++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2553

ผิดไหม ที่เราจะ "ไม่รัก" พ่อ และแม่

เราเป็นคนหนึ่งที่พยายามศึกษาศาสนา แต่ก็ยอมรับว่า เข้าใจไม่มาก
แต่ก็ตั้งใจอย่างที่สุด ที่จะถือศีล 5 และพยายามเป็นคนดีที่สุด
ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น

อย่างไรก็ตาม พระทุกท่านที่พบ มักจะบอกว่า ให้รักพ่อแม่มากๆ
เขาเป็นผู้ให้กำเนิด แต่ลองมาฟังเรื่องของเราดูกันไหม

แม่เป็นภรรยาคนที่ 2 (หรือเท่าไหร่ไม่รู้) ของพ่อ เราไม่โทษแม่ในข้อนี้
เพราะตอนที่แม่เป็นภรรยาน้อยของพ่อนั้น แม่เพิ่งจะอายุ 14 เป็นสาวบ้านนอก
ในขณะที่พ่อเป็นเสี่ยจากกรุงเทพ เราคิดว่า วัยวุฒิ และ

ความคิดของแม่ในขณะนั้น คงไม่เพียงพอกับการตัดสินใจให้ถูกต้อง
และผลของมันก็คือ เราเกิดมาเมื่อแม่อายุ 15

หลังเราเกิดได้ไม่นาน พ่อทิ้งแม่กลับไปหาครอบครัวเดิมของพ่อ
ซึ่งเราก็ไม่โทษพ่ออีก คิดว่า ดีแล้ว ที่พ่อเลือกในทางที่ถูกต้อง
แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ พ่อไม่ส่งเสียเลี้ยงดูเราเลย

ตอบเราอายุ 2 ขวบ แม่ก็เข้ากรุงเทพบ้าง
และได้แต่งงานใหม่กับเศรษฐีคนหนึ่ง
เราถูกปล่อยไว้ต่างจังหวัดกับญาติฝ่ายแม่ มีกินบ้าง ไม่มีกินบ้าง
โชคดีที่เรียนเก่ง ได้ทุนการศึกษาบ้าง

มีบางเวลา ที่เราเข้ามาเจอแม่ที่กรุงเทพ แม่จะแนะนำใครต่อใครว่า
เราเป็นญาติห่างๆ เพราะแม่กลัวคนจะรู้ว่า แม่มีลูกมาก่อนแล้ว และแน่นอน
เราเรียกแม่ว่า "คุณ" พวกเพื่อนๆ แม่ก็คงคิดว่า เราเป็นประมาณญาติ กึ่ง

คนใช้ ในขณะที่แม่มีลูกใหม่อีกจำนวนหนึ่ง

ตอนเรายังเด็ก ครูเคยให้กรอกประวัติ ในประวัติถามว่า
เราเป็นลูกคนที่เท่าไหร่ เราจำได้ว่า เราตอบไม่ได้ เพราะในตอนเด็กนั้น
เราก็งง เพราะเราเป็นลูกคนที่ 7 หรือ 8 ของพ่อ แต่เป็นลูกคนแรกของแม่
แล้วคำถามที่

ว่า เราเป็นลูกคนที่เท่าไหร่ เราจะตอบยังไง ปรากฎว่า ถูกครูตี ประมาณว่า
กวนโอ๊ย...แต่ในความรู้สึกตอนนั้นก็คือ สับสนจริงๆ เพราะมันตอบไม่ได้

เราโตขึ้น สอบเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพได้ แต่ไม่มีเงินจะเรียน
โชคดีมีญาติที่เขาชอบเด็กเรียนเก่ง เขาเลยตัดสินใจส่งเสียเรา
หลังจากที่เขาอุตส่าห์บากหน้าไปหาพ่อเราให้แล้ว แต่พ่อบอกว่า ไม่อยากช่วย
และเหตุผล

