++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2552

จุมพิตแห่งจันทรา / นพวรรณ สิริเวชกุล

 
โดย นพวรรณ    
       โดย นพวรรณ สิริเวชกุล
      

      
       เคยสงสัยไหมว่า เหตุใดดวงจันทร์จึงเป็นสิ่งที่ทรงอิทธิพลต่อมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นชนชาติไหน มักจะต้องมีพิธีกรรมหรือความเชื่อเกี่ยวกับดวงจันทร์แทบทั้งสิ้น...
      
       ความเชื่อของชนพื้นเมืองญี่ปุ่นอย่างชาวไอนุ เชื่อว่าพระอาทิตย์กับพระจันทร์เป็นคู่กัน อาทิตย์เป็นชายที่มักสวมเสื้อผ้าชั้นดีจึงทำให้มีแสงสว่างในตัวเอง ส่วนพระจันทร์นั้นเป็นหญิงมักจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีขาวและดำเท่านั้น เมื่อพระจันทร์ผู้ภรรยาสวมสีดำจะทำให้เกิดข้างแรมและหากสวมชุดขาวก็จะทำให้โ ลกนี้เกิดข้างขึ้นนั่นเอง
      
       ส่วนชาวไทใหญ่มีความเชื่อว่า พระจันทร์คือกระต่ายตัวน้อยที่คลุมด้วยเงินอยู่ในเรือนแก้ว มีหน้าต่างอยู่ 15บาน กระต่ายจะค่อยๆเปิดหน้าต่างทีละบานจนครบ จากนั้นก็จะค่อยๆปิดหน้าต่างทีละบานจนครบรวมแล้วคือหนึ่งเดือน หากคืนไหนที่กระต่ายเปิดหน้าต่างครบทุกบานคืนนั้นก็คือคืนเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ
      
       ชาวอียิปต์เองก็มีความเชื่อเรื่องเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ที่ต้องเดินท างผ่านโลกคนตายระหว่างทางก็จะมีงูมาคอยดักทำร้าย หากเทพเจ้าถูกงูกิน โลกของเราก็จะขาดเวลากลางวัน ดังนั้นทุกค่ำคืนเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์จึงจำต้องแปลงร่างเป็นแมวเพื่อคอยดัก จับงูเสียเอง
      
       ชาวกรีกเองมีความเชื่อเรื่องพระจันทร์เช่นชาติพันธุ์อื่นๆ และยังมีการนำขนมหวานอย่างเค้กน้ำผึ้ง มาบูชาเทพีแห่งจันทราที่วิหารอาร์เทมิส อีกด้วย วิหารอาร์เทมิสนั้นสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพีอาร์เทมิส ที่พวกเขานับถือว่าเป็นเทพีแห่งดวงจันทร์ผู้มาจากสวรรค์เพื่อช่วยให้ชาวเมือ งพ้นจากภัยพิบัติ
      
       ครั้งสมัยของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์แห่งกรีก จัดอาร์เทมิสว่าเป็นศาสนสถานที่สวยงามแห่งหนึ่งจนถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโล กยุคเก่าทีเดียว กล่าวกันว่าวิหารแห่งนี้มีเนื้อที่ถึง 54,720 ตารางฟุต มีเสาหินตั้งตระหง่านรอบตัวอาคารมากกว่า 100 เสาหิน หลังคาปูด้วยกระเบื้องหินอ่อน ภายในโบสถ์เป็นที่ประดิษฐานเทพเจ้าชื่อว่า อาร์เทมีส หรืออีกชื่อหนึ่ง ว่าไดอาน่า ประชาชนจะนำสิ่งของมาสักการะบูชา
      
       วิหารอาร์เทมิสเคยถูกไฟไหม้เสียหายครั้งหนึ่ง และได้รับการซ่อมแซมใหม่โดยกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่วิหารแห่งนี้ได้ถูกทำลายจนหมดก่อนปี ค.ศ. 262 จึงเหลือแต่ซากปรักหักพังให้ชนรุ่นหลังได้ชมอยู่ในกรุงอิสตันบลู ประเทศตุรกี
      
       เมื่อเรากล่าวถึงเทพีอาร์เทมิส เรื่องราวของพระนางก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ตามตำนานกล่าวว่าพระนางเป็นคู่แฝดกับเทพอพอลโล และถือพรหมจรรย์ ยามเมื่ออาร์เทมิส ถือกำเนิดขึ้นมานั้นก็ไม่ธรรมดาค่ะ เพราะนางอัปสรลีโตมารดาของพระนางและเทพอพอลโลนั้น เป็นที่เกลียดชังของเทพีเฮรา มเหสีเอกของเทพซุสผู้บิดา ครั้นถึงกำหนดคลอดนางอัปสรลีโตก็เจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัส ด้วยว่านางไม่รู้ว่าจะไปให้กำเนิดลูกของตนที่ใดได้ ด้วยเพราะต้องคำสาปของเทพีเฮรา กระทั่งเทพโพไซดอนต้องเข้ามาช่วยเหลือ เนรมิตสถานที่ให้นางลีโตกำเนิดอพอลโลและอาร์เทมิสสำเร็จ
      
       อาร์เทมิสล่วงรู้ความรู้สึกของผู้เป็นมารดาตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อพระนางถือกำเนิดขึ้นมาจึงขอตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะครองเพศพรหมจรร ย์ไปชั่วกาล .... กล่าวกันว่าอพอลโลคุมรถม้าพระอาทิตย์ในยามกลางวัน ลูกศรของอพอลโลนั้นร้อนแรงดั่งแสงอาทิตย์ ขณะที่อาร์เทมิสคุมรถเทียมม้าพระจันทร์ ลูกศรของพระนางก็ปลิดชีวิตคนได้นุ่มนวลราวแสงจันทร์....
      
