++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

ทุกวันนี้เวลากลางคืนผมมองท้องฟ้าทีไรน้ำตามันจะไหล

ผมเคยดีใจและชื่นชมพร้อมกับคนไทยทั้งประเทศเมื่อได้ดูการเสด็จของสมเด็จพระเทพถ่ายทอดสดทางทีวี
ที่พระองค์ เดินทางไปร่วมในพิธียิงจรวดปล่อยดาวเทียม นามพระราชทาน
ที่มีชื่อว่าไทยคม ที่มีบริษัท ชินแซทเทริน์ไลท์
ของทักษิณและครอบครัวที่ได้ขอสัมปทาน และได้รับอนุญาติ จากรัฐบาลของ
ประเทศไทยให้มีสิทธ์ในการทำธุรกิจ
สร้างและปล่อยดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรเหนือประเทศไทยเพื่อ
ให้ประเทศต่างๆเช่าคลื่นความถี่ใช้ในการสื่อสาร ณ. ประเทศเฟร้น กิอาน่า
อดีตอานานีคมของฝรั่งเศส
ที่ฝรั่งเศสใช้เป็นฐานยิงจรวดปล่อยดาวเทียมขึ้นสู่อาวกาศอยู่เป็นประจำ

มาในครั้งนี้ ก็ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทชินแซทเทริน์ไลท์ของทักษิณ
ให้ยิงจรวดปล่อยดาวเทียมไทยคมขึ้นสู่อาวกาศ
ในวันนั้นพอยิงขึ้นสู่เอาวกาศเสร็จ
ทักษิณก็ลุกขึ้นถือไมค์โครโฟนพูดกับคนไทยทั้งประเทศ
ว่าดาวเทียมดวงนี้เป็นของคนไทยทั้งประเทศ ขอให้ทุกคนจงภูมิใจ
ทุกคนที่ได้ชมการถ่ายทอดสดในวันนั้นรวมทั้งผมด้วย
ก็หลงดีใจว่าต่อไปนี้ประเทศเราไม่น้อยหน้าชาติอื่นแล้วเพราะเรามีดาวเทียมของเราเองแล้วไม่ต้องไปขอเช่าประเทศอื่นเขา
แต่ต่อมาอีกหลายปีสิ่งที่คนไทยทั้งประเทศแทบช็อคก็เกิดขึ้น
ช่วงก่อนปีใหม่ก็มีข่าวแพร่ออกมาทางสื่อสารมวลชนในประเทศไทยว่าบริษัท
ชินแซทเทรินไลท์ของทักษิณกำลังจะเสนอขายสัมปทานดาวเทียมพร้อม
คลื่นโทรศัพท์มือถือที่ได้รับอนุญาติจากรัฐบาลของประเทศไทยให้กับบริษัทเทมาเสกของสิงค์โปร
ในราคา76000ล้านบาท
แต่ติดข้อกฎหมายว่าให้ต่างชาติถือหุ้นในส้มปทานได้ไม่เกิน25%
เทมาเสกจึงไม่ตกลงที่จะซื้อเพราะว่าบริษัทเทมาเสกต้องการถือหุ้นใหญ่เกิน
50% ในบริษัทชินแซทเทรินไลท์ จึงจะยอมตกลงซื้อ
ทักษิณซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในขณะนั้ัน
จึงได้วางแผนใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี แก้ ออก กฎหมายใหม่ให้ต่างมี
ถือหุ้นในสัมปทานดาวเทียมสื่อสารในประเทศไทยได้49%
และเพื่อเลีย่งกฏหมายที่ไม่ให้ต่างชาติถือหุ้น100%จึงไปตั้งบริษัทกุหลาบแก้วโดยมีคนไทยเป็นนอมินีให้เทมาเสก
ถือหุ้นอีก51% ออกกฏหมายเสร็จเทมาเสกตกลงซื้อก็แอบนัดเซ็นสัญาขายกันในวันขึ้นปีใหม่
ทักษิณพร้อมลูกเมียก็เดินทางไปสิงค์โปรโดยตอบนักข่าวว่าจะไปเที่ยวที่ประเทศสิงค์โปร
ไม่ได้ไปเซ็นสัญญาขายดาวเทียมไทยคม แต่พอทักษิณไปอยู่ที่ประเทศสิงค์โปร
ก็มีสื่อต่างประเทศลงข่าวว่าทักษืณได้ตกลงเซ็นสัญญาขายสัมปทานคลื่นโทรศัพท์มือถือ
และดาวเทียมไทยคมโดยในสัญญาซื้อขายยังรวมเอาวงโคจรดาวเทียมไทยคม
ที่เป็นสมบัติของชาติไทยยกให้เป็นกรรมสิทธ์ของบริษัทเทมาเสกของประเทศสิงค์โปรแต่ผู้เดียว
จึงทำให้ทุกวันนี้ประเทศไทยไม่มีสิทธ์ที่จะอนุญาติให้ใครเช่าใช้
หรือยิงจรวดส่งดาวเทียมขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือประเทศตัวเองทุกกรณีตลอดไปต้องขออนุญาติเช่าจากประเทศสิงค์โปรเท่านั้นเพราะว่าทักษิณได้ขายให้เขาไปแล้ว
มันช่างน่าอับอายประเทศอื่นเขาไปทั้งโลก
ที่ที่รัฐบาลไทยโดยนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่เป็นคนไทยมาขายวงโคจรดาวเทียมที่เป็นสมบัติของชาติไทยให้ต่างชาติ
มันไม่มีประเทศไหนในโลกนี้เขาทำกัน ประเทศก้มพูชา ลาว พม่า
เขายังมีวงโคจรดาวเทียมไว้ปกป้องประเทศเขายามเกิดสงคราม
แต่ประเทศไทยไม่มี
วงโคจรดาวเทียมที่จะยิงจรวดส่งดาวเทียมเพื่อใช้เทคโนโลยี่ที่ทันสมัยเหมือนที่ประเทศอเมริกามีใช้
เพื่อใช้ทำสงครามปกป้องประเทศไทย ให้พ้นภัยเมื่อถูกรุกรานจากประเทศอื่น
ทุกวันนี้เวลากลางคืนผมมองท้องฟ้าทีไรน้ำตามันจะไหล
เมื่อนึกถึงดาวเทียมทีมีชื่อจากการได้รับพระราชทาน ชื่อไทยคม

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอให้เก็บน้ำตาไว้ดีกว่า แล้วมาตั้งสติ ว่าคนดี จะร่วมกันต่อสู้กับคนโกง คนพาลกันอย่างไร

    ในยุคของพระพุทธเรวัตตะพุทธเจ้า พระองค์โดนเบียดเบียนจากกลุ่มคนพาลอย่างหนักต่อหน้าพระพักตร์ระหว่างที่กำลังเทศน์เลยทีเดียว พระองค์จงทรงเชี่ยวชาญในการบริหารคนโกงอย่างยิ่ง เติมความรู้ได้ที่ ...http://www.ainews1.com/modules.php?name=Web_Board&file=view&No=239

    ตอบลบ