ของพ่อคือ ไม่มั่นใจว่า เราเป็นลูกพ่อจริงหรือไม่
เพราะแม่สำส่อนเหลือเกิน (แต่เราและคนรอบข้างทุกคนยืนยันได้ว่า
เราหน้าเหมือนพ่อ แบบโคตรเหมือนเลย เรียกว่า ถ้ามายืนด้วยกัน
ร้อยทั้งร้อยก็ต้องบอกว่าเป็นพ่อ

ลูกกันแน่ๆ)

นับแต่นั้น เราก็คิดว่า ระหว่างเรากับพ่อ
ไม่มีอะไรต้องมีความสัมพันธ์กันอีกต่อไปแล้ว
เพราะเราอยากเรียนมหาวิทยาลัยมาก แต่พ่อไม่ยอมแม้แต่จะจ่ายค่าเทอมให้
แสดงว่า พ่อไม่ได้คิด หรือห่วงเรื่องอนาคตของเราเลย

ส่วนแม่ ที่ปกติก็ไม่ได้ส่งเสียเราเหมือนกัน ทั้งๆ ที่สามีใหม่เป็นเศรษฐี
และลูกๆ ใหม่ของแม่ก็ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี
ก็ยังคงไม่คิดจะส่งเสียเราเหมือนกัน

เราได้เงินจำนวนเล็กน้อยมากจากญาติผู้ใจบุญ กัดฟัน จนเรียนจบปริญญา
ซึ่งโชคดีที่เราได้อยู่หอมหาวิทยาลัยที่ราคาถูก
และชีวิตในมหาวิทยาลัยก็ไม่มีอะไรให้ต้องใช้เงินมาก และเราก็ยังเรียนเก่ง
จนได้ทุนอีก และระหว่าง

นั้นเอง สามีใหม่เศรษฐีของแม่เกิดล้มละลาย และเลิกลากันไป

เราได้เข้าทำงานหลังเรียนจบ ทันทีที่เงินเดือนเดือนแรกออก แม่ส่งคนมาขอ
บอกให้ส่งน้องๆ เรียน เราพูดไม่ออก ไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าเดินทาง
ค่ากินอยู่ กับเงินเดือนคนจบใหม่ แต่เราก็ต้องยอมให้เงินไป เพราะแม่

บอกว่า น้องๆ ไม่มีเงินไปโรงเรียน

สุดท้าย เราต้องส่งเสียน้องๆ จนจบปริญญาทุกคน
และในช่วงที่เรายังทำงานใหม่ๆ นอกจากส่งเสียน้องแล้ว บางที แม่ก็มาขอเงิน
แบบไม่รู้เหตุผล หรือบอกเหตุผลที่ตอนหลังเราจับได้ว่าโกหก
แต่เราก็ให้ทุกครั้งไป

ตอนนี้ เราได้ทำงานดี มีเงินเก็บพอประมาณ มีรถ มีบ้าน รับน้องๆ
ทุกคนมาอยู่ด้วย และชวนแม่มาอยู่ด้วย แต่แม่ก็ไปๆ มาๆ
เราไม่รู้เหตุผลที่ชัดเจน แต่น้องๆ บอกว่า
แม่มีแฟนใหม่ที่ไม่อยากให้เรารู้ เราก็ทำเฉยๆ

คำถามก็คือ เราต้องรักพ่อแม่หรือไม่ ในฐานะที่เขาเป็นผู้ให้กำเนิด
แต่ไม่เคยให้อะไรเรานอกจากนั้น แถมยังสร้างปัญหาให้เราอีก

พ่อทิ้งเราไป เพราะทะเลาะกับแม่ แม้เราจะบากหน้าไปขอค่าเรียน พ่อก็ปฏิเสธ
ทั้งๆ ที่พ่อถือได้ว่าเป็นเศรษฐีคนหนึ่งเหมือนกัน
พ่อไม่เซ็นรับรองเราเป็นลูก
ทำให้ในช่องชื่อบิดาของเราในใบเกิดและทะเบียนบ้าน เป็นช่อง

