++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เมื่อ "โขน" ถึงยุคดิจิตอล

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 ตุลาคม 2552 07:42 น.
ส่วนของการออกแบบชุด คือจะเอาลายที่ออกแบบไว้มาใส่ตามส่วนต่างๆ
ด้านซ้ายเป็นตัวหุ่น
ส่วนด้านขวาจะเป็นลายที่สร้างขึ้นจากโปรแกรมออกแบบลาย
รายงานโดย กองทรัพย์ ชาตินาเสียว

ปลายปี 2550...
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
มีพระราชดำริให้คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ใช้วิทยาการทางวิศวกรรมศาสตร์แก้ไขปัญหาการสร้างชุดโขนของทางกรมศิลปากร
ซึ่งทางภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
ได้จัดทำโครงการวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ขึ้น โดยใช้ชื่อว่า
"โครงการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบเครื่องแต่งกายยืนเครื่องโขน"

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ในปี 2552....
ความคืบหน้าของโครงการดังกล่าวดำเนินไปจนใกล้บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว

โปรแกรมออกแบบลาย
ส่วนนี้จะเอาภาพลายเส้นมาเขียนลายด้วยเครื่องมือในโปรแกรม เพื่อใช้ทำภาพ
Texture รวมถึงกำหนดค่าเช่น สีของด้าน สีของเนื้อผ้า ทิศทางของลายปัก
**ดิจิตอลตัวช่วยจัดระเบียบโขน

ดร.พิษณุ คนองชัยยศ หัวหน้า
"โครงการระบบจัดเก็บองค์ความรู้ถาวรแบบดิจิตอลสำหรับโขน"
ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
บอกว่า วัตถุประสงค์ของการนำดิจิตอลมาเป็นเครื่องมือสำหรับช่วยงานในขั้นตอนสร้าง
ชุดโขนนั้นก็เพื่อช่วยให้ศิลปินผู้ออกแบบ
และช่างปักสามารถเห็นผลงานล่วงหน้าก่อนลงมือปักจริงได้ ทั้งนี้
เพื่อลดความผิดพลาดของงานและร่นระยะเวลาให้งานเสร็จเร็วขึ้น

"กระบวนการในการออกแบบและตัดเย็บเครื่องแต่งกายโขน
หนึ่งชุดอาจจะใช้เวลานานถึง 3 ปีครึ่ง
เนื่องจากต้องมีปรับแก้หลายครั้งจนกว่าจะเป็นไปตามที่ผู้ออกแบบต้องการ
ซึ่งถ้ามีการใช้ซอฟต์แวร์ที่ผลิตขึ้นจะช่วยลดเวลาลง 50% และลดงบประมาณได้
30% แต่ขณะนี้ยังขาดเครื่องมือใหญ่ โดยเฉพาะเครื่องโมชั่น แคปเจอร์
(motion capture)
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการนำมาใช้ในการตรวจจับการเคลื่อนไหวของท่ารำ
โขนเพื่อป้องกันท่ารำผิดเพี้ยน" ดร.วิษณุ อธิบาย

จักรพงศ์ นาคเดช หรือ ชาย นิสิตปริญญาเอก ชั้นปีที่ 1
ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า
นอกจากนี้ยังมีชุดโปรแกรมเก็บข้อมูลรายละเอียดของชุดเครื่องแต่งกายโขนด้วย
โดยจะนำส่วนคล้ายบาร์โค้ดที่เรียกว่า "แท็ค" ติดบนเครื่องแต่งกาย อาทิ
เสื้อ สนับเพลา ตัวคล้องคอเพื่อจัดให้เป็นหมวดหมู่
จะมีการเก็บข้อมูลได้ในคอมพิวเตอร์ มีระบบการยืมคล้ายหนังสือ
ทั้งนี้เพื่อป้องกันการสูญหาย และติดตามจากเจ้าหน้าที่ได้ง่าย
อีกทั้งยังเข้ากับระบบห้องจัดเก็บชุดใหม่ของสำนักการสังคีตอีกด้วย

จักรพงศ์ นาคเดช
** "เก่า-ใหม่" เราพบกันครึ่งทาง

จักรพงศ์ เริ่มศึกษาเรื่องราวของโขนตั้งแต่เป็นนิสิตชั้นปีที่ 4
คณะวิศวกรรมศาสตร์ จนวันนี้เป็นนิสิตชั้นปีที่ 1 ระดับปริญญาเอก
เขาเข้าออกกรมศิลปากร ร่วมพูดคุยกับศิลปินและช่างอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งกว่า
2 ปีที่ผ่านมาพบว่า
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ชุดออกแบบโปรแกรมแต่กลับอยู่ที่การทำความเข้าใจและศึกษา
สีจากกรมศิลปากร เนื่องจากสีที่ศิลปินเรียกขานจะไม่ตรงตามสีที่คุ้นเคย
เช่น สีฟ้าน้ำทะเล สีเขียวองคต
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าช่างแต่ละสกุลมีครูต่างออกไป
และโดยส่วนใหญ่จะใช้ความรู้สึกกำหนดสี ซึ่งแก้ปัญหาโดยการเข้าไปเทียบสี
ใช้วัสดุตัวอย่างเปรียบเทียบ
เมื่อได้ข้อมูลตรงกันแล้วก็เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์

