++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

หมี (๑)

ปรีดี อู่ทรัพย์

ตะวันสีซีดๆคล้อยต่ำลงพาดยอดตาลชายทุ่ง ท้องฟ้าใสโปร่งสูง ทุ่งนาเป็นสีน้ำตาลของฟางและหญ้าแห้ง ทิ้งร่องรอยของการเก็บเกี่ยวไปอย่างหมาดๆ กลิ่นฝุ่นทางเกวียนลากข้าวฟุ้งเข้ามาถึงที่ที่เรานั่งสัมมนาเมรัยกันอยู่ จุดดำลิบๆห่างออกไป คือ กลุ่มคนหมู่หนึ่ง ซึ่งกำลังวิดปลาในแอ่งน้ำตื้นๆปลายฤดูหนาวข้างทาง โดยมีความหวังว่า ปลาและปูตัวเล็กๆที่กำลังค้นหากันอยู่ในโคลนในตมนั้น คงจะนำไปผสมผักบุ้งเป็นแกงส้มได้ในวันรุ่งขึ้น

ผมมองไปรอบๆตัว บ้านนาของกำนันพร้อม ถึงแม้จะเป็นบ้านมุงหญ้าคาแต่แกก็สร้างครัวแยกไว้ต่างหาก พื้นครัวสูงกว่าบ้านตามธรรมเนียมของชาวบ้านนอก จะยกครัวให้มีศักดิ์ศรีเหนือที่นอน คือ บ้านใหญ่ เพราะครัวเป็นที่ทำกับข้าวปลาอาหาร อันเป็นของมีค่าที่สุดในชีวิต ถ้าในครัวมีข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ก็หมายถึง ความสมบูรณ์ในชีวิตด้วย

ในครัวสะอาด ข้าวของเก็บเรียบร้อยไว้เป็นที่ พื้นถูเป็นมัน ถ้วยชามหม้อไหล้างขัดถูไว้เป็นเงา แม้แต่ขันน้ำที่ทำด้วยอะลูมิเนียมก็ยังขัดเสียเงาปลาบ บนเรือนนอนถึงกว้างใหญ่ก็จัดไว้เรียบร้อยมาก แสดงว่าแม่บ้านเป็นคนมีระเบียบเอาใจใส่รักสวยรักงาม

ครอบครัวของกำนันพร้อม ดูเหมือนจะเพียบพร้อมไปทุกอย่าง ที่อยู่ที่กิน อาหาร สิ่งแวดล้อม ภายในรั้วไม้ไผ่ที่ล้อมเป็นเขตคัน แบ่งเป็นสัดส่วน มียุ้งข้าว เล้าไก่ เล้าเป็ด สวนครัว แคแดงแคขาวออกดอกแข่งกันอยู่หลายต้น มะขามต้นแค่หลังคาอยู่ริมรั้ว ขี้เหล็ก มะกอก กระถิน ชะอม ผักตำลึงมีพร้อมหมด แทบจะไม่ต้องซื้ออะไรเลย มีข้าวไว้เหลือกิน มะพร้าวอยู่บนต้น น้ำตาลอยู่สวนอ้อย มีน้ำปลาในไห ปลาร้าทำเอง ไข่เป็ดไข่ไก่เยอะ ไม่รวมผักที่หาได้จากทุ่งนาลำห้วยและป่า ขนาดหน้าแล้งยังมีของกินมากมาย นี่ถ้าฝนลงทุ่งนาเขียวขจี น้ำมาปลากุ้งเต็มทุ่งเต็มธารละหารห้วย อยู่ไปร้อยปีก็ไม่มีวันอดตาย

บ้านนอกมีเสน่ห์อย่างนี้เอง เมื่อมีเวลาผมกับเพื่อนจึงอดมาหากำนันพร้อมไม่ได้ มาสัมผัสธรรมชาติ มาสัมผัสกับน้ำใจคนบ้านป่า มาสัมผัสกับสิ่งบริสุทธิ์ที่ไกลจากการเสกสรรปั้นแต่ง มาต่อสู้กับชีวิตที่ต้องพึ่งตัวเองเป็นส่วนใหญ่และเสี่ยงภัย ผมมาล่าสัตว์พร้อมพรานไผ่ พรานซึ่งเป็นพ่อครูในการเข้าป่าล่าสัตว์ของผม ในขณะที่ผมเป็นพรานที่ยังไม่เจนเชิงเมื่อสามสิบปีก่อนโน้น

เราเดินป่ามาด้วยกันหลายสิบปี ท่ามกลางความเงียบงันและรกชัฎของป่าดง ยามราตรีเงาสลัวรางของแมกไม้ที่โน่นที่นี่ เสียงนกเค้าแมวที่ครวญคราง--เครือต่ำมาจากยอดไม้สูง ความดุร้ายและความน่ารักของสัตว์ป่านานาชนิด ความอดอยากหิวโหย การหลงป่า การกินหน่อไม้ต้มต่างข้าว เราผ่านกันมาทั้งนั้นอย่างโชกโชน