ว่างเปล่า (ซึ่งทำให้เราเกิดปัญหาอยู่บ่อยๆ กับคนที่ไม่เข้าใจ)

แม่ได้สามีใหม่ ไปใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ทิ้งเราไว้
และปฏิเสธทื่จะยอมรับกับใครๆ ว่าเราเป็นลูก
ปล่อยให้เราโตมาแบบไม่ค่อยจะมีกิน แต่เมื่อแม่ลำบาก ก็รีบมาขอเงินเรา
เราจำได้ว่า ตอนที่ทำงานปีแรก เราก็ยังไม่มีกินเหมือน

เดิม เพราะเงินเดือนน้อย และค่าใช้จ่ายสารพัด ไหนจะส่งน้อง
ไหนจะค่าเช่าบ้าน เราหาทางออกด้วยการงดอาหารบางมื้อ ยอมไม่กินข้าว
เพราะคิดว่า เราเคยเจอปัญหาที่อยากเรียน แต่ไม่ได้เรียนมาแล้ว
ก็อยากให้น้องได้

เรียน แม้ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นน้องที่ยอมรับความเป็นพี่ของเราหรือไม่ก็ตาม

ญาติผู้ใจบุญที่เคยส่งเสียเราสอนว่า เมื่อเราได้ "รับ" จากคนที่คาดไม่ถึง
ก็อยากให้เรา "ให้" ต่อกับผู้อื่น เราเชื่อเขา เชื่อคนที่ไม่ใช่พ่อแม่
เพราะเชื่อว่า เขาคือคนดีจริง คนที่ยอมจ่ายทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของตัว
ดังนั้น

เราจึงยอมส่งเสียน้องให้ได้เรียน แม้เราจะไม่ได้กินข้าว

กลับมาที่ปัจจุบัน เราสบายแล้ว เนื่องจากหน้าที่การงานดีขึ้น มีเงิน
มีใช้ แต่เรายังสับสนกับพ่อและแม่

พ่อที่ปฏิเสธเราเสมอมา จำเป็นด้วยหรือที่เราจะต้องสนใจ หรือกตัญญูต่อเขา
แม่ที่ปฏิเสธว่าเราไม่ใช่ลูก แต่เมื่อตัวเองลำบาก ก็รีบแบมือขอเงินจากเรา
แม่ที่มีผู้ชายเข้ามาในชีวิตไม่หยุดหย่อน แม่ที่สร้างปัญหาให้เราไม่หยุด
บางครั้ง เราเคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของแม่แบบไม่ตั้งใจ เช่น
แม่ไปได้

แฟนเป็นเด็กหนุ่ม ที่มักทะเลาะกันเรื่องหึงหวง เราก็ต้องห้ามทัพ
บางทีเสาร์อาทิตย์ เราออกจากหอมหาวิทยาลัยมาเยี่ยมแม่
ก็พบแฟนใหม่แม่ที่สั่งให้เราซักกางเกงในให้เขาที่เราแทบไม่รู้จัก

อย่างไรก็ตาม เราพยายามเลี้ยงดูแม่ตามความเหมาะสม ทุกวันนี้
เราให้เงินแม่เดือนละ 8,000 บาท แต่แม่บอกว่า ไม่พอใช้
แม่มาขอไปทำงานกลางคืนเราบอกว่า อย่าไปเลย มันไม่ใช่ย่านที่ดี
และแม่ก็ไม่ใช่สาวๆ

เหมือนก่อน แต่แม่บอกว่า แม่ต้องไป เพราะเงินไม่พอใช้ เราก็พูดไม่ออก
เพราะเราคิดว่า ตัวคนเดียวกับเงิน 8,000 บาท มันน่าจะพอ
และแม่ไม่มีภาระอื่นๆ เนื่องจากเราจ่ายให้ทั้งหมด เราคิดว่า
การที่แม่มาบอกเรา

