++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เรื่องของอนิจจัง คณะราษฎร์ก็ไม่ใช่ใครหากคนรุ่นใหม่ศึกษาด้วยสติปัญญา


เรื่องของอนิจจัง คณะราษฎร์ก็ไม่ใช่ใครหากคนรุ่นใหม่ศึกษาด้วยสติปัญญา คิดเองวินิฉัยด้วยปัญญา ไม่เพียงแต่อ่าน ๆ ตามที่บันทึกไว้ เขียนไว้ เพราะคนเขียนเป็นธรรมชาติก็ต้องรักษาตัวตนให้พ้นจากอำนาจ เพราะแม้แต่คนคิด คนริเริ่มจะเอารัฐธรรมนูญมาใช้(เรียกให้ดูดีว่าขอพระราชทานรัฐธรรมนูญ) ไปเรียน ไปได้ อะไรก็ไม่รู้(คนไทยไม่เคยได้ยิน) DEMOCRACY ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรในภาษาไทย ก็มีพวกนักเรียนนอกซึ่งก็คือคนหรือกลุ่มคนที่พระเจ้าอยู่หัวชุบเลี้ยงกินเงินเดือน เงินภาษีทั้งนั้นเรียกว่า"ประชาธิปไตย" ซึ่งคนไทยทั่วไปยังนุ่งผ้าขาวม้า ยังนุ่งโจงกระเบนอยู่ก็ไม่เคยรู้จัก แม้แต่พ่อแม่ลูกเมียคณะราษฎร์เองก็เถอะน้อยคนจะรู้จักประชาธิปไตย เพราะไมีมีใครเรียกกัน เริ่มแรกเปลี่ยนการปกครองก็มีทั้งฝ่ายก่อการและฝ่ายต่อต้าน ลักษณะเหมือนสมัยหนึ่งที่ประเทศไทยบอกชาวโลกว่าอยู่ข้างโลกเสรี มีประชาธิปไตย แต่ห้ามพูด ห้ามอ่านหนังสือเกี่ยวกับลัทธิ คม. สมัยนั้นก็ครือกัน มีรัฐธรรมนูญแล้ว (พูดให้โก้แบบนักประชาธิปไตย ต้องพูดว่าได้รับพระราชทานรัฐธรรมนูญ) ก็ห้ามพูดห้ามเรียกผู้ก่อการว่า "พวกกบฎ" (คนสมัยนั้นเขามีแต่ในหลวงและราชวงค์เท่านั้นเป็นที่พึ่ง) ใครมาจับท่านขัง ใครมาด่าท่าน ใครไม่เคารพท่าน เมื่อจะเปลี่ยนแปลงการปกครอง แย่งอำนาจพระองค์ท่าน เขาก็เรียกว่ากบฎ ที่ไม่ล้มตายกันมากมายเหมือนต่างประเทศทางยุโรป ก็เพราะพระมหากษัตริย์ของไทยมีทศพิธราชธรรม(ไม่เหมือนนักการเมือง) ท่านเกรงว่าประชาชนของท่านจะฆ่ากัน รบกันเพื่อท่าน ผู้ก่อการจึงพ้นจากคำกล่าวว่า "พวกกบฎ" ไปได้ พวกทหารที่อยู่หัวเมืองก็กลายเป็นกบฎไปแทน ทหารในกรุงเหรอ ? เปลี่ยนสีเป็นสีประชาธิปไตย ทั้ง ๆ ที่ยังใช้ปืนคาบศิลา ใส่หมวกกะโล่นั่นแหละ ถ้าจะเปลี่ยนอีกที ไม่รู้จะให้ท่านพระราชทานอะไรดี ตอนนี้ก็มีแต่นักการเมืองผู้หิวโหยแสวงหาอำนาจ คงรบกันฆ่ากันตายเหมือนเจ้าลัทธิประชาธิปไตยทางตะวันตก ประชาธิปไตยในอิรัก ในปากีสถาน และอีกหลายประเทศที่อเมริกาไปปลูกต้นประชาธิปไตยไว้ให้โดยมีซากมนุษย์ประเทศนั้น ๆ เป็นปุ๋ย
คนเก่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น