ในการท่องป่า พรานไผ่ได้ให้คำแนะนำต่างๆแก่ผม เช่น การหลบหลีก--การต่อสู้-- การสังเกต--การยิงปืน--การขัดห้าง--การหาอาหารจากป่า- การดักสัตว์ -การแกะรอย -การพักแรม -การเตรียมอุปกรณ์เดินป่าและอื่นๆอีกมากมาย แกยังบอกผมว่า คำแนะนำสั่งสอนใดๆไม่ทำให้เราจำได้ขึ้นใจ เท่ากับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราในพงไพรนั้น ซึ่งก็จริงอย่างพรานไผ่พูดไว้ทุกประการ

วันนั้น เรานั่งละเลียดน้ำตาลเมากันอยู่ ๕ คน มีผม พรานไผ่ กำนันพร้อม และชาวบ้านผู้พิสมัยป่าอีก ๒ คน กลางวงมีพล่าปลาตะเพียน กับยำเครื่องในวัวเป็นกับแกล้ม กินกันไป คุยกันไป ผมบอกว่า ต้องการน้ำผึ้งแท้สัก ๒-๓ขวด จะเอาไปถวายเจ้าอาวาสที่วัดข้างบ้าน กำนันพร้อมรับปากว่าจะหาให้ได้ เพราะได้ข่าวว่า มีลูกบ้านไปตีผึ้งป่ามาได้เมื่อวันก่อนหลายขวด

ผึ้งแม้จะตัวไม่ใหญ่ แต่เราก็รู้กันดีว่ามันมี "เหล็กไน" เป็นอาวุธที่มีพิษสงร้ายแรง ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ถ้าโดนมันต่อยแล้ว เป็นครางอู้ไปทีเดียว และถ้ายิ่งเป็นผึ้งป่าตัวใหญ่ด้วยแล้ว ถ้าใครถูกมันรุมต่อยเกิน ๗ ตัว แล้วอาจจะถึงแก่ความตายได้

ผึ้งนั้นมีมากมายหลายชนิด ทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ขนาดเล็กนั้นมีอยู่ทั่วไป รังของมันขนาดจานธรรมดา ส่วน "ผึ้งป่า" ซึ่งเป็นผึ้งขนาดใหญ่ จะมีเฉพาะแต่ป่าสูงรกทึบ รังขนาดใหญ่กระด้งฝัดข้าวก็มี อาศัยเกาะตามต้นยางและต้นเสลี่ยงสูงใหญ่ บางต้นผึ้งเกาะอยู่หนาแน่นนับเป็นสิบๆรัง

เราคุยกันเรื่องผึ้ง เรื่องป่าเขาลำเนาไพร การล่าสัตว์ป่าในอดีตกันอยู่จนดึก จึงแยกย้ายกันเข้านอนเพื่อพักเอาแรงไว้เดินป่าในวันรุ่งขึ้น

การเดินป่าต้องเชื่อฟังหัวหน้าพราน กระสุนทุกนัดที่จะปล่อยออกจากรังเพลิง ถ้าไม่ใช่เป็นการป้องกันตัวเมื่อถูกจู่โจมจากสัตว์แล้ว พวกลูกหาบจะยิงไม่ได้ การหาอาหารเป็นหน้าที่ของพรานป่า ผู้รู้ว่าสัตว์ตัวผู้หรือตัวเมียกำลังอุ้มท้อง สัตว์ตัวใดควรยิงไม่ควรยิง การเดินป่าต้องฟังสัญญาณปืนเป็น เสียงปืนหนึ่งนัดให้เดินต่อไป เสียงปืนสองนัดให้กลับที่พัก เมื่อได้ยินเสียงปืนติดๆกันเกินกว่า ๓ นัด ต้องรู้กันว่าถูกจู่โจมจากสัตว์ร้าย เช่น โขลงช้าง เสือลำบาก หรือฝูงต่อป่า ผึ้งป่าแตกรัง บางคณะก็ใช้ฟังเสียงสัญญาณจากการเป่าหลอดไม้ไผ่

น้ำห้ามดื่มขณะกำลังเดินทาง ห้ามพักใต้ต้นไม้ผุหรือชะง่อนผาหิน ผลไม้ในป่านกกินได้ คนกินได้ เห็ดในป่าที่มีเต่าและแมลงกิน เก็บมาปรุงอาหารได้ แต่ทางที่ดีแล้วต้องถามหัวหน้าพรานผู้มีประสบการณ์เสียก่อน จึงจะปลอดภัย

บนพื้นดินแห้งผากเป็นลานกว้าง ไม่มีหญ้าสีเขียว มีใบไม้แห้งตกลงมาเกลื่อนกลาด จงระวังอย่าได้เดินเข้าไป ภายในพริบตาจะเหลือแต่กระดูก มันคือ ต่อหลุม....



(อ่านต่อตอนที่ ๒)

ที่มา ต่วยตูน เดือนพฤษภาคม ๒๕๓๐ ปีที่ ๑๖ ฉบับที่ ๙

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น