เรื่องจะไปทำงานกลางคืน ก็เพราะแม่อยากให้เราจ่ายให้เพิ่ม

ด้วยฐานะการเงินขณะนี้ เราให้แม่เพิ่มได้ แต่เราคิดว่า จำนวนที่ให้
มันเพียงพอแล้ว และเราจะต้องมีเงินเก็บเพื่ออนาคตของตัวเองเสียที
หากเราให้แม่ ให้น้องแบบไม่หยุดหย่อน
แล้วเมื่อไหร่เราจะมีเวลาสำหรับอนาคตของ

เราเอง ที่เมื่อแก่ลง คงไม่ใครเลี้ยง เพราะเราไม่มีครอบครัว

ถึงตอนนี้ เราเฝ้าคิดว่า เอาเถอะ ขอให้เจอะกันชาติเดียว
ขออย่าได้เป็นพ่อแม่กันอีกต่อไปเลย และอดคิดไม่ได้ว่า
หากแม่ตายไปก็คงจะดี เรารู้ว่า การคิดร้ายอย่างนี้มันบาป
แต่เราอดทนกับแม่มานานตลอดชีวิต และไม่รู้ว่า

เมื่อไหร่จะหมดความอดทน

ท่านที่ศึกษาศาสนา ก็พยายามบอกว่า การให้กำเนิด
เป็นสิ่งสูงสุดที่เขาทำให้เรา คำตอบนี้เป็นคำตอบสุดท้ายจริงหรือ
ผิดหรือที่เราจะไม่รักพ่อแม่ เราไม่ถึงกับเกลียดพวกเขา แต่คิดว่า
ไม่อยากให้มาข้องเกี่ยวกันเลย ใน

กรณีของพ่อ เขารวยอยู่แล้ว เขาก็ไม่เอาอะไรจากเรา ก็โอเค
ไม่ต้องติดต่อกันอีกตลอดชีวิต ส่วนแม่ เรายังต้องส่งเสียเลี้ยงดูกันต่อไป
แต่แม่ก็ไม่เคยพอ ทั้งเรื่องเงิน เรื่องแฟน ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า
อยากลาจากกันไป

เสียที จะได้ไม่ต้องมามีภาระต่อกัน แต่เราก็ทำอะไรมากไม่ได้
นอกจากพยายามส่งเสียให้เหมาะสมที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่คงไม่ให้มากไปกว่านี้

เรื่องยาวเหยียดของเราแบบนี้ เราอยากให้ความเห็นจากคนที่เป็นกลาง
คนที่ไม่รู้จักกันอย่างในเว็บบอร์ดนี้ เราถึงได้ถอดล็อคอินมา
เพราะไม่อยากได้ความเห็นจากคนที่รู้จักกันอยู่แล้ว

คุณๆ คิดอย่างไรกับเรื่องของเรา
จากคุณ : ขออภัยที่เรื่องยาว
เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 11:00:09 A:202.60.207.111 X: TicketID:232481


ความคิดเห็นที่ 1


ถ้าที่คุณพิมพ์มาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง

คุณเป็นคนที่ ดีเหลือเกิน

ขอให้คุณเก็บความดี สะสมความดี ทำความดีของคุณไปเรื่อย ๆ

ไปวัดบ้างเมื่อคุณไม่สบายใจ ที่สำคัญ ฟังธรรมะให้มาก ๆ

เพราะคุณทำความดี เป็นคนดี

ชีวิตของคุณถึงไม่ลำบาก

ขออวยพรให้คุณมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย

ช่วยเหลือคนรอบข้างได้ตามอัตภาพ

สำหรับแม่ 8000 ใช้คนเดียว เกินจะพอแล้วค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

อ้อ... รู้สึกดี มีความสุข ที่ได้อ่านเรื่องราวของคุณ

คุณเป็นคนดีค่ะ...