"การ ทำให้ศิลปินเข้ามาสนใจเราก็ต้องเข้าไปใกล้ชิด
เข้าไปเสนอให้ดู แต่ยังไม่ถึงว่าศิลปินจะมาเรียนรู้จากเรา มันก็ต้องค่อยๆ
ไป เพราะกรมศิลปากรมีบุคลากรน้อย ยิ่งศิลปินที่ทำงานจริงๆ
แทบจะไม่ใช้คอมพิวเตอร์เลย เราก็ต้องค่อยๆ เข้าไป
ใช้เวลากว่าเขาจะยอมรับเทคโนโลยีเข้าไปใช้
ต้องเป็นลักษณะที่เราทำให้เขาเข้าใจว่าสิ่งใหม่จะไม่ไปทดแทนของเดิม
แต่ช่วยให้ของเดิมดีขึ้น
หน้าที่วิศวะคือให้ศิลปินเขาทำหน้าที่ได้ง่ายมากขึ้น" นิสิตปริญญาเอก บอก

แยกชิ้นเพื่อให้เห็นลายได้ชัดเจน
ในการทำงานออกแบบชุดเครื่องแต่งกายโขนดั้งเดิมนั้นจะวาดลายบนกระดาษ
และลอกลายบนผ้า แล้วทำการปักตามลาย
แต่โปรแกรมคอมพิวเตอร์จะทำให้เห็นภาพในสามมิติก่อน
โดยนำลายที่ช่างวาดเขียนส่งมาสแกนเข้าคอมพิวเตอร์
จากนั้นโปรแกรมจะทำการลอกลายแปลงข้อมูลเป็นแบบดิจิตอล
โดยลำดับต่อไปต้องใส่ค่าสีผ้า วัสดุที่ใช้ปัก
ซึ่งทั้งหมดศิลปินจะต้องเป็นผู้กำหนด
โดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์จะนำข้อมูลทั้งหมด ประมวลผลออกมาเป็นลายผิว
ตลอดจนคำนวณค่าการสะท้อนแสง ก่อน จะนำไปแปะบนโมเดล 3 มิติ
ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทตามตัวละครโขน คือ ตัวพระ ตัวนาง ยักษ์ และลิง
เพื่อความชัดเจนและมองเห็นภาพของตัวละครได้ก่อนทำการปักลายลงไปบนเนื้อผ้า
จริง


"พิชยุตม์ พีระเสถียร"
**หาจุดร่วมในความต่าง

"พิชยุตม์ พีระเสถียร" หรือ แฮม นิสิตชั้นปีที่ 3
คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
หนึ่งในทีมงานผู้ออกแบบชุดโปรแกรม ให้ทัศนะว่า จริงๆ
แล้วการใช้คอมพิวเตอร์ออกแบบยังไม่สามารถทำได้เทียบเท่าฝีมืออันอ่อนช้อยของ
ศิลปินได้ อาจจะสามารถช่วยงานคนได้เพียง 10-20% เท่านั้น
อย่างไรก็ตามการหาจุดลงตัวมีแนวโน้มความเป็นไปได้ว่าจะพัฒนาศักยภาพให้ใช้
ได้มากที่สุด แต่คงไม่ใช้แทนแบบดั้งเดิม 100%

ทั้ง นี้
การศึกษาโขนไทยในยุคดิจิตอลนั้นต้องทำให้เยาวชนเข้าถึงได้ง่ายๆ ก่อน
เพราะเชื่อว่าส่วนใหญ่ยังคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว ดังนั้น
การศึกษาและพัฒนาโปรแกรมอื่นๆ เพื่อนำไปต่อยอด
ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเครื่องแต่งกายที่ต้องศึกษาอย่างต่อเนื่องแล้ว
ยังสามารถศึกษาเรื่องแสง ค่าสี และการออกแบบเวทีก่อนการแสดงจริงด้วย

"เห็นความเปลี่ยนแปลงของโขนทั้งการจัดแสง เสื้อผ้า และเวทีมากๆ
ในโขนชุดพรหมาศที่ศูนย์วัฒนธรรม มีการพัฒนาไปเยอะมาก
แสงที่เพิ่มจากแสงขาวเพิ่มแสงให้มีอารมณ์ในการแสดงมากขึ้น
กระบวนการออกแบบการจัดฉากมากขึ้น
โดยวิศวกรเองก็ต้องเรียนรู้ข้อจำกัดของเทคโนโลยี
และของดั้งเดิมด้วยเพื่อประยุกต์ให้ใช้ร่วมกันให้ได้มากที่สุด"

พิชยุตม์ ในฐานะที่เรียนวิศวกรรมศาสตร์
และต้องคลุกคลีกับศิลปวัฒนธรรม แสดงความเห็นด้วยว่า
ที่สุดแล้ววัฒนธรรมและเทคโนโลยีสามารถก้าวไปด้วยกันได้
เนื่องจากเทคโนโลยีจะไปช่วยสนับสนุนทางด้านวัฒนธรรม ทั้งด้านเก็บข้อมูล
ช่วยด้านการออกแบบ จะ
ดีมากถ้าใช้เทคโนโลยีเข้าไปช่วยผลักดันศิลปวัฒนธรรมให้ดีกว่าที่เป็นอยู่และ
เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จะยังคงส่งไม้ต่อเรื่องโขนต่อไป หากมีการต่อยอดเรื่อยไป
ใช้ความรู้หลายจุดมาผสมกัน ไม่แน่ว่าอาจจะมี เกม หรือการ์ตูนแอนิเมชันโขน
หรือตัวละครเด่นในโขนเป็นตัวเอกออกมาก็เป็นได้

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000117519

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น