++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2553

ยารักษาโรคทางใจ (โกรธ, หงุดหงิด, มักมาก)

คำนำ


ใจที่ไม่มีโรค หมายถึงใจที่ปราศจากอารมณ์ที่เป็นเหตุให้ขุ่นมัว
คนที่รักษาสภาวะจิตใจของตน
จะรู้จักการใช้กำลังใจไปในทางที่ถูกรู้จักระงับใจให้อยู่ในระดับปกติ
ทำตนให้เป็นคนมีอารมณ์แจ่มใส ไม่มักมากในสิ่งต่างๆ
ไม่เก็บความทุกข์ร้อนมาใส่ใจ คนที่มีกำลังใจเข้มแข็ง
จะรู้สึกมีความเป็นอิสระเป็นตัวของตัวเอง มีความพอใจเป็นเบื้องหลัง
มีความหวังเป็นเบื้องหน้า
จึงสามารถทำคุณประโยชน์ให้ทั้งแก่ตนหรือส่วนรวมได้อย่างมากมาย
ผิดกับคนที่ขาดกำลังใจ จะทำอะไรก็ดูท้อแท้ กลัวแต่ความผิดหวัง
จนไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง

ยาล้างแผลใจ เล่มนี้ ได้แนะนำทั้งสมมติฐานของโรคใจ
ที่เรียกว่ามะเร็งในอารมณ์ เช่น โรครัก-โลภ-โกรธ-หลง
และโรคอารมณ์อีกหลายชนิด
ที่จะเกิดติดตามมาหลังจากใจถูกอารมณ์ร้ายเหล่านี้เกาะกิน
พร้อมแนะวิธีรักษาด้วยพุทธโอสถ คือ ยาธรรมะของพระพุทธองค์
เพื่อใช้รักษาอารมณ์ในยามที่ท่านประสบกับโรค


โรคทางใจ
ปกติใจของมนุษย์เป็นธรรมชาติที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง
มีกำลังมากกว่าฟ้า ลึกกว่าท้องสมุทร กว้างใหญ่กว่าแผ่นดิน
กำลังใจจึงมีอิทธิพลเหนือกว่าทุกสรรพสิ่งที่มีในโลก
คนที่มีกำลังใจย่อมสามารถทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและคนอื่น
ผิดกับคนที่ขาดกำลังใจ ทำสิ่งใดก็มักจะไม่สำเร็จ

คนที่เป็นโรคทางใจ ย่อมเกิดผลร้ายกว่าโรคทางกาย
โรคใจสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบและแผ่กระจายตัวไปได้ในพริบตา
เกิดขึ้นได้วันละหลายครั้งไม่เลือกเวลา สถานที่ โรคใจที่ว่า คือ โรครัก
โรคโลภ โรคโกรธ โรคหลง
ซึ่งแต่ละโรคนี้ทำให้มนุษย์พบกับความวิบัติมานักต่อนัก


โรคลุแก่โทสะ
การคิดประทุษร้ายเพราะความไม่ชอบกัน เป็นโรคใจที่ทำให้คนโหดเหี้ยม
ดุร้าย ก่อให้เกิดแต่ความขุ่นแค้น ยังใจให้ลุกโชนด้วยไฟ คือ
โทสะที่คอยแผดเผาให้รุ่มร้อน ถ้าไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ
ย่อมนำความเดือดร้อนมาให้ได้มากกว่าไฟตามปกติหลายเท่านัก
คนที่ลุแก่อำนาจโทสะ
ก็เหมือนเหล็กที่ถูกสนิมกัดกร่อนย่อมไม่มีความแข็งแรง


โรคโกรธ
ความโกรธมักเกิดขึ้นจากการกระทำที่ผู้อื่นทำแก่ตนทั้งเจตนาหรือไม่เจตนา
แต่ก็สร้างความขัดเคืองขุ่นแค้นให้เกิดขึ้นได้
แม้แต่การกระทำของตัวที่ไม่ได้ดังประสงค์ก็ยังใจให้โกรธได้
คนมักโกรธแม้มีสติปัญญาดี เฉลียวฉลาด มีความสามารถ
แต่เมื่อถูกความโกรธครอบงำ ก็สามารถก่อกรรมทำเข็ญที่ร้ายแรงได้