เพียงแต่หากได้ฟังธรรม จะได้วางอุเบกขาได้บ้าง

และให้อภัยเขาได้....คุณก็จะมีความสุขขึ้น มาก ๆ ด้วยค่ะ
จากคุณ : ป้อม-ยาม
เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 11:22:57

8 ความคิดเห็น:

  1. อ่านเรื่องของคุณแล้ว
    เราว่าที่คุณทำงานมีเงินไม่ลำบากทุกวันนี้ส่วนนึงเพราะคุณเป็นลูกที่ดี กตัญญูต่อผู้ให้กำเนิด ดีแล้วค่ะ

    พอนึกกลับมามองเรื่องของตัวเราเอง เล็กน้อยกว่าคุณมาก
    ส่วนแม่เราก็มักจะขอเงินจากเราโดยที่เราไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน
    พอถามก็บอกเอาไปทำธุระ
    ทั้งๆที่ดูแล้ว เขาน่าจะใช้พอแต่บอกว่าไม่พอ
    เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไงดีเหมือนกัน ทุกวันนี้ก็ให้เท่าทำได้ค่ะ

    ตอบลบ
  2. เพิ่งได้มาอ่านเจอค่ะ อ่านแล้วรู้สึกว่า คุณเป็นคนดีและทำหน้าที่ขอองลูกได้อย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง...ในส่วนของตัวเรา เราคิดว่าถ้ามองโลกกันตามความเป็นจริงแล้ว คำว่าพ่อแม่บางครั้งคนบางคนก็ไม่สมควรได้รับคำนี้ด้วยซ้ำนคะ เค้าเป็นผู้ให้เราเกิดมาแต่เกิดมาจากความรักหรือเปล่า ตามหลักศาสนา..โอเค รับได้ที่บอกว่าพ่อแม่มีบุญคุณใหญ่หลวงที่ให้เราเกิดมาไม่ทำลายชีวิตเราไปซะก่อน แต่น่าจะมีคำที่สอนพ่อแม่สักนิดว่าต้องรับผิดชอบชีวิตเด็กที่เค้าเกิดมาด้วย เพราะเด็กเกิดมาเด็กไม่รู้เรื่อง เด็กบริสุทธิ์ จริงๆคุณพระต้องมีคำสอนทั้งพ่อ แม่ ลูก เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่า ถ้าไม่เลี้ยงลูกจะเป็นบาปไรงี้ด้วยนะ เพราะสังคมเรามันเปลี่ยนไปเยอะมากกกก สุดท้ายกลายเป็นลูกที่มานั่งกลัวกันว่าเราจะบาปไหมถ้าเราทำไม่ดีกับพ่อแม่ที่เค้าก็ไม่ค่อยจะเคยทำดีกับเราเท่าไร...เราเป็น single mom ค่ะ เลี้ยงลูกน้อย 2 คน(มีคุณยายช่วย) พ่อเด็กไม่เคยส่งเสียเลยสักบาทเดียวก็ไม่เคย...ยังคิดอยู่เหมือนกันค่ะว่าถ้าแก่แล้วพ่อมันมาขอตังลูกเมื่อไร ดิฉันจะตบมันเลยค่ะ ทำแทนลูก ลูกจะได้ไม่บาป 555 แต่ไม่ให้ลูกด่าทอหรือว่าพ่อนะคะแต่ไม่ให้ให้เงิน และจะบอกลูกว่า ลูกของแม่ไม่บาปเค้าเป็นแค่คนให้ตัวอสุจิมา 1 ตัวตามหลักวิทยาศาสตร์ สอนขำๆไปเพราะไม่อยากให้ลูกเอามาคิดเหมือนดิฉันกับคุณน่ะค่ะ สงสัยเหมือนกันว่า ไม่เลี้ยงดูพ่อแม่เนี่ยบาปหมดเลยไม่มียกเว้นสำหรับพ่อแม่บางพวกเลยเหรอ แต่ไม่กล้าถามคุณพระค่ะ กลัวว่ามันจะรุนแรงไป 5555...สุดท้ายค่ะ เมื่อปัญหาแบบนี้เราหาคำตอบไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราใช้หลักอุเบกขาเข้ามาช่วยดีกว่าค่ะ วางเฉยค่ะ อย่าเอาใจเราเข้าไปคิดให้ปวดหัว ดิฉันเชื่อว่าคุณมีพื้นฐานทางจิตใจดีอยู่แล้ว ในใจคุณคิดดีอยู่แล้วเพราะฉะนั้นจงมั่นใจในสิ่งที่ทำลงไปค่ะ นอกเหนือจากนี้ขันติค่ะ อย่างกรณีที่คุณแม่ใช้เงิน 8000 ไม่พอ ถ้าไม่ให้จะไปทำงานกลางคืน...หากคุณใช้หลักธรรมสอนคุณแม่ไม่ได้ บางครั้งเราก็ไม่สามารถจะทำใหห้คนบางจำพวกโผล่พ้นตมขึ้นมาได้ ขนาดพระพุทธเจ้ายังแบ่งคนไว้ถึง 4 จำพวกเลยค่ะ เพราะฉะนั้นอุเบกขา ขันติ และแผ่เมตตาเลยค่ะ...จำไว้ค่ะ มารไม่มีบารมีไม่เกิด

