++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

ความลับคับอก (๑) - เรื่องหรรษาในแวดวงที.วี



ถาวร ช่วยประสิทธิ์


            ทีวีนี้ออกจะเป็นของลึกลับสักหน่อย เวลาคลื่นมันล่องลอยไปตามอากาศ ไปเข้าสายอากาศของเครื่องรับบ้านไหน เจ้าของเครื่องรับเขาเปิดเครื่องรับแล้วปรับดูช่องไหนกันบ้างนั้น ออกจะเป็นความลับดำมืดเสียจริงๆ คนที่จัดรายการทีวีและคนที่ส่งทีวีเขาอยากจะรู้เหลือเกินว่า มีกี่บ้านที่ดูรายการของเขา รู้แค่นั้นก็ยังไม่พอ อยากรู้จนกระทั่งว่าเครื่องรับนั้นมีคนถ่างตาดูอยู่กี่คน  ไม่นับคนที่เปิดเครื่องแล้วกรนครอกๆ ปล่อยให้เครื่องมันดูคนนอนหลับแทน และในจำนวนคนที่ถ่างตาดูนั้นเป็นผู้ใหญ่กี่คน เด็กกี่คน ผู้ใหญ่เท่านั้นเท่านี้คนน่ะ เป็นผู้ชายเสียเท่าไหร่ ผู้หญิงเท่าไหร่ แค่นี้ก็ยังไม่พออีก อยากจะรู้จนกระทั่งฐานะของบ้านนั้นเป็นยังไง ร่ำรวยหรือกระจอกเพียงไร โอ๊ย ซอกแซกเหลือเกินละ

            อยากจะรู้ใช่ไหมล่ะครับว่า เขาต้องการอะไร เขาต้องการรู้ว่ารายการแต่ละรายการมีคนดูจำนวนมากน้อยซักเท่าไหร่จะได้อ้างกับสปอนเซอร์ เพื่อเรียกร้องเงินค่าโฆษณาสินค้าตามจำนวนคนดู ส่วนที่ต้องการรู้ซึ้งไปจนถึงจำนวนเด็กและผู้ใหญ่ ผู้หญิงหรือผู้ชายนั้น ก็เพื่อจะได้เลือกสินค้าที่โฆษณาถูกต้องว่าควรโฆษณาอะไร เรื่องนี้สปอนเซอร์เองหรือบริษัทรับจ้างโฆษณาเขาก็ต้องการรู้เหมือนกัน เช่น รายการที่มีเด็กดูมากๆ เขาจะได้โฆษณาสินค้าจำพวกขนมกรอบจนแผ่นดินไหว โฆษณาชนิดนี้พ่อแม่เห็นออกทีวีทีไรอยากจะปิดทุกที เพราะลูกมันจำเอาไปรบเร้าให้ซื้อให้กิน  ส่วนสินค้าชนิดเบาบางและซึมซับได้ดีนั้น ต้องโฆษณาในรายการที่มีผู้หญิงดูเยอะๆ เพราะผู้ชายคงไม่ต้องการซื้อเอาไปปิดจมูกเพื่อกันฝุ่น สำหรับผู้ชายนั้นต้องโฆษณาสินค้าประเภทเอาหน่อยน่าเจ้านาย นอกจากนั้นเป็นสินค้าที่ต้องใช้หรือเคี่ยวเข็นให้ใช้ทุกรูปทุกนาม เช่น สบู่ ยาสีฟัน หรือน้ำอัดลม

            ที่ต้องรู้ว่าคนดูรายการทีวีรายการไหนมีฐานะทางการเงินสูงหรือต่ำนั้น ก็เพราะสินค้าบางอย่าง เหมาะสำหรับคนร่ำรวยโดยเฉพาะ  เช่น โฆษณารถยนต์คันละล้านสองล้านเป็นต้น คนหาเช้ากินค่ำหรือหาเอาตอนค่ำเอาไว้กินตอนเช้านั้น ดูไปก็เหมือนนกกระจอกเห็นเครื่องบิน คนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจอย่างนี้ต้องโฆษณาให้กินเครื่องดื่มบำรุงกำลังเพื่อที่จะได้ยากจนลงไปอีก เพราะราคาของมันขวดหนึ่งเท่ากับอาหารมื้อหนึ่งทีเดียว

