โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ความมุ่งมั่น ตั้งใจของน้องๆ หนูๆ
พื้นที่เล็กๆ หน้าบ้านไม้หลังเก่าๆ หลังหนึ่งภายใน "ชุมชนราชพัสดุ เขตดุสิต" ทุกๆ วันอาทิตย์ที่นี่จะถูกแปรสภาพเป็นห้องเรียนกลางแจ้ง โดยมีภาพเด็กๆ กว่า 20 คนนั่งขีดเขียนระบายสี บ้างร้อง เล่น ทำกิจกรรมสันทนาการด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม จากการดูแลของกลุ่มอาสาสมัครที่เรียกตัวเองว่า “ครูข้างถนน”
ครูจิ๊บ - จิณนัดดา มิลินทะเลข
พวกเขาคอยแบ่งปัน สาระ ความรู้ พร้อมสอดแทรกความสนุกให้กับเด็กๆ เหล่านั้น และนั่นจึงกลายเป็นที่มาของ "ครูอาสากลางกรุง Teacher 4 Sunday"
** ต่างคน ต่างงาน เพื่อจุดหมายเดียว
ครูอาสากลางกรุง Teacher 4 Sunday เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มคนต่างสาขา อาชีพ แต่ที่มีเหมือนกันคือ “จิตอาสา” โดย ครูจิ๊บ – จิณนัดดา มิลินทะเลข พนักงานบัญชีบริษัทเอกชน ที่ขรุกอยู่กับงานด้านครูอาสามากว่า 9 ปี อธิบายว่า ครูอาสากลางกรุง Teacher 4 Sunday เริ่มดำเนินการมากว่า 1 ปี โดยการสอนหนังสือ ให้ความรู้ เพิ่มทักษะ แก่เด็กๆ ภายในชุมชน ซึ่งเริ่มทำที่ชุมชนเกียกกายเป็นแห่งแรก แต่เนื่องจากเด็กๆ ภายในชุมชนมีน้อย และสถานที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้ต้องย้ายมาในที่ปัจจุบัน ซึ่งชุมชนราชพัสดุ ได้เอื้อเฟื้อสถานที่ให้ โดยจัดกิจกรรมทุกวันอาทิตย์ มีครูอาสา 5-6 คน พร้อมด้วยครูพี่เลี้ยง 3-4 คน คอยให้การดูแลเด็กๆ
ในส่วนกระบวนการทำงานนั้น ครูจิ๊บ บอกว่า ไม่มีกระบวนการอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ให้ครูอาสาทุกคนที่เข้ามารับผิดชอบงานในด้านที่ตนเองถนัด ใครถนัดเรื่องไหนก็สอนเรื่องนั้น โดยเน้นวิชาหลัก เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย พร้อมทั้งกิจกรรมที่มีการสอนเชิงบูรณาการ ให้เด็กเรียนรู้วิชาการและเล่นไปด้วยในเวลาเดียวกัน
กิจกรรมเสริมสร้างจินตนาการ
ทั้งนี้การสอนจะใช้เวลาในช่วงครึ่งวันเช้าของวันอาทิตย์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือช่วงแรกตั้งแต่เวลา 09.00 – 11.00 น. จะเน้นวิชาการแต่จะไม่เน้นตามแบบเรียนในห้องเรียน โดยจะพยายามสอดแทรกกิจกรรมเพื่อไม่ให้เด็กเบื่อ ทั้งสร้างจินตนาการระหว่างเรียนเข้าไปด้วย ในส่วนนี้ครูอาสาแต่ละคนจะสอนในเรื่องที่ตนเองถนัด กำหนดรูปแบบเอง ส่วนช่วงชั่วโมงสุดท้ายก็จะเปิดให้เป็นช่วงของสันทนาการ และในช่วงนี้ยังเปิดโอกาสให้แก่กลุ่มนักศึกษา หรือกลุ่มที่ทำงานเพื่อเด็กด้านต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะกำหนดกิจกรรมอย่างไร
ครูโดม – พงษ์กร ประภากูล
** ‘ความรู้รอบตัว’ สอดไส้ ‘จริยธรรม’ ผสานเด็กต่างวัย
สำหรับการสอนนั้น ครูโดม – พงษ์กร ประภากูล นักการตลาด หนึ่งในครูอาสาสมัครที่เข้าสู่วงการได้กว่า 6 เดือน ให้ข้อมูลว่า สิ่งที่ตั้งคำถามคือทำอย่างไรถึงจะจัดการสอนให้แก่เด็กที่ต่างระดับชั้นกัน ได้ ซึ่งมีตั้งแต่อนุบาลจนถึงประถมศึกษา จริงๆ แล้ว เด็กเล็กระดับชั้นอนุบาล จนถึงชั้นประถมศึกษาตอนต้น ก็จะแยกสอนโดยเน้นในเรื่องของการสร้างจินตนาการพื้นฐาน ฝึกระบายสี วาดภาพ คัดลายมือ ส่วนเด็กโตจนถึงชั้นป. 6 จะเน้นในเรื่องของวิชาการมากขึ้น ซึ่งไม่ได้กำหนดว่า เด็กป.2 ต้องเรียนแบบนั้น เด็กป.4 ต้องเรียนแบบนี้ แต่จะสอนความรู้ทั่วไป ที่เขาสามารถนำไปประยุกต์ทั้งกับการเรียนในห้องเรียน และกับชีวิตประจำวันได้ เช่น การสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ก็จะเลือกศัพท์ที่ควรรู้ ใช้บ่อย และความรู้ทั่วไปที่เป็นความรู้รอบตัวมากกว่าความรู้จากในตำรา เป็นต้น เพราะฉะนั้นเรื่องความเหลื่อมล้ำของระดับการศึกษาจึงไม่ใช่อุปสรรค เด็กกสามารถเรียนรวมกันได้
“นอก จากการเปิดโลกความรู้รอบตัว สร้างจินตนาการ มุ่งเน้นให้เด็กคิดเป็น ทำให้เขาเข้าใจเรื่องหลักการใช้ชีวิตแล้วนั้น หน้าที่สำคัญของครูอาสาอีกอย่างคือการปลูกฝังในเรื่องของ จริยธรรม ความสามัคคี ซึ่งระหว่างสอนครูอาสาทุกคนต้องพยายามสอดแทรกเรื่องเหล่านี้เข้าไปด้วยทุก ครั้ง อย่างเช่นล่าสุดในช่วงวันมาฆบูชาที่ผ่านมานี้ ก็ได้นิมนต์พระมาเทศน์ให้เด็กๆ ฟัง เพื่อการปลูกฝังให้เขาได้รับสิ่งดีๆ ซึมซับพระพุทธศาสนาตั้งแต่เด็กๆ” ครูโดมขยายความ
ครูนุ้งนิ้ง – จิระพงษ์ รอดภาษา
ด้าน ครูนุ้งนิ้ง – จิระพงษ์ รอดภาษา กับภาระหน้าที่ในงานประจำด้านรังสีวิทยา สำนักงานปรมณูเพื่อสันติ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครูอาสามากว่า 4 ปี บอกด้วยว่า ตลอดช่วงเวลาที่อยู่กับเด็ก สิ่งที่ครูอาสาทุกคนรับรู้ได้คือความตั้งใจ และการให้ความสนใจทั้งในเรื่องเรียนและกิจกรรม
...ด้วยคำถามที่พวกเขามักถามเสมอก่อนเรียนว่า วันนี้ครูจะสอนอะไร?