    ตอบลบ
  3. เมื่อกี้พอดีไปอ่านเจอจึงได้ความเช่นนี้ค่ะ
    บทกวีหญิงรับจ้างแท้ใช่แม่คน

    หวังเพียงความย่ามเหลิงระเริงรี่
    จนเสือกมีทำไมมิได้ฝัน
    เมื่อค่ำดื่มปลื้มปลักนำรักกัน
    ใช่หวังปั้นเด็กผีให้มีมา

    ลูกนั้นหรือคือผลพลอยคนได้
    จากความใคร่คราวหรรษ์เปลื้องตัณหา
    เฝ้าทำลายหลายครั้งประดังมา
    มันทนทายาทเถนได้เดนตาย

    อันรสร่านซ่านดิ้นคือสินจ้าง
    ที่ตอบต่างเงินตราให้มารศรี
    ซื้อเด็กคน...ปรนสบายให้หลายที
    แล้วคุณมีต่อใครที่ไหนรา !

    ไอ้เรื่องกลุ้มอุ้มท้องที่เบ่งโย้
    ลามกก็โขนั้นก็จริงหรอกหญิงจ๋า
    แต่สินจ้างรายได้เราได้มา
    ต้องใจกล้าลงทุนสมดุลย์กัน

    พระคุณแม่แท้ใช่ที่ได้เบ่ง
    อยู่ที่เล็งรักถนอมเหมือนจอมขวัญ
    แม้รีดแกล้งแท้งทำระ...ยัญ
    เธอมีทัณฑ์ฐานฆ่า...อาชญากร

    ถ้าแม้นใคร่ใจที่จะมีลูก
    ฤทัยผูกรักล้ำทั้งพร่ำสอน
    อุตส่าห์เลี้ยงเอี้ยงกล่อมถนอมนอน
    ขอกราบกรนั่นแหละแม่ที่แท้จริง

    แต่เธอคลอดทอดทิ้งแล้ววิ่งหนี
    ไม่รู้ชี้เป็นตายหรือชายหญิง
    ไม่แลเหลียวเจียวหลังเพราะชังชิง
    เธอคือหญิงรับจ้างแท้...ใช่แม่คน

    จิตร ภูมิศักดิ์
    จากคุณ : อุบลแมน

    สิ่งที่คุณทำดี ก็เหมือนกับเป็นทานที่ทำกับคนทั่วไป มันอาจไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับสิ่งที่ได้ทำให้คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าแม่ที่แท้จริง...เหมือนทำบุญให้ยาจกกับสมณะโคดม อย่างหลังย่อมได้บุญมากกว่าน่ะค่ะ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ21 สิงหาคม 2555 เวลา 21:47