            ที่เขาซอกแซกอยากจะรู้โน่นรู้นี่ เขาอยากรู้เฉพาะคนเมืองหลวงเท่านั้น เขาไม่เที่ยวไปสืบคนต่างจังหวัดให้เสียเวลา เหตุผลของเขามีอยู่ว่า คนบ้านนอกไม่มี "กำลังซื้อ" กำลังซื้อนี่ หมายถึงกำลังเงินและกำลังใจในการซื้อ คนบ้านนอกหลายคน มีเงินซื้อแต่ไม่มีกำลังใจในการซื้อ คือ มักเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ยอมซื้อของฟุ่มเฟือย ซื้อกระดาษชำระมาม้วนหนึ่งก็เอาใช้เช็ดปากและเช็ดหน้า แต่ไม่ใช่ชำระตามหน้าที่ของมัน เพราะมันดูฟุ่มเฟือยเหลือกำลัง  เพราะฉะนั้นสถานีทีวีที่ควักกระเป๋าเอาเงินพันล้านบาทไปลงทุนทำทีวีโยงใยทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มจำนวนคนดูให้มากขึ้นเกือบสิบเท่า แล้วจะไปเรียกร้องค่าโฆษณาให้สูงขึ้นตามจำนวนคนดูนั้นต้องผิดหวังอย่างแน่ๆ เพราะสปอนเซอร์เขาไม่ขึ้นราคาให้ตามนั้นหรอก เพียงแต่เขาไม่ถอนออกไปเข้าช่องอื่นก็บุญหนักหนาแล้ว

            ปัญหาของเรื่องนี้มีอยู่ว่าจะทำอย่างไรจึงจะรู้ข้อมูลต่างๆที่ต้องการตามที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด วิธีการที่จะหาข้อมูลนั้นมีมากมายหลายวิธีก็จริง แต่มันมักไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนัก

            วิธีแรกที่ให้ผลแน่นอนว่าบ้านไหนเปิดดูทีวีรายการไหนช่องไหน ในเวลาเท่าใดนั้น คือ การส่งคนออกไปด้อมๆตามบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ถนนหรือตรอกซอกซอย ถึงมองไม่เห็นจอเครื่องรับ ก็อาจฟังเสียงลอดออกมาได้ว่า เป็นเสียงรายการอะไร เช่น ได้ยินเสียงปี่กลองก็พอรู้ว่ากำลังดูมวยอยู่  หรือถ้าได้ยินคนกำลังเถียงอะไรกันอยู่ ก็รู้ว่ากำลังดูละคร แต่ละครนั้นมักแสดงซ้อนกันหลายสถานีพร้อมๆกัน  ต้องเงี่ยหูฟังแล้วตีความให้ดีว่า เป็นเสียงของนักแสดงคนไหน นักแสดงคนนั้นกำลังแสดงละคร ของช่องไหนอยู่  ถ้านักแสดงคนนั้นดันไปรับงานเล่นละครหลายเรื่องพร้อมๆกัน (เพราะไม่ได้แสดงสดและอัดเทปไว้นานแล้ว) และเรื่องที่แสดงออกมาประชันกันถึง ๒-๓ ช่อง ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ต้องตีความกันอุตลุตไปหมดว่า เสียงที่ได้ยินนี้เป็นเสียงของช่องไหนกันแน่ ถ้าไม่แน่ใจก็มั่วออกไปช่องหนึ่งก็แล้วกัน เพราะคนที่เขาจ้างมาเป็นนักสืบคงไม่รู้หรอกว่าจริงหรือเปล่า อีกอย่างหนึ่งค่าจ้างค่าออนก็ไม่มากอะไรนัก เขากำหนดให้แอบดู ๕๐ บ้าน แต่ดูได้แค่ ๑๐ บ้าน ก็ยกเมฆให้ครบก็สิ้นเรื่อง

            วิธีการอย่างนี้ มันไม่ได้ผลตรงที่ไม่สามารถอบฟังบ้านใหญ่ๆที่มีรั้วรอบขอบชิดและอยู่ห่างถนนได้ ขืนปีนรั้วเข้าไปฟังให้ได้ยินจริงๆ ถ้าไม่มีอัลเซเชี่ยนตัวโตๆ มางับคอหอย ก็อาจมีลูกปืนออกมาถามว่า ใครกันวะ

            อีกอย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยได้ผล เพราะไม่สามารถจ้างคนได้มากพอที่จะสำรวจได้ทุกซอกทุกมุมและทุกตำบล ได้ผลแค่ไหนก็เอามาป้อนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้มันยกเมฆออกมาว่าในกรุงเทพมหานครอันกว้างใหญ่ไพศาลของเรานี้ มีกี่บ้านที่เปิดเครื่องรับทีวี เพราะเครื่องไม่เสียหรือยังไม่ทันยกเอาไปจำนำในจำนวนที่เปิดนี้ ในเวลานั้นกำลังดูรายการอะไรของช่องไหนอยู่ และในจำนวนคนดูนั้นเป็นผู้ใหญ่กี่คน เด็กกี่คน ผู้หญิงกี่คน ผู้ชายกี่คน แต่ละคนมีฐานะทางเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง

        (อ่านต่อตอนที่ ๒)

ที่มา  ต่วยตูน เดือนมีนาคม ๒๕๓๑ ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๗  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น