นี่อาจบ่งบอกได้ถึงความตั้งใจของเด็กๆ ครูอาสาเองก็ภูมิใจเมื่อเขาสนุก ไม่ใช่เรียนแล้วเด็กนั่งหลับ วิ่งหนีกลับบ้าน ซึ่งเด็กๆ ก็ไม่มีพฤติกรรมเช่นนั้นเลย ตรงนี้ถือว่าเป็นกำลังที่สำคัญของคนเป็นครูอาสาทุกคน นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้รู้ว่าการสอนไม่สูญเปล่าคือ เด็กๆ จะบอกเสมอว่า เขาสามารถตอบคำถาม ตอบคำศัพท์ที่เคยสอนไปในห้องเรียนได้ เพราะเรียนไปเมื่อวันอาทิตย์ ถึงวันจันทร์เปิดเรียนก็ตอบคำถามได้ทันที ซึ่งเด็กก็จะเกิดความภูมิใจในตัวเองเช่นกัน
“ถึง แม้การทำงานจะดูว่าราบรี่น แต่ปัญหาอุปสรรคก็เกิดขึ้นเช่นกัน ซึ่งก็ใช้วิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ารายวัน โดยจะมีการพูดคุย ปรึกษากำหนดแนวการสอนกันในช่วงเช้าก่อนทำการสอน เนื่องจากแต่ละคนต่างก็มีภาระหน้าที่การทำงาน การใช้เวลานัดหมายกันจึงเป็นเรื่องยาก ทำให้การเตรียมตัวต่างคนต่างก็เตรียมมา คนไหนถนัดอะไรก็สอนตรงนั้น มีปัญหาหน้างานก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันเลย ทุกคนมีประสบการณ์แต่ละด้าน ที่จะมาแชร์ความรู้กัน จึงเปรียบเหมือนจิกซอร์ที่จะมาเติมเต็มซี่งกันและกัน” ครูนุ้งนิ้งเสริม
สอดแทรกวิชาการด้วยกิจกรรมสันทนาการ
** ‘จิตอาสา’ ทำเลยไม่ต้องรอ
สุดท้าย ครูจิ๊บ ฝากทิ้งท้ายว่า คำว่าจิตอาสาในตอนนี้เริ่มเป็นที่แพร่หลาย ซึ่งก็เป็นผลดีในการเพิ่มจำนวนคนอาสาในเรื่องต่างๆ ที่จะคอยช่วยเหลือสังคม แต่ขณะเดียวกันคำว่าจิตอาสาก็จะเน้นไปในเรื่องจุดขายมากขึ้น ซึ่งก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน บางคนก็เอาคำๆ นี้มาใช้หากิน หรือคนบางกลุ่มยังแปลความหมายคำๆ นี้ไม่ออก จนถูกนำไปใช้ในทางการตลาดอย่างน่าเกลียด
“คน ที่เป็นอาสาสมัคร ครูอาสา ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง ขอแค่เป็นผู้มีใจรัก และรักในการมอบสิ่งดีๆ ให้กับเด็กๆ ให้กับสังคม เพราะการทำงานไม่ได้เน้นวิชาการเพียงอย่างเดียว หากบางคนตั้งใจจริงแต่ไม่มีความสามรถใดๆ เพียงแค่คอยดูแล ควบคุมเด็ก คอยให้กำลังใจ ไม่ต้องมาอยู่ด้วยกันทั้งวัน เพียงแค่ระยะเวลา 1 ชั่วโมง แต่ทุ่มกับเด็กอย่างเต็มร้อยแค่นี้ก็ถือว่าเกินเป้าที่วางไว้แล้ว เมื่อไหร่ที่คุณว่าง เมื่อไหร่ที่คุณมีเวลา อยากทำอะไรดีๆ ก็ขอให้ลงมือทำเลย ไม่ต้องรอ” ครูจิ๊บฝาก
ถึงจะเรียนๆ เล่นๆ แต่ก็ไม่ทิ้งวิชาการ
ไม่ต่างกับ ครูโดม ที่บอกว่า ความฝันของครูอาสาทุกคนโดยเฉพาะตนนั้นอยากให้มีการทำงานอย่างนี้เกิดขึ้นกับ ทุกชุมชน และหากมีอาสามากพอกับภารกิจที่ทำอยู่นี้ ก็จะได้ขยายสู่ชุมชนอื่นต่อไป เหมือนกับสโลแกนที่ว่า “ร่วมหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความดีกลางกรุง ดอกไม้แห่งความสุขจะบานกลางใจ”
นักศึกษา กลุ่มองค์กรต่างๆ ก็ร่วมเป็นครูอาสาได้
... งานสำคัญ กำลังรอพลัง ‘จิตอาสา’ เข้ามาเติมเต็ม สำหรับผู้ที่สนใจเป็นครูอาสากลางกรุงสนใจดูรายละเอียดได้ที่ http://teacher4sunday.multiply.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น