++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การเมืองทั่วไปเพื่อประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมประเทศชาติ

ผ่านการเลือกตั้งท้องถิ่นไปแล้วนั้น After Shock ตามมาก็คือการวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ชี้ให้เห็นภาพการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งใหญ่ครั้งใหม่ที่เมืองหลวงในคราวหน้านั้นจะเป็น Domino ล้มตามกันไปตามตามทฤษฎีหรือไม่เพราะตามทฤษฎีนี้แล้วนั้นก็แปลว่าพรรคเก่า รัฐบาลก็จะกวาดที่นั่งเกือบทั้งหมด 80 กว่าเปอร์เซ็นต์เช่นจะได้ที่นั่งมากที่สุด 30 ที่นั่ง และให้พรรคฝ่ายค้านได้ไป 5 - 6 ที่นั่งเท่านั้นนี้คือวิเคราะห์ไปตามทฤษฎี แต่เหตุ และผลของความพอใจไม่พอใจของประชาชนในเมืองหลวงที่เป็นปัญญาชนส่วนใหญ่และ เป็นพื้นที่เทคโนโลยี่ระดับสูงกว้างขวางเป็นบุคคลประชาชนส่วนมากที่เข้าถึง ข้อมูล รู้เรื่องการเมืองไวต่อการเปลี่ยนแปลงความคิดทางการเมืองอยู่เสมอคือไม่อยู่ นิ่ง และพลเมืองประชาชนในเมืองหลวงนั้นได้สั่งสอนนักการเมืองพรรคการเมืองประเภท เหิม และประพฤติผิดทุจริตคอรัปชั่นไร้ศีลธรรมคุณธรรมมโนธรรมมานักต่อนักแล้ว ถ้านักการเมืองที่มีอุดมการณ์สามารถนำพลังพลานุภาพทางความคิดอันได้รับการ ยอมรับในระยะใดระยะหนึ่งนำขึ้นมานำเสมอให้ได้รับการยอมรับในระดับมหาชนชาว เมืองหลวง และสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้นไปในทางที่ดีกว่าที่ เป็นอยู่แล้วนั้น ก็จะสามารถพลิกสถานการณ์ให้ชาวเมืองหลวงได้รับสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่าอยู่ที่การอรรถธิบายปราศรัยนำความจริงที่เป็นความจริงที่ตรงต่อ ความเจริญก้าวหน้ามั่นคงมีคุณธรรมเป็นธรรมได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แล้วนั้นก็จะทำให้การต่อสุ้ทางการเมืองนั้นดูมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี หลากหลายขึ้นอันเป็นการพัฒนาในระบบประชาธิปไตยที่ดีขึ้น ในอดี่ตการเมืองในเมืองหลวงก็มีบุคคลทางการเมืองนักการเมืองนั้นแหละที่ สร้างปรากฎการณ์เกิดขึ้นพลิกล๊อคถล่มทลายมาแล้วใน 2 -3 ครั้ง
ในอดีตที่ ผ่านมาเช่นเมื่อน้าหมักอดีตสมาชิกพรรคเก่ารัฐบาลนี้น่ะออกมาตั้งพรรค ปชท.สามารถถล่มปราบแชมป์เก่ากวาดที่นั่งในกทม.ได้เกือบหมดเว้นไว้ที่นั่ง เดียว และทำได้ลักษณะแบบนี้ถึงสองครั้ง มาหลัง ๆ เริ่มซาลงส่วนพรรคเก่ารัฐบาลนี้ก็เป็นพรรคเก่าแก่มั่นคงขึ้น ๆ ลง ๆ ก็กลับไปกลับมาเดี๋ยวลุกเดี๋ยวล้ม เมื่อโดนกวาดหมดก็มีนายกรัฐมนตรีท่านนี้แจ้งเกิดติดโผที่นั่งผุ้แทนเมือง หลวงเพียงคนเดียว และก็ได้รับฉายานกยากน้อยตั้งแต่วันนั้นและคาดหวังกันว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ในอนาคต และท่านก็ทำได้ แม้จะเป็นวิธีลัดหน่อยก็ตาม