    คุณผ่านเรื่องราวแบบนี้มาได้ ด้วยความรู้สึกแบบไหน เราพอจะจินตนาการได้ เพราะความดีของคุณ คุณจึงสำเร็จในหน้าที่การงาน

    ตอบลบ
  5. บอกเลยนะ คุณเป็นคนดี สิ่งใดที่ดีทำต่อไป บางสิ่งบางอย่างที่ติดอยู่ในความรู้สึกมันคงไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ สำหรับเด็กคนนึงที่เติบโตมากับความรู้สึกพวกนี้ แต่ถึงแม้คุณจะรู้สึกแย่เพียงใด แต่การกระทำ และการปฏิบัติของคุณก็ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกกตัญญู จิตใจ อาจจะรักษาได้ด้วยธรรมะ เมื่อคุณมีโอกาสปฏิบัติธรรม เชื่อเรื่องผลกรรม บางทีคุณอาจจะเบาขึ้น และรู้สึกเข้าใจกับสิ่งที่ต้องเจอมากขึ้นค่ะ อย่างไรก็แล้วแต่ขอชื่นชมคุณค่ะ

    ตอบลบ
  6. คุณทำดีสุดแล้ว และผ่านช่วงที่ยากลำบากที่สุดมาแล้ว ขอชื่นชมครับ แต่เรื่องของความรู้สึกและปมชีวิตมันแก้ยาก ผมเข้าใจ เพราะชีวิตผมไม่ต่างจากคุณเท่าไร ตอนนี้ผมยังอยู่ในช่วงลำบากเรื่องปากเรื่องท้องอยู่เลย ตอนนี้ทั้งพ่อทั้งแม่อยู่กับผม แม่ก็ป่วยเป็นโรคไต ปอด เก็าท์ เบาหวาน ความดัน(ก่อนหน้านี้ทั้งพ่อและแม่ก็ไม่ได้สนใจผม ไม่เคยส่งเสียผมเหมือนกัน) พ่อก็อยู่ด้วยกันนะครับแต่ไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆเลย แม้กระทั่งค่ากับข้าว น้ำ ไฟ แต่กลับให้เมียน้อยแบบไม่อั้น(พ่อผมยังมีรายได้อยู่) ยังเคยพาเมียน้อยพร้อมลูกของเมียน้อยอีก 2 คนมาที่บ้านด้วย บ้านเมียน้อยมีอยู่ด้วยกัน 6 คนที่พ่อต้องดูแลแต่พ่อก็ดูแลไหว แต่บ้านที่พ่ออยู่นี่มีแค่แม่กับผมเท่านั้นแต่พ่อไม่ดูแลเลย แม้แต่ขอร้องให้ไปส่งแม่ไป รพ.แทนผม ก็คิดตังค์ ต้องจ้างแพงกว่าจ้างคนอื่นด้วย จะไล่ก็ไม่ได้ คำว่าพ่อค้ำคออยู่ ที่รับไม่ได้คือก็ยังพยายามทำร้ายแม่อยู่ ตอนนี้ผมต้องดูแลทั้งสองคนโดยที่ไม่ได้รักพวกเขาเลย จบแล้วดีกว่า(น้ำตาไหลละ) ที่เล่ามาเผื่อว่าจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกัน สู้ๆนะครับ ผมก็จะสู้เหมือนกัน

    ตอบลบ
  7. คุณช่างประเสิรฐเหลือเกินค่ะ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ20 เมษายน 2557 เวลา 15:07

    คิดเสียว่าเกิดมาชดใช้กรรมแต่ชาติปางก่อนมันจะทำให้คุณสบายใจขึ้นได้

    ตอบลบ