื่อง กากะเปรตมาคุยกัน เพราะในเวลาเดียวกันตามบาลีท่านพูดพร้อมกันสองเรื่องคือ เรื่อง กากะเปรต และ อหิเปรต เรื่องอหิเปรตยาวมากไป ไม่เหมาะแก่ท่านที่มีเวลาน้อย และบาปที่ อหิเปรตทำนั้นทำยากเกินไป และต้องทำหลายครั้งด้วย เห็นว่าไม่เหมาะที่จะนำมาคุยกัน เรื่องกาะเปรตมี ดังนี้

เมื่อ พระโมคคัลลาน์ กับ พระลัขณะ ทั้งสองท่านอยู่ที่เขาคิชฌกูฏ ตอนเช้าจะมาบิณฑบาต ท่าน
พระโมคคัลลาน์เห็นกากะเปรต มีหัวเป็นคนตัวเป็นกา สูง ประมาณ ๒๕ โยชน์ มีกองไฟลุกโซนที่หัวลามมาถึงหาง และมีกองไฟ อีกกอง หนึ่งก่อตัวขึ้นที่หางแล้วลามมาถึงหัว อีกกองหนึ่งก่อตัวขึ้นกลางตัวลามไป คลุมทั้งสองข้าง อีกสองกองก่อตัวขึ้นทางซ้ายกองหนึ่งทางขวากองหนึ่งแล้วลาม คลุมทั้งร่าง เมื่อพระโมคคัลลาน์เห็นแล้วท่านก็ยิ้ม ท่านพระลักขณะเห็น ท่านพระโมคคัลลาน์ยิ้มท่าน ก็สงสัยท่านก็ถามว่ายิ้มเพราะอะไร ท่านพระโม คคัลลาน์ก็ตอบว่าเรื่องนี้ท่านไปถามผมขณะที่ฟังเทศน์ในสำนักพระพุทธเจ้า เถอะ ผมตอบที่ตรงนี้ไม่ได้แล้วท่านทั้งสองก็ไปบิณฑบาตในตัวเมืองราช คฤห์ เมื่อฉันเสร็จต่างก็ไปฟังเทศน์ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงเทศน์ให้ฟัง เมื่อ พระพุทธเจ้าเทศน์จบ ท่านพระลักขณะก็ทวงคำตอบจากพระโมคคัลลาน์ ขอให้พระโม คคัลลาน์เล่าเรื่องยิ้มให้ฟัง

ท่านพระโมคคัลลาน์ก็บอกว่าผมยิ้มนั้นเพราะผมเห็นเปรตตนหนึ่ง หัวเป็น คน ตัวเป็นกา ยาวประมาณ ๒๕ โยชน์ แล้วก็บรรยายตามที่กล่าวมาแล้ว ท่าน พูดว่าท่านได้ถามเปรตตนนั้นว่า (ตอนนี้เป็นคาถา อาจจะสั้นไปหน่อย เมื่อตอนคาถาจบนะจะนำท้องเรื่องมาเล่า สู่กันฟัง) ท่านว่าไว้ดังนี้ เมื่อท่านเห็นเปรตที่ไฟไหม้อยู่บนยอดเขาคิชฌกูฏ ท่านถาม เปรตว่า ลิ้นของเจ้ายาวประมาณ ๕ โยชน์ ศีรษะของเจ้ายาวประมาณ ๙ โยชน์ กายของเจ้าสูง ประมาณ ๒๕ โยชน์ เจ้าทำกรรมอะไรไว้จึงทุกข์เช่นนี้ เปรตตอบว่า ท่านพระ โมคัลลาน์ผู้เจริญ กระผมกลืนกินข้าวที่เขานำมาเพื่อสงฆ์ ของพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า "กัสสป" เรื่องถามตอบด้วยวาจาที่เป็นคาถาหมดเท่านี้ ต่อไปนี้เป็นตอนที่ท่านกล่าว ตามปกติ ท่านว่าไว้ดังนี้

ผมเห็นเปรตตนหนึ่งหัวเหมือนมนุษย์ตัวเป็นกา ชื่อ กากะเปรต โดยประมาณว่า สูง ๒๕ โยชน์ มีเปลวไฟตั้งขึ้นที่ศีรษะเป็นต้น (ข้อความเหมือนที่กล่าวมาแล้ว) เปรตเล่าประวัติให้ฟังว่า ในสมัยที่พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระพุทธกัส สป" มีชาวบ้านเขานำอาหารจะไปถวายสงฆ์ ผมเป็นกาเกาะอยู่ที่หลังคาโรงฉัน เห็นคนคนหนึ่งถือข้าวสุกเดินมา ผมก็บินโฉบลงไปคาบเอาข้าวสุกในขันนั้นเต็ม ปาก ๓ ครั้ง ข้าวสุกนั้นเขานำไปยังไม่ถึงพระสงฆ์ ยังไม่ใช่ของสงฆ์ จะ ถือว่าเป็นของชาวบ้านก็ไม่ใช่ เพราะเขาตั้งใจถวายสงฆ์แล้วผมทำกรรมเล็กน้อย เพียงเท่านี้ ตายแล้วไปลงอเวจีนรก พ้นมาแล้วมาเป็นเปรตไฟไหม้อยู่ ตามที่ พระคุณเจ้าเห็นอยู่เวลานี้

เมื่อพระโมคคัลลาน์พูดจบพระพุทธเจ้าก็ทรงรับรองว่าพระองค์เองก็เห็นเปรตตน นี้มาก่อนแล้วตั้งแต่บรรสุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณใหม่ๆ

เป็นอันว่าเรื่องบาปก็ไม่แพ้บุญ ลาชเทวธิดาใส่บาตรนิดเดียวเป็นนางฟ้าบน สวรรค์ได้ เรื่องนี้ กา แย่งข้าวในขันที่เขานำไปจะถวายพระก็ลงอเวจี ได้ แล้วแถมมาเกิดเป็นเปรตแม้พระพุทธเจ้าทรงเห็นก่อนแล้วก็ช่วยไม่ได้ ต่อ มาพระอรหันต์องค์ที่มีความสำคัญมาพบอีกก็ช่วยไม่ได้อีก เพราะวาระการสิ้น กรรมชั่วพอที่จะช่วยได้ยังไม่ถึง เมื่ออ่านแล้วก็ใคร่ควรญกันเอาเองก็แล้ว กัน

จากหนังสือ วิธีฝึกกรรมฐานด้วยตนเองแบบง่าย โดย พระสุธรรมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

--
****************************************************************************
"ขอนอบน้อมแ่ด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น