เมื่อน้าหมักหน.พรรคปชท.สามารถสร้างปรากฎการณ์นำพลานุภาพทางความคิดทางการ เมืองสื่อสารต่อมวลชนเมืองหลวงชนะใจชาวกรุงได้สำเร็จ ก็มีบุคคลทางการเมืองมาพร้อมการหาเสียงด้วยฝาเข่งแฝงด้วยคะแนนสงสารขอคะแนน ความสงสารจากชาวกรุงขายความซื่อสัตย์สุจริต นำสินค้าแบรนด์ใหม่ทางการเมืองเข้าตอ่กรพรรคนายทุนสารพัดแต่จริงๆ แล้วเจาะลึกไปแล้วพรรคมหาจำลองก็มีนายทุนหนุนอยู่เหมือนกันน่ะ แต่ด้วยการตลาด Maketing ประชาสัมพันธ์สร้างภาพเป็นลักษณะแนวๆ นั้นแต่ก็ได้ผล เพราะสามารถชนะถล่มแชมป์เก่าปชท.ไปได้อีก และคนกลุ่มการเมืองท้องถิ่นจำนวนมากก็เกิดจากมหาจำลองจำนวนมากที่ปัจจุบันก็ ไปสังกัดพรรคเก่ารัฐบาล และฝ่ายค้านในปัจจุบัน
และท่านมหาจำลองก็ได้เป็น ผุ้ว่ากทม.สองสมัย รองนายกรัฐมนตรีอยู่ไม่กี่เดือน แล้วพรรคก็แตก แล้วก็ในที่สุดในระบบพรรคการเมืองก็ต้องไปอยุ่ในลักษณะแบบเก่าๆ น่ะ ไอ้ที่บอกว่าจะนำคุณธรรมนำการเมืองแล้วไปรอดน่ะไม่มีมีแต่ในหนังสือธรรมมะ หรือไม่ก็หนังสือชีวประวัติอมตะอุดมการณ์การเมืองที่เขียนได้เฉพาะในหนังสือ เท่านั้นแต่ในชีวิตจริงในทางการเมืองไม่มี มีแต่ระบบ Package ฮา...... ซื้อเป็นคู่ ยกแผงยกเข่งยกพรรคเอ้าว่ากันไป ไม่งั้นนายใหญ่ตปท.จะ Say No กับพรรคอุดมการณ์แบบนี้เหรอบอกไม่เอาโว้ยลงทุนก็ไม่คุ้มโว้ย เพราะถ้าไม่ใช้ระบบทุนระบบซื้อคน ซื้อเสียง ซื้อพรรค ...นะ ถ้าซื้อสิ่งเหล่านี้ได้ก่อนก็ได้ใจไปเองแหละน่ะ แต่ได้แพ๊บเดียวแป๊บเดียวเพราะสักพรรคเดี๋ยวก็ทรยศยกเข่งกันน่ะเห็นๆ กันอยุ่ ฮา...อีกแย้ว.... แต่ก็คุ้มอยู่สักพักน่ะเพราะแกบอกบ๊าย ๆ พรรคคุณธรรม แล้วแกก็ไปตั้งพรรคใหม่ซื้อหลายพรรคคนระดับ Big Big ก็เฮเข้ามาร่วมกันเพียบสร้างปรากฎการณ์ได้เป็นพรรครัฐบาลพรรคใหญ่พรรคเดียว ทำเอาพรรคตั้งมา 60 ปีทำตาปริบ ๆ มรึงทำได้ไงว่ะเพราะพรรคเก่ารัฐบาลนี้ยังไม่เคยทำได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว และแกเป็นรัฐบาลพรรคเดียว 7 ปี มากกว่าพรรคเก่ารัฐบาลนี้ที่รวมเวลาทั้งหมด 60 ปีกว่านั้นแล้วเป็นนายกรัฐมนตรีรวมกันไม่ถึง 7 ปี
