++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ขายยาบ้า กรรมที่ 'ป้าพรหม' ต้องชดใช้




กรรมชั่วไม่เคยทำให้ใครมีความสุข มีแต่จะซ้ำเติมให้ทุกข์มากยิ่งขึ้น หากเราอยากจะมีความสุขจึงต้องเลือกทำแต่ความดีเท่านั้น ยิ่งในสังคมปัจจุบันที่กระแสบริโภคนิยมกำลังรุนแรงมาก คนที่ขาดปัญญาก็จะเป็นทุกข์ได้ง่าย ต้องดิ้นรนหาเงินมาซื้อสิ่งของบริโภคตามยุคสมัย วัตถุไม่ใช่ว่าจะไม่มีความสำคัญกับชีวิต มันมีความสำคัญอยู่บ้าง แต่พุทธศาสนาเตือนไม่ให้หลงใหลกับวัตถุมากเกินไป จนกลายเป็นความทุกข์ บางคนหลงผิดไปแสวงหาด้วยวิธีการทุจริต เช่น ค้ายาเสพติด ลักขโมย เป็นต้น สิ่งเหล่านี้มีแต่จะนำความทุกข์มาให้ทั้งสิ้น ดังตัวอย่างของป้าพรหม

ป้าพรหม เป็นหญิงวัยกลางคนมีอาชีพค้าขายของชำ สามีเป็นข้าราชการครู รายได้ของทั้งคู่ก็พอที่จะเลี้ยงครอบครัวได้ เพราะทั้งสองไม่มีลูก ชีวิตจึงไม่ลำบากมากนัก

อยู่มาไม่นาน สามีของป้าพรหมก็เสียชีวิตลง แกจึงต้องใช้ชีวิตตามลำพัง แต่การอยู่คนเดียวไม่ได้เป็นปัญหา แกยังคงขายของต่อไปด้วยความขยันขันแข็ง รายได้แต่ ละวันนั้นก็มากพอที่จะเลี้ยงชีวิตไปได้เรื่อยๆ

ป้าพรหมเป็นคนที่กว้างขวางคนหนึ่งในละแวกนั้น จะไปไหนก็มีคนรู้จักนับหน้าถือตา แต่ชีวิตของคนเรานั้น มักไม่พอใจกับสิ่งที่ตนเองมีอยู่ เมื่อป้าพรหมเห็นคนอื่นมีรถสวยๆ บ้านงามๆ ก็รู้สึกอยากมีกับเขาบ้าง

วันหนึ่งมีวัยรุ่นที่อยู่ในละแวกเดียวกัน มาชวนแกให้ขายยาบ้า โดยบอกว่าจะได้เงินมากมายมหาศาล ป้าพรหมฟังแล้วตาลุกวาว แต่ใจหนึ่งก็กลัวจะโดนตำรวจจับ ขณะที่อีกใจหนึ่งก็อยากจะร่ำรวยเร็วๆ แกได้พยายามต่อ สู้กับกิเลสชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในจิตใจอยู่นาน แต่ในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับอำนาจของความชั่วที่มีมากกว่าความดี

ป้าพรหมตัดสินใจขายยาบ้า เพราะคิดว่าจะทำสักสอง สามครั้ง พอรวยแล้วก็เลิก ตำรวจคงจับไม่ได้แน่นอน อีกอย่างหนึ่งหมู่บ้านแห่งนี้ก็อยู่ห่างไกลจากตัวอำเภอเกือบยี่สิบกิโล นานๆ ทีตำรวจจะเข้ามาตรวจสักครั้งหนึ่ง
เมื่อป้าพรหมตัดสินใจขายยาบ้า ก็ร่ำรวยขึ้นทันตาเห็นในเวลาไม่กี่เดือน มีเงินหลายล้าน ซื้อบ้านใหม่ รถใหม่ แต่ขณะเดียวกันชื่อเสียงของแกก็เริ่มฉาวโฉ่ขึ้น ความเคารพนับถือที่ผู้อื่นเคยมีให้ ก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ แต่แกก็ดูเหมือนไม่สนใจไยดีกับสายตาของชาวบ้านเท่าไหร่ คิดแต่เพียงว่า ถ้ามีเงินมากเท่าไหร่ คนก็ยิ่งนับหน้าถือตาเท่านั้น ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด

ผลกระทบจากการกระทำของป้าพรหม ทำให้วัยรุ่นในหมู่บ้านติดยาบ้ากันมากขึ้น ก่อให้เกิดการลักขโมยมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ชาวบ้านต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง ไปไหนมาไหนก็รู้สึกไม่ปลอดภัยเหมือนที่เคย ยิ่งครอบครัวไหนมีลูกชายลูกสาววัยรุ่นก็ยิ่งเป็นห่วงมาก เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นเหยื่อของคนพวกนี้
ไม่นานตำรวจก็เริ่มจะได้กลิ่นเรื่องป้าพรหมขายยาบ้า แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานที่จะมัดตัว แม้ว่ากฎหมายยังเอื้อมมาไม่ถึง แต่ทว่ากฎแห่งกรรมได้คืบคลานเข้ามาหาป้าพรหมอย่างเงียบๆ