       ตำนานกล่าวว่าอาร์เทมิสเป็นเทพีที่โลดโผนกว่าเทพีองค์อื่น เครื่องทรงของพระนางจะอยู่ในชุดล่าสัตว์ทะมัดทะแมง ในมือถือคันศร เพราะพระนางโปรดการล่าสัตว์และไม่ต้องการมีความรักและคู่ครอง
      
       แต่แล้วอาร์เทมิสก็ไม่อาจยับยั้งอารมณ์หวามไหวของตัวเองได้ เมื่อครั้งหนึ่ง ในยามที่พระนางท่องเวหาอยู่เหนือแผ่นดิน แสงจากดวงจันทร์ทอไปยังทุ่งหญ้าตกต้องร่างกายของชายหนุ่มนามเอนดิเมียนที่หล ับไหลอยู่กลางทุ่งหญ้า
      
       อาร์เทมิสเกิดหลงไหลในความงามของหนุ่มรูปนั้น จึงเผลอใจลงจากรถม้าและก้มลงจุมพิตที่ปากของเอนดิเมียน กระทั่งชายหนุ่มรู้สึกตัว อาร์เททิสจึงหลบลี้หนีจากไป ส่วนเอนดิเมียนนั้นเล่า ก็ตื่นขึ้นด้วยรู้สึกฝันประหลาด ในฝันนั้นเขาได้โอบกอดดวงจันทร์และจุมพิตอย่างนุ่มนวล นับแต่นั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป ทุกคืนเขาจะนอนหลับกลางทุ่งหญ้าเพื่อรอคอยจุมพิตแห่งจันทรา แน่นอนว่า อาร์เทมิสเองก็ลุ่มหลงกับอารมณ์รักนั้น เช่นกัน ทั้งสองมีความสุขอยู่ในโลกแห่งความฝัน กระทั่งเทพซุสล่วงรู้เรื่องราวนี้ จึงยอมให้ธิดาของตน มีความรักกับมนุษย์สามัญไม่ได้ ด้วยเกรงว่าอาร์เทมิสจะผิดคำสาบานของตนเองที่จะถือครองพรหมจรรย์ไปตลอดกาล
      
       เทพซุสจึงตัดสินพระทัยยุติความสัมพันธ์นี้ด้วยตนเอง พระองค์เสด็จลงมาจากเขาโอลิมปัสและปรากฎตัวเบื้องหน้าเอนดิเมียน พร้อมข้อเสนอให้เลือกว่าจะตายหรือจะหลับใหลไปชั่วกาลโดยไม่ฟื้นตื่นอีกเลย
      
       เพียงจุมพิตเดียวของอาร์เทมิส ทำให้ชีวิตของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งต้องเปลี่ยนไป เอนดิเมียนเลือกที่จะหลับเพราะอย่างน้อยเขาก็ยังได้พบกับจันทราอันเป็นที่รั กในฝันไปชั่วกัปกัลป์ เทพีอาร์เทมิสเองแม้จะเศร้าเสียใจแต่ นั่นก็นับเป็นทางเลือกที่ดีของทั้งคู่
      
       ทุกคืนหลังเสร็จภาระกิจนำรถเทียมม้าส่องแสงสว่างทั่วท้องฟ้าแล้วก็จะ เดินทางมาถึงถ้ำสุดขอบโลกที่เอนดีเมียนนิทราอยู่เพื่อจุมพิตเขาทุกคืน เชื่อกันว่าช่วงนั้นคือเวลาที่ดวงจันทร์กำลังลับฟ้าลับขอบโลกนั่นเอง
      
       ในคืนที่จันทร์เต็มดวงเช่นนี้ หวลให้นึกถึงเรื่องราวต่างๆมากมาย ทั้งสุข ทั้งเศร้าไม่ว่ามนุษย์เราจะมีอารมณ์เช่นใด ดวงจันทร์ก็ยังคงเป็นดวงเดิมที่ส่องแสงมายังโลก กี่ยุคกี่สมัย ผู้คนเปลี่ยนผ่าน ดวงจันทร์ก็ยังคงอยู่บนฟ้าให้มนุษย์จินตนาการเรื่องราวที่ผูกโยงกับดวงจันทร ์ได้เสมอทุกค่ำคืน.
      
       สามารถรับฟังย้อนหลัง รายการ ต่างสมัย รอยไทย โดย นพวรรณ สิริเวชกุล ได้ทาง
       www.managerradio.com  
                
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000014329

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น