โรคผูกโกรธ
ความผูกโกรธเป็นโรคที่เกิดต่อจากความโกรธ
แต่มีโทษที่รุนแรงกว่าความโกรธ
เกิดขึ้นได้เพราะการกระทำของผู้อื่นที่ตนไม่พอใจ
เมื่อโกรธแล้วก็ผูกโกรธเอาไว้ให้คุกรุ่นอยู่ในใจ เหมือนเถ้าที่กลบไฟไว้
ผูกโกรธไม่รู้ลืม เมื่อพบเห็นหรือนึกถึงคนที่ทำให้โกรธขึ้นมาคราใด
เป็นต้องฟุ้งซ่านแค้นเคือง
พยายามหาทางทำตอบให้สมกับความแค้นที่เขาทำไว้กับตน

โรคพยาบาท
ความพยาบาทเป็นโรคร้ายที่เกิดต่อจากความผูกโกรธ
เมื่อผูกไฟโกรธให้ลุกโชนในใจแล้ว จึงผูกพยาบาทปองร้ายผู้ที่ทำให้โกรธนั้น
โรคนี้มีโทษร้ายแรงทั้งกว่าความโกรธและความผูกโกรธ
ที่มุ่งโทษแต่การกระทำแก้แค้นตอบแทน แต่ความพยาบาทนอกจากทำแก้แค้นแล้ว
ยังหวังล้างผลาญผู้นั้นให้วิบัตย่อยยับไปเลยทีเดียว
เมื่อยังแก้แค้นไม่สำเร็จก็จองเวรต่อไป ไม่รู้จักจบสิ้น

ยารักษา
โรคทั้ง 4 คือ โรคลุแก่โทสะ โรคโกรธ โรคผูกโกรธ โรคพยาบาท
สามารถรักษาได้ด้วยพุทธโอสถ คือ ความเมตตา และความกรุณา
เปลี่ยนความรู้สึกโกรธแค้น ผูกใจเจ็บ พยาบาทมาดร้ายต่อเขา
ให้เป็นความรักใคร่สงสารแทน เมื่อเกิดความรู้สึกรักและเมตตาในผู้อื่น
ย่อมทำให้กลายเป็นคนที่มีน้ำใจโอบอ้อมอารี รู้ถึงหัวอกเขาหัวอกเรา
ก็จะบรรเทาเบาบางอารมณ์ร้ายให้จืดจางไปจากใจได้

++++++++++++++++++++++

โรครัก
ความรักที่มีเมตตาธรรม รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่น เคารพนับถือกันตามฐานะไม่ถือว่าเป็นโรค
แต่ความรักที่มีแต่ความหึงหวง แก่งแย่งกัน จึงจะนับว่าเป็นโรค
เมื่อเกิดโรครักขึ้น ไฟราคะ
ก็เผาใจให้รุ่มร้อนกระวนกระวายในเมื่อยามผิดหวัง
เมื่อยามตนสมหวังก็เผาผลาญร่างกายให้โรยรา เพราะเป็นไฟที่มีมากเกินพอดี

ยารักษา
เมื่อเกิดโรครักขึ้นต้องแก้ด้วยยาคือ สติ
ระมัดระวังใจมิให้หลงใหลไปตามอำนาจของกามารมณ์
ให้นึกถึงโทษของความรักที่ทรมานตนจนฟุ้งซ่านกระวนกระวายขาดทั้งกำลังกายใจ
ทำอะไรก็ให้รู้สึกท้อแท้ ต้องรู้เท่าทันว่า เมื่อโรครักเกิดขึ้นในใจแล้ว
ย่อมทำให้ใจมีความวิปริตเปลี่ยนแปลงไปได้ทั้งในทางที่ดีหรือร้าย

