++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553

อาคารขายเวลา

ในตอนค่ำวันหนึ่ง
ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่คลุมด้วยผ้าห่มลายนกนางนวลสีเขียว
แล้วก็มองไปยังหนังสือกองโตที่ค้างคา รอให้ฉันไปอ่าน
เสียงถอนหายใจของฉันทอดยาว รับกับเสียงพัดลมขายาวที่ส่งเสียงครางเบาๆ
แถมช่วงเวลานั้นอากาศก็ช่างเป็นใจ เพราะอากาศเย็นสบายกำลังดี
ฉะนั้นเมื่อเวลาผ่านไปได้สักพัก ฉันจึงเผลอหลับไป

ฉันพบตัวเองอีกทีที่หน้าอาคารหลังใหญ่ดูเหมือนจะสร้างด้วยหินอ่อนลักษณะ
คล้ายธนาคารมีบันไดหินสีขาวเป็นมันวับเรียงรายเป็นชั้นๆ
สุดบันไดขั้นสุดท้ายมีประตูกระจกติดฟิล์มกรองแสงเข้ม
มีป้ายแผ่นหนึ่งแขวนไว้ตรงประตูเขียนข้อความว่า 'มีเวลาขาย'
ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นหรือเพราะอะไรกันแน่
ที่ทำให้ขาทั้งสองข้างก้าวขึ้นไปบนอาคารหินอ่อนแห่งนั้น
เมื่อเอื้อมมือผลักประตูกระจกเข้าไป ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศก็ปะทะร่างกาย

ภายในสถานที่นั้นดูโอ่โถงและสวยงามราวกับห้องรับรองชั้นดีมีโต๊ะไม้สีเข้มตัวยาว
ซึ่งกองแฟ้มเอกสารเรียงรายอยู่บนนั้น ชายหนุ่มคนที่นั่งประจำโต๊ะเอ่ยทักทายฉัน
ท่าทางเขาอบอุ่นและเป็นมิตร

'สวัสดีครับ' ... 'ค่ะ' ฉันตอบรับคำเขาเบาๆ
'ผมคิดว่าคุณคงจะไม่ได้มาซื้อเวลา ท่าทางคุณยังเป็นเด็กอยู่เลย
อายุคงยังไม่เกิน 20 ปี'

'ฉันไม่ได้มาซื้อเวลาหรอกค่ะ' ฉันตอบไปทั้งๆ
ที่ยังไม่แน่ใจว่าสินค้าหรือบริการอะไรกันแน่ ที่เขากำลังขายอยู่
'เพียงแต่ว่าฉันอยากมาดูผู้คนแล้วก็การซื้อขายของคุณเท่านั้น'

'ตามสบายเลยครับ' เขายิ้มอย่างมีไมตรี
'เชิญ?นั่ง' เขาผายมือไปทางโซฟาชุดที่ตั้งอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง
ฉันจึงถอยไปทรุดตัวลงนั่ง

ลูกค้าคนแรกที่ฉันพบในอาคารขายเวลาคือชายร่างเล็กผอมเกร็งผมขาวโพลน
ใบหน้าซีดเหลือง เขาพยุงตัวให้ก้าวผ่านบันไดทีละขั้นๆ อย่างลำบากยากเย็น
จนกระทั่งผลักประตูมาหยุดยืนตรงหน้าชายขายเวลา
'ผมมาขอซื้อเวลาที่ผ่านไป...ห้าปี' น้ำเสียงเขาแหบแห้ง และสั่นพร่าอย่างคนที่กำลังป่วยหนัก
'หมอบอกว่าผมมาหาหมอช้าไปห้าปี ไม่อย่างนั้นแล้วโรคก็คงมีวิธีรักษาให้หายได้'

คนต่อมาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี แต่งตัวสะอาดสะอ้านเพียงแต่ว่าดูหม่นหมองและหมดหวัง....
'ขอซื้อเวลา สามเดือน' เขาพูดกับชายขายเวลา
'คุณรู้ไหม ผู้หญิงที่ผมรัก เธอไปเมืองนอก เมื่อสามเดือนก่อน
เราคบกันมาเป็นปีแต่ผมก็ยังไม่เคยบอกรักเธอทั้งๆ ที่รักเธอมาก เธอไปโดยไม่รู้อะไรเลย'
ชายขายเวลามีทีท่าว่าเห็นใจ


ฉันคิดว่าเขาเป็นนักขายเวลาที่มีความอดทนมากทีเดียวที่จะต้องพบลูกค้าที่
ล้วนแล้วแต่มีปัญหาต่างๆ กันไป พร้อมๆ กับนึกเสียดายแทนผู้ชายคนนี้ที่เขาผ่านเวลาร่วมปี
ไปโดยเปล่าประโยชน์ แล้วเพิ่งจะมาเห็นคุณค่าของเวลาเหล่านั้น.... เมื่อมันได้ผ่านไปแล้ว

ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มคนนั้นจะก้าวพ้นประตูออกไป หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินสวนเข้ามา
หล่อนสวมชุดไว้ทุกข์สีดำ ใบหน้ายังเปื้อนคราบน้ำตา ดวงตายังมีรอยบอบช้ำ