จาก สมัยก่อนที่เคยกินอิ่มนอนหลับ ไปไหนมาไหนอย่างสบาย แต่มาตอนนี้ชีวิตของป้าพรหมกลับเป็นอยู่อย่างหวาดผวา ไปไหนมาไหนก็มีแต่ความหวาดหวั่น บ้านหลังใหญ่พร้อมรถคันหรูที่ได้จากการขายยาบ้า ไม่ได้ทำให้นอนหลับสบายแต่ประการใด ตรงกันข้ามแต่ละคืนแกนอนตาไม่หลับ สมองครุ่นคิดหวาดระแวงอยู่ว่าตำรวจจะจับได้ และทรัพย์สินที่ตนมีอยู่จะถูกยึดไปหมด แต่กระนั้นแกก็ไม่ยอมเลิกทำอาชีพชั่วๆแบบนี้ เพราะยังเสียดายรายได้อันมากมายมหาศาลที่เคยได้รับ

เมื่อตำรวจสืบทราบแน่ชัดว่าป้าพรหมเป็นคนขายยาบ้า จึงวางแผนจับพร้อมของกลาง ตำรวจได้เข้าล้อมบ้านในขณะที่ป้าพรหมกำลังเตรียมยาบ้าไปส่งให้ลูกค้า ในมือแกถือยาบ้าไว้เต็มกำ ราว 100-200 เม็ด ส่วนที่เหลือถูกซุกซ่อนภายในบ้านกว่าล้านเม็ด

ป้าพรหมตกใจสุดขีดเมื่อเห็นตำรวจ จึงรีบเอายาบ้าทั้งหมดที่มีอยู่ในกำมือ ใส่เข้าไปในปากแล้วกลืนทันที!! เพื่อทำลายหลักฐาน ตำรวจที่มาจับเห็นแล้วก็ตกตะลึง ว่าทำไปได้อย่างไร เพราะพิษยาบ้านั้นอันตรายมาก กินเพียงเม็ดเดียวก็เมาหนักจนไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว

ตำรวจจึงรีบพาป้าพรหมไปล้างท้อง แต่เนื่องจากโรงพยาบาลอยู่ไกลมาก ยาบ้า ที่กินเข้าไปจึงเริ่มออกฤทธิ์ ป้าพรหมเริ่มดิ้นทุรนทุราย ปากบิดเบี้ยว มือกุมท้อง ปวดแสบปวดร้อนจนตัวงอ เหมือนกับท้องไส้จะขาด ร้องโอดโอยขอความช่วยเหลือ เป็นที่น่าสมเพชเวทนา ในที่สุดก็สลบไปเพราะทนพิษยาบ้าไม่ไหว แต่ยังโชคดีที่ไม่ตาย ตำรวจพาไปให้หมอล้างท้องได้ทัน

ตั้งแต่ นั้นมาป้าพรหมไม่มีโอกาสได้อยู่บ้านหลังใหญ่ใช้รถคันโตอีกแล้ว เพราะแกต้องย้ายเข้าไปอยู่ในคุก รับโทษทัณฑ์ที่ก่อไว้ และผลจากการกินยาบ้าครั้งนั้น ทำให้ผมของแกร่วงทั้งหัว ร่างกายและจิตใจก็ไม่ปกติ เหมือนคนเป็นบ้า แถมมีโรคภัยรุมล้อมอีกมากมาย

นี่คือกฎแห่งกรรมที่ป้าพรหมได้รับในชาติปัจจุบัน เป็นกรรมที่ตนเป็นคนก่อขึ้นเพราะความโลภมาก จริงๆแล้วการอยากร่ำรวยมั่งมีนั้นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่ต้อง รู้จักแสวงหาทรัพย์สมบัติในทางที่ถูกต้อง สุจริต หากแสวงหาในทางที่ทุจริต ชีวิตก็จะไม่มีความสุข และจะพัวพันกับความชั่วมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดจะไม่สามารถถอนตนออกจากวังวนแห่งความชั่วได้เลย

ทรัพย์สินเงินทองไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง เตียงนอนที่หรูหราจะไม่มีค่าอะไรเลย หากทั้งคืนเรานอนไม่หลับ ในขณะเดียวกัน หากเราพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ ไม่เบียดเบียนใคร ทำอาชีพสุจริต ถึงจะไม่มีทรัพย์สินเงินทองมากมายนัก แต่เราก็จะอยู่ร่วมกับสังคมอย่างสบายใจ ความสุขเกิดที่ใจดับที่ใจ หากใจเราดี ชีวิตก็จะมีความสุข อยู่ที่ไหนก็สบาย แต่หากจิตใจชั่ว อยู่ที่ไหนก็จะมีแต่ความทุกข์ ฉะนั้น หากเราอยากมีความสุขก็จงอย่าทำความชั่วโดยประการทั้งปวง

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 109 ธันวาคม 2552 โดยมาลาวชิโร)

ที่มา  เวปพลังจิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น