เพราะฉะนั้นแล้วการ ที่ได้อะไรมาแล้วเหิมเกริมเกินไปเอาล่ะน่ะไม่ฉายซ้ำล่ะ แล้วก็เขาล่ะสนธิ ลิ้ม หัวหน้าพันธมิตรตั้งเวทีไล่รัฐบาลนายใหญ่ตปท.เจ๊งไปในที่สุดเป็นมหากาพย์การ เมืองมาถึงปัจจุบัน
และเมื่อพันธมิตรแปลงกายเปลี่ยนโฉมมาเป็นพรรคการเมืองใหม่จะย้อนยุคไปใช้ Model ตามทฤษฎีคุณธรรมนำการเมืองว่าในที่จริงดีน่ะเพราะถ้าการเมืองดีมีคุณธรรมไม่ ใช้ทุนเงินนำและทุจริตคอรัปชั่นเอาเงินทุจริตคอรัปชั่นมาเป็นทุนทำการเมือง กันในบางพรรคแล้วนั้น ก็จะเป็นเรื่องที่ดี แต่ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่เพราะใครทุนน้อยเงินน้อยหาเสียงก็ไม่ ประสบความสำเร็จ กลายเป็นซะงั้น นอกจากจะมีบุคคลพิเศษเก่งจริงๆ ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงจะด้วยวิสัยทัศน์ความสามารถความอัจฉริยะปราศรัย ได้ถูกใจโดนใจในมหาชนสามารถสร้างปรากฎการณ์ด้วยแล้วนั้นก็จะได้เป็นผู้แทน พิเศษแทรกเข้าไปเป็นรายบุคคลแบบไม่ใช้ทุนเงินมาก ถ้าเขาเป็นแค่ลูกพรรคก็จะได้เฉพาะตัวเขา แต่ถ้าเขาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเขาก็จะสามารถช่วยลูกพรรคพาพรรคชนะถล่ม ทลายได้มีให้เห็นมาแล้วเพราะฉะนั้นถ้าทุนน้อยเงินน้อยต้องได้หัวหน้าที่เก่ง ปราศรัยชนะใจมหาชนพร้อมสือ่สารประชาสัมพันธ์ได้เข้าเป้า การตลาดนั้นเป็นการหลอกชัวคราวใช้ได้เฉพาะการค้าธุรกิจ ส่วนการเมืองนั้นต้องใส่หัวใจความจริง และความจริงใจเท่านั้นจึงจะชนะใจมหาชนชาวสยาม ถึงชาวไทย ณ ปัจจุบัน
ประเภทแบบโดนบีบโดนเค้นโดนแพ้กลศึกแบบนี้แล้วนั้นอย่าไปหวังอะไรว่าพรรค กมม.จะไปทำประโยชน์อะไรได้มากกว่านี้เลย และมาอ้างว่ามีทุนน้อย ใช้เงินสี่สิบเขตรวมกันเท่ากับพรรคการเมืองเก่าเพียงเขตเดียว แล้วนั้นอาจจะใช่จะถูกสักส่วนเดียวสองส่วนแต่ปัจจัยเหตุแห่งความพ่ายแพ้ของ พรรคการเมืองใหม่คือการไม่สู้จริงไม่รวมตัวกันจริงของหัวหน้าพันธมิตร และมหาจำลองที่ไม่ได้เริ่มต้นตั้งแต่แรกเริ่มหาเสียงได้เบอร์ต่างหาก เพราะการเมืองไม่ได้ใช้เงินอย่างเดียวยิ่งท้องถิ่นยิ่งไม่ใช่ถ้ามีสือของตัว เองยิ่งง่าย และสบายไปใหญ่ และบุคคลในพื้นที่ที่ลงพื้นที่ให้หนัก ๆ ก็จะเป็นเรื่องที่สามารถยื้อแย่งที่นั่งได้บ้างล่ะน่ะ แต่นี่ทำตัวเป็น Good boy เด็กดีสาขาพรรคหรือเปล่าเพราะไม่ค่อยเต็มที่น่ะ
คือนี้พูดเรื่องจริงไปตามสภาพการณ์เพราะดูแล้วหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่นั้น ผิดฝาผิดตัวเพราะสนธิ ลิ้มนั้นเป็นสัญญลักษณ์ของพันธมิตร และถึงลูกถึงคน แต่ต้องถอนตัวเพราะอะไรน่ะรู้ ๆ กันอยู่ไม่ว่ากัน เข้าใจกัน เหมือนคนเป็นโค้ชบอลย่อมเห็นมองภาพกว้างในสนามได้ดีกว่านักเตะที่เล่นกัน อยู่ว่าใครตรงไหนเหมาะสมตำแหน่งอะไร ศักยะภาพการนำพรรคควรเป็นใครถึงจะทีเด็ด ว่ามะ