'อยากได้เวลาค่ะ สักสองปี ปีเดียวหรือเพียงครึ่งปีก็ได้' หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศก
'ผมคิดว่าคุณคงมีปัญ?หาเกี่ยวกับเวลาในอดีตเหมือนคนอื่นๆ' ชายขาย
เวลากล่าวขึ้น
'ค่ะ' หล่อนรับคำเสียงแผ่ว ...
'คุณแม่ของดิฉันเพิ่งเสียเมื่อสองวันก่อน ท่านดีกับฉันมาก
เลี้ยงดูอย่างเอาอกเอาใจแต่ดิฉันยังไม่ทันทำอะไรให้แม่ชื่นใจเลย
มีแต่ตั้งแง่ตั้งงอน ท่านก็มาด่วนจากไป'
'คุณเลยอยากซื้อเวลาที่ผ่านไปเพื่อทำดีกับคุณแม่ของคุณ'

ฉันนึกเวทนาหล่อน เวทนาที่หล่อนมาคิดอะไรอะไรได้ก็เมื่อสายไป ถ้าหากหล่อนได้ทำ
อะไรไปตั้งนานแล้ว ก็คงไม่ต้องมานึกเสียดายตอนนี้ วูบหนึ่งจึงนึกย้อนกลับมาที่ตัวเอง

คนต่อมาเป็นเด็กหนุ่ม ใบหน้าของเขายังอ่อนเยาว์ แต่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวล

'ต้องการเวลาเท่าไหร่ดีครับ' ชายขายเวลาถามขึ้นก่อน'สองปี' เขายิ้มอย่างอ่อนเพลีย
'ผมอยากกลับไปเลือกแผนการเรียนใหม่ผมพลาดไปในตอนนั้น
บางทีผมอาจเริ่มต้นใหม่ด้วยดี จะได้เรียนวิชาที่ชอบแทนวิชาที่น่าเบื่อตอนนี้'
แล้วเขาก็จากไป เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว

ฉันเห็นชายขายเวลาหลับตาลงในขณะที่กำลังเว้นว่างจากลูกค้า แต่เมื่อฉันขยับตัว
เขาก็ลืมตาขึ้นแล้วหันมายิ้มให้ฉัน ดวงตาเขาอบอุ่น

...เป็นเวลานานเท่าไรก็ไม่ทราบที่ฉันนั่งมองผู้คนเดินผ่านไปมาล้วนแล้วแต่มีท่าที
วิตกกังวล ผิดหวัง เสียดาย เสียใจ แล้วก็มาซื้อเวลาไปเพราะว่าพวกเขา
ได้พลาดสิ่งที่น่าจะทำในอดีตแล้วชายขายเวลาก็ปิดแฟ้มพร้อมกับเงยหน้าขึ้น
มาทางฉัน สักครู่จึงเดินมาทรุดตัวนั่งเก้าอี้โซฟาข้างๆ

'จะปิดร้านแล้วหรือคะ' ฉันถาม
'ครับ... ได้เวลาแล้ว'

'ขอบคุณมากนะคะสำหรับวันนี้ ฉันเห็นจะต้องกลับเสียที'
ฉันพูดกับเขาทั้งๆ ที่ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าฉันจะกลับไปอย่างไร....
'เชิญ?ครับ ขอให้คุณจงใช้เวลาทุกวินาทีให้ผ่านไปอย่างมีคุณค่าและคุ้มค่าที่สุดนะครับ
ผมหวังว่า คงจะไม่เห็นคุณมาที่นี่เพื่อซื้อเวลานะครับ' เขากล่าวในที่สุด
'ขอบคุณมากค่ะ ฉันจะไม่ลืมคุณ และที่นี่' ฉันลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นไฟก็ดับวูบ

ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่เกิดอะไรขึ้น
และฉันเอื้อมมือไปรูดผ้าม่านหน้าต่างสีครีม ผ้าม่านถูกเปิดออก
ท้องฟ้ายังไม่สว่างดีและไก่ก็ยังไม่ขัน

ฉันรีบเก็บที่นอนและกระโดดเข้าห้องน้ำอย่างสดชื่น
จากนั้นก็กลับมานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือตัวเดิมซึ่งฉันไม่เคยนั่งมันอย่าง
จริงจังมานานแล้ว ....ฉันรู้สึกดีใจที่ฉันยังมีเวลาเหลืออยู่ ... ยังไม่สายเกิน
ไปที่จะเริ่มลงมือทำในสิ่งที่ดีที่ฉันได้หวัง ได้ตั้งใจไว้
ซึ่งไม่เหมือนกับผู้คนเหล่านั้น...ที่ฉันพบที่อาคารขายเวลา...

เวลาไม่เคยรอใคร อย่าปล่อยเวลาไปโดยเปล่าๆ เพราะมันไม่มีวันย้อนกลับมาได้
ฉะนั้นจงใช้เวลาของคุณอย่างระมัดระวัง ใช้อย่างรู้คุณค่า และใช้ให้คุ้มค่าที่สุด
ท่านจงเตือนสติกันและกันทุกวัน ตลอดเวลาที่เรียกว่า 'วันนี้'

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น