+++++++++++++++++++++++

โรคโลภ
ความอยากที่ไม่มีประมาณ ทำให้เป็นคนเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้
ไม่รู้จักพอ ทั้งที่ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ก็น่าจะมีความสุข
แต่เพราะความโลภจึงทำให้ตนเองต้องเดือดร้อน กระเสือกกระสน ดิ้นรนแสวงหา
เมื่อไม่ได้สมใจ ก็เกิดความเศร้าเสียใจ ตรมตรอมใจ เป็นบ้าใบ้ไปก็มี
หนักเข้าถึงกับเป็นไข้ใจอย่างรุนแรง ถึงกับฆ่าตัวตายเพราะความไม่สมอยาก

ยารักษา
ยินดีในสิ่งที่ตนได้ พอใจในสิ่งที่ตนมี เป็นยาแก้ความโลภได้ดีที่สุด
คือ รู้จักการแสวงด้วยหนทางที่ชอบอยู่ในกรอบของศีลธรรม
ยับยั้งชั่งใจให้รู้ประมาณในการแสวงหา
การได้มารวมถึงการใช้จ่ายก็ให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะพอสมกับการได้มา
ก็จะสามารถช่วยรักษาโรคของความโลภมากอยากได้ให้ผ่อนคลายและหายไปได้ในที่สุด

++++++++++++++++++++++++

โรคมักมาก
โรคทางใจที่เร่งเร้าให้ชิงสุกก่อนห่าม มักใหญ่ใฝ่สูง
มีจิตสันดานที่เอาแต่กอบโกย ถือแต่ส่วนตัวเป็นใหญ่ ถึงมีก็ไม่รู้จักพอ
ไม่มีความรู้สึกพอใจในสิ่งใดๆ ไม่มีใครที่จะทำให้เขามีความรู้สึกอิ่มได้
เหมือนไฟที่ไม่อิ่มด้วยเชื้อ มหาสมุทรไม่อิ่มด้วยน้ำ
และความตายไม่แหนงหน่ายไปจากสรรพสัตว์

ยารักษา
ความรู้จักพอ
เป็นยาแก้ความมักมากที่ได้ผลทำให้มองเห็นค่าของความพอควรว่า
เมื่อไม่มีสิ่งที่พอใจ ก็พอใจในสิ่งที่มี
ตนได้ลงโทษความอยากยังดีกว่าการที่ตนจะถูกลงโทษเพราะความมักมาก
เมื่อทำได้เช่นนั่น
จะสามารถรักษาโรคมักมากอยากได้ไม่มีที่สิ้นสุดให้ทุเลาเบาบางจนหายขาดได้

+++++++++++++++++++++++++++++

โรคความอยาก
เป็นโรคประหลาดที่อยากมีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่อยากทำ
ชอบการได้มาที่ไม่ต้องออกแรงแม้แต่จะคิด
คนที่เป็นโรคนี้มักทำตรงกันข้ามกับความอยาก เช่น
กลัวความลำบากแต่เป็นคนเกียจคร้าน
ชอบความสุขสบายแต่ไพล่ไปทำเหตุแห่งทุกข์ อยากได้ดีแต่ไม่ทำความดี
เข้าทำนองที่ว่า ทิ้งธุระที่มาถึงตัว มัวแต่พะวงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

ยารักษา
ต้องเป็นคนมีฉันทะ รักใคร่ที่จะทำความดี
ฝึกฝนอบรมตนให้เห็นประโยชน์ของความดีที่ตนปรารถนา
เห็นโทษของความเลวที่ตนรังเกียจ พร้อมที่จะทำความดีตามที่ตนปรารถนา
ละเว้นความเลวร้ายที่ตนรังเกียจ
ก็ช่วยให้จิตใจของท่านมีความปรารถนาอยากทำแต่ในสิ่งที่ดีๆ