เอ้าเรื่องของเขาเขาอยากทำอะไรเรื่องของเขาเพราะที่นี่มีแต่ความคิดที่ตรง ไม่มีอคติใดๆ อาจจะผิดบ้างถูกบ้างก็ว่ากันไป เหมือนคุณจัดทีมฟุตบอลเมื่อถ้าเรามีกองหน้าดี ๆเก่ง ๆ แบบสมัยปิยะพงศ์ ถ้าปิยะพงศ์ฟิตเล่นได้ก็ต้องให้เขาเล่นเพราะทีมจะได้ยิงประตูได้ชนะได้ แต่ไปเอาศุนย์หน้าที่ไม่คมลงเล่นก็คงไม่ชนะ และแพ้หลุดลุ่ย นี่เปรียบเทียบอุปมาอุปไมยอะไรชัดไม๊ชัดไหม
วันนี้เรื่องการเมืองพอก่อนแค่นี้ก่อน แล้วก็เหมือนเดิม คือคนกลุ่มพวกนี้ยังทำนิสัยสันดานเหมือนเดิมคือขัดขวางรังควานทางเจริญ นักการเมืองที่มีอุดมการณ์อยู่ตลอดเช่น เมือ่วานเงินเดือนลูกชายวิศวะกรออกเขาไปกดเอทีเอ็มที่โลตัส ก็เป็นเงินเดือนเขาน่ะ แล้วเขาให้ข้าพเจ้า 2000 (สองพันบาท) ไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟ นี้คือเรื่องจริง แล้วข้าพเจ้าจะไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟเวลาไหนเอาไปหมุนไปใช้อะไรเนี่ย ใครจะใส่ร้ายอะไรอีก แล้วพวกวิชามารจะใช้วิธีอะไรก็ใช้ไป กรูชี้แจงลูกเดียว แล้วดูดิว่าอธรรมมารมันก็ต้องเจ๊งยกเข่งไปอย่างแน่นอน เพราะมันไม่เลิกนี่หว่า เช่นถ้าได้แบ๊งค์พันมาแล้วไปใช้แตกเป็นแบ๊งค์ร้อยแบ๊งค์ห้าร้อยหรือแบ๊งค์ อะไรก็แล้วแต่นั้น กรูจะไปควบคุมหรือไปกำหนดอะไรได้ว่าเงินเหล่านั้นเป็นเงินอะไรเบอร์ในธนบัตร เท่าไหร่เลขอะไร ถ้าพวกมรึงมันบอกว่าจะต้องอย่างนั้นจะต้องอย่างนี้ก็แสดงว่าพวกมรึงมันนั้น พูดเองเออเองทั้งนั้นน่ะ เอาเป็นว่าสรุปว่าเงินที่ข้าพเจ้าไปกินไหนพาลูกไปกินไหนกินในห้างพาลูกไปกิน ในห้างใช้จ่ายสิ่งใดนั้นเป็นเงินที่ข้าพเจ้าทำมาค้าขาย เป็นเงินทำงานลูกชายวิศวะกร และหรือเป็นเงินหยิบยืมญาติข้าพเจ้า และสามปีกว่ามานี้ข้าพเจ้าไม่เคยกดเอทีเอ็มของใครแม้แต่ครั้งเดียวถ้าใคร บอกว่ามีก็แสดงว่าแตหลอ เมื่อข้าพเจ้าเลิกกับอดีตเมียแล้วตั้งแต่ปี 45 อดีตเมียก็มีผัวใหม่แล้วเรื่องจริงก็พูดได้ไม่มีอะไรเสียหาย และเป็นการยืนยันเพื่อความซื่อตรงในงานเขียนของข้าพเจ้าเชื่อถือได้ เป็นความสัตย์ แล้วถ้าใครใส่ร้ายก็ขอให้มันเจ๊งยกเข่ง
และก็รุ้ว่าถ้าเขียนลักษณะแบบนี้ก็จะโกรธแล้วก็จะใช้อิทธิพลอะไรก็ใช้ไปเพราะธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอ







Manit

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น