จาก The Book of Goals
คนทีรักงานของเขาจริงๆ และผู้ที่ยังรักสิ่งอื่นนอกเวลางานคือ คนที่สามารถจัดเวลาให้กับตัวเองได้ เขาขอความช่วยเหลือเมื่อเขาต้องการและเหลือเวลาไว้ให้กับตัวเอง พวกเราทุกคนต้องการการพักผ่อนเพื่อเติมพลังสำหรับทางร่างกาย จิตใจและทางอารมณ์ ถ้าคุณหมดพลังโดยง่าย คุณจะกลายเป็นคนที่มีค่าน้อยสำหรับองค์กร สำหรับคนใกล้ชิดและตัวคุณเอง
สเตลลา จอห์นสัน เป็นผู้มีไหวพริบดีและมีความรอบรู้ เธอจบมัธยมปลาย เริ่มต้นอาชีพจากการเป็นเลขานุการในบริษัททำนิตยสารรายเดือนที่มีชื่อเสียง ต่อมาเธอได้ทำหน้าที่ตรวจสอบบทความ และในที่สุดได้เป็นผู้อำนวยการของฝ่ายวิจัย สเตลลาทำงานอย่างหนักจนไม่มีเวลาให้กับสิ่งอื่นเลย แม้แต่เวลาสำหรับคนใกล้ชิด การพักผ่อนหย่อนใจและการออกกำลังกาย เธอไม่สามารถบอกปฏิเสธกับงานใดๆได้ เธอไม่ไว้วางใจผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทำโครงการสำคัญๆ เธอมีปมด้อยในเรื่องการศึกษาของเธอ การไม่มีใบปริญญาไม่ได้ทำให้เธอถดถอยทางอาชีพ เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เธอยิ่งทำงานหนักขึ้น ๆใช้เวลาทั้งหมดให้กับงาน จนไม่มีเวลาไปเที่ยวที่ใดเลย สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายได้คือ การรับประทาน ซึ่งเธออ้วนขึ้นเหมือนลูกบัลลูน ซึ่งมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 200 ปอนด์ เธอกำลังอยู่บนเส้นทางของความหมดสภาพ
จากผลการวิจัย พบว่า ผู้ที่ได้รับความทุกข์มากที่สุดจากการทำงานหนักจนหมดสภาพ คือ พนักงานที่รับผิดชอบมากที่สุด และไม่รู้จัดการมอบหมายความรับผิดชอบให้คนอื่น การทำงานจนหมดกำลังพบได้บ่อยในอาชีพที่ให้บริการ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล คนงานในโรงพยาบาล คนที่ทำงานให้แก่สังคม ครู
แบบฝึกหัด : คนทนทุกข์จาก " การทำงานหนัก" จนหมดสภาพ หรือไม่ คุณรู้จักการทำงานหนักจนหมดสภาพดีแค่ไหน ลองถามตัวคุณเองดู
- คุณรู้สึกหมดหวังบ่อยไหม
- คุณรู้สึกยุ่งยากใจ หรือมีความขัดแย้งในสิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่หรือไม่
- คุณรู้สึกหมดแรงตลอดชั่วโมงการทำงานหรืองานเลิกแล้วหรือไม่
- คุณมักรู้สึกขมขื่นในเรืองงานหรือไม่
- คุณมักรู้สึกวิตกกังวลหรือไม่
- คุณรู้สึกถูกจำกัดขอบเขตด้วยอาชีพของคุณหรือไม่
คุณจะจัดการกับการทำงานหนัก จนหมดสภาพได้อย่างไร? ต่อไปนี้คือแนวทางต่างๆที่ผมแนะนำ ถ้าคุณรู้สึกท้อถอย ทางเลือกสุดท้าย ก็คือ คุณอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนงาน หรือเปลี่ยนสายอาชีพ แต่คุณต้องลองวิธีอื่นๆก่อน
- ลองสนใจทำสิ่งอื่นให้ลืมความเครียดนี้ไป อาจฟังดูเหมือนหนีเสือปะจระเข้ แต่มันก็ใช้ได้ผล ถ้างานของคุณต้องใช้สมาธิสูง พยายามผ่อนคลายด้วยสิ่งอื่นทางกายภาพ ได้แก่ การวิ่งออกกำลังหรือการทาสีบ้านถ้าความเครียดเกิดจากการเบื่องานซึ่งไม่ได้ใช้สมอง คุณก็ต้องเพิ่มพลังให้กับสมอง โดยการอ่านหนังสือ การเรียนเพิ่มเติม หรือไปเรียนภาษาต่างประเทศ
- ลองทำอย่างอื่นที่แตกต่างจากงานที่คุณทำโดยสิ้นเชิง เมื่อสมัยที่ผมเรียนปริญญาเอกอยู่ ขณะที่ทำงานพิเศษในโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไปด้วย ตอนนั้นผมเริ่มหมดแรง โชคดีที่ผมพบรักกับ Elkhound หญิงชาวนอร์เวย์ซึ่งไร้ที่อยู่ ผมและเธออยู่ด้วยกันมาเกือบ 15 ปี และเมื่อผมกลับบ้านแม้ว่าจะเหนื่อยสักเพียงใด เธอก็จะช่วยให้ผมลืมเรื่องงานได้
- ตัดชั่วโมงทำงานที่มากเกินไปของคุณออกไปบ้าง ทุกคนมีขอบเขตจำกัดในการที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากเราทำงานเกินขอบเขตนี้ อาจได้รับผลตอบแทนที่น้อยลง บางครั้งการทำงานที่หนักเกินไป ซึ่งพบมากในพนักงานในบริษัทกฏหมายและโรงพยาบาล การทำงานมากจนเกินไป ทำให้พวกเขาเสียเวลาในวันเด็กไป เราควรจะต้องจำกัดขอบเขตเวลาของตัวเรามากกว่าที่จะพยายามให้เป็นไปตามความคาดหวังของนาย
- แบ่งเวลาให้กับตัวเอง เช่น ให้เวลาเดินเล่นตอนเที่ยง ไปทำงานเช้าขึ้นเล็กน้อย หรือเลิกช้าลงบ้าง เพื่อให้คุณมีเวลาเพียงพอ การหาเวลาส่วนตัวให้ตัวเอง อาจหมายถึง การขอร้องคนอื่นไม่ว่าที่ทำงานหรือที่บ้านให้ช่วยเหลือคุณด้วย ซึ่งมันคุ้มค่าที่จะขอให้เขาช่วย พวกเราทุกคนต้องการเวลาสำหรับจะรับฟังความเห็นของตัวเอง
- ให้รางวัลตัวเองบ้าง ได้แก่ ดอกไม้ในโอกาสพิเศษ หรือมีวันหนึ่งที่มีเวลาว่างของตัวเอง หรือสิ่งใดที่คุณเคยชอบ
- ลองฝึกฝนเทคนิคการลดความเครียดด้วยตัวเองในยามว่าง ได้แก่ การสงบจิตใจ การหายใจลึกๆ การผ่อนคลาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น