++++++++++++++++++++++++++++++

โรคมายา
คนที่มีมายาสาไถย เป็นคนเจ้าเล่ห์
ทำตัวเป็นเหมือนภูติผีที่เที่ยวหลอกผู้อื่นกิน
คนที่ทำตัวเจ้าเล่ห์โกหกปลิ้นปล้อน เป็นคนคดในข้องอในกระดูก
ย่อมไม่เป็นที่ไว้วางใจของใครต่อใคร เป็นคนที่หมดความน่าเชื่อถือ ใหม่ๆ
อาจจะหลอกใครต่อใครได้ แต่เมื่อเขารู้ทันก็จะเป็นเหมือนกับผีตายซาก
ถูกปล่อยให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย

ยารักษา
ต้องใช้สัจจะ คือ ความจริง
มาปรับปรุงตัวรักษาใจให้เป็นคนมีคุณธรรมที่เที่ยงตรงต่อหน้าที่
จริงใจต่อเพื่อนฝูง ซื่อสัตย์ต่อนาย และต้องมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
เมื่อได้หมั่นฝึกฝนอบรมจิตด้วยสัจจะแล้ว
โรคมายาก็ไม่อาจเกาะกุมใจของเขาได้อีก

++++++++++++++++++++++++++

โรคโอ้อวด
เป็นคนประเภทขี้โอ่ คอยแต่จะฟังคำสรรเสริญเยินยอ
เมื่อผู้อื่นกล่าวชมไม่ทันใจ
ก็พูดบรรยายสรรพคุณของตนอวดคนอื่นโดยไม่เลือกสถานที่ เวลา
ว่าตนรู้อย่างนั้น ดีอย่างนี้ จนบางทีโอ่เสียจนน่ารังเกียจ
ทั้งที่ใครเขาไม่อยากฟัง

ยารักษา
ต้องรู้จักประมาณตน
ปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับวุฒิภาวะฐานะว่าตนเป็นอยู่ในระดับไหน
ไม่เย่อหยิ่งทะนงตนว่าวิเศษวิโสกว่าผู้อื่นแล้วเหยียบย่ำผู้อื่นเลวกว่าตน
คนที่รู้จักประมาณตนเป็นเหตุให้เห็นคนเป็นคน จึงสามารถวางตนได้เหมาะสม

+++++++++++++++++++++++++++

โรคหลงงมงาย
เป็นโรคทางใจที่ทำให้คนเป็นโรคนี้หลงเห็นผิดเป็นชอบ เห็นชั่วเป็นดี
เป็นหมอกม่านปิดกั้นสติปัญญาให้มืดมน
คนที่ถูกไฟโมหะครอบงำจิตใจย่อมไม่อาจมองเห็นความเป็นจริงได้
แม้นต้องพบกับความทุกข์ลำบาก ก็ยังหลงหัวปักหัวปำ ไม่อาจถอนตัวถอนใจได้
เป็นเหตุให้มีชีวิตที่เศร้าหมองบั่นทอนชีวิตให้สั้นลง

ยารักษา
ต้องใช้ยา คือ สติ ความระลึกได้ สัมปชัญญะ ความรู้ตัวพร้อม
พินิจพิเคราะห์ให้ได้เหตุและผลที่แท้จริงก่อนค่อยทำหรือปลงใจเชื่อในสิ่งใด
ทำตัวให้หนักแน่นในเหตุผล ไม่ปล่อยตัวปล่อยใจให้เป็นในอำนาจของความหลง
ก็จะช่วยผ่อนคลายอำนาจของความงมงายไม่ให้ครอบงำใจได้

+++++++++++++++++++++++++++

โรคอิจฉา
เป็นโรคอิจฉาริษยาในลักษณะที่หวงความดี ไม่อยากให้ผู้อื่นดีกว่าตน
คนเป็นโรคใจประเภทนี้ไม่ปรารถนาจะพบเห็นหรือแม้แต่ได้ยินว่าคนอื่นได้ดีทำความดีอย่างนั้นอย่างนี้
ทนไม่ได้ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำดีเยี่ยงเขา
เพราะมัวแต่คิดอิจฉาความดีของคนอื่น ตัวเองเลยไม่มีเวลาทำดี
ยิ่งทำให้ค่าความดีของตนตกต่ำลงไป
คนที่ใช้ความอิจฉาริษยาเป็นลูกศรยิงผู้อื่น
แม้ตัวเองก็ได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานใจ

ยารักษา
ต้องฝึกใจให้มี มุทิตา ความพลอยยินดี ในคุณความดีของผู้อื่น
ฝึกฝนอบรมใจให้เป็นคนมีอัธยาศัย ไมตรี ไม่แข็งกระด้าง
เมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีมีสุข ก็พลอยยินดีไปกับความสำเร็จของเขา
แม้ตัวจะด้อยค่าลงไปกว่าเขา ก็ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
โรคร้ายความอิจฉาตาร้อนก็จะผ่อนคลายหายไปในที่สุด

++++++++++++++++++++++++++

โรคหงุดหงิด
คนเป็นโรคใจชนิดนี้เหมือนเป็นไข้เรื้อรัง
ทำให้กลายเป็นคนจู้จี้ขี้บ่นจุกจิกไม่เข้าเรื่อง
สร้างความรำคาญใจให้กับคนรอบข้างได้ไม่จบสิ้น
ต้องหาเรื่องหงุดหงิดบ่นว่าใครต่อใครไม่เลือกหน้า
ถ้าไม่มีก็ขุดคุ้ยเรื่องเก่ามากล่าวอ้างจนได้
คนที่เป็นโรคนี้มักไม่รู้ตัวว่าเป็นคนทำความรำคาญใจกับผู้อื่น
เป็นคนที่น่าเบื่อ ใครต่อใครก็ไม่อยากคบ

ยารักษา
ต้องมีความสำนึกรู้ตัวตนอยู่เสมอ
พิจารณาถึงโทษของความหงุดหงิดจู้จี้ขี้บ่น
ว่าเราไม่ชอบคนประเภทนี้อย่างใด
คนอื่นเขาก็คงไม่ชอบนิสัยอย่างนั้นของเราเหมือนกัน
เมื่อคิดได้ดังนี้ก็จะทำให้หายหงุดหงิดไม่จู้จี้ขี้บ่น มีหน้าตาแจ่มใส
มีจิตใจที่แช่มชื่น มีความเป็นอยู่ที่สุขกายสบายใจเลยทีเดียว

+++++++++++++++++++++++++++++

โรคขี้ขลาด
โรคขี้ขลาดหรือกลัวในเรื่องที่ไม่ใช่เหตุ หรือในขณะที่ประสบเหตุ
เมื่อกลัวจนเกินกว่าเหตุย่อมปิดบังสติปัญญาที่จะใช้แก้ไขปัญหา
นับเป็นโรคที่ยังใจให้หดหู่ห่อเหี่ยว ไม่องอาจผลาญกำลังใจของชีวิต
ไม่ให้ต่อสู้กับปัญหาเพราะความขลาดกลัวเป็นเหตุ
คนที่เป็นโรคนี้จึงต้องเสริมสร้างขวัญและกำลังใจเป็นพิเศษ

ยารักษา
ต้องใช้ปัญญา พิจารณาถึงเหตุและผลของความกลัว
ว่าเรากลัวในสิ่งที่จำเป็นต้องกลัวหรือไม่ เช่นกลัวต่อการทำดี
เพราะเดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าทำเอาหน้า เป็นต้น เมื่อตรึกตรองได้ดังนี้
ก็จะทำให้เห็นคุณของความกล้าในสิ่งที่ชอบที่ควร
ก็จะช่วยหยุดยั้งความกลัวที่ผิดปกติได้

ใจของมนุษย์เป็นสิ่งที่ลึกล้ำ
ยากที่จะหยั่งถึง...
กำลังใจจึงมีอิทธิพลเหนือกว่า
ทุกสรรพสิ่งบรรดามี

คัดลอกจากหนังสือ ยาล้างแผลใจ
สำนักพิมพ์ ช่อระกา และ สำนักพิมพ์ เลี่ยงเชียง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น