เกลือ อันมีลักษณะขาวสะอาดบริสุทธิ์ เป็นสิ่งที่หาพบได้ในธรรมชาติ
ในเกลือมีสารเคมีซึ่งประกอบด้วยโลหะหรือหมู่ธาตุที่เทียบเท่าโลหะกับอนุมูล
กรด
เกลือสามารถพบเจอเจือปนในน้ำทะเล และยังพบเกลืออยู่ตามดิน หิน ใต้พื้นพิภพ
หากพบเกลือในน้ำทะเลก็เรียก เกลือสมุทร พบเกลืออยู่ในดินเค็ม
ก็เรียก เกลือสินเธาว์ ในสมัยโบราณเกลือเป็นสิ่งมีค่ามาก
จึงมิใช่เรื่องแปลกที่ในหน้า
ประวัติศาสตร์ของหลายชนชาติ จะพบว่ามีสงครามการแย่งชิงเกลือเกิดขึ้น
เส้นทางเกลือในเมืองไทย
เราจะพบว่ามีอยู่หลายแห่งที่ทำเกลือเป็นอาชีพ
จังหวัดที่มีการผลิตเกลือสมุทร ได้แก่ สมุทรสงคราม สมุทรปราการ
สมุทรสาคร และเพชรบุรี ผู้ผลิตเกลือสมุทร เราคุ้นเคยกันดีในชื่อของ ชาวนาเกลือ
น้ำเกลือถูกต้มเดือดในกระทะใบบัว
ในเมืองไทยเคยเกิดวิกฤตเกลือแพงอักโข ในช่วงปลายปี พ.ศ.2513-2514
เนื่องจากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในแหล่งโกดังเก็บเกลือทะเล
ของกรุงเทพฯ จากเกลือตันละ100 บาทพุ่งสูงถึงตันละ1,000 บาท
จากเหตุการณ์นี้เป็นจุดพลิกผันที่ทำให้ผู้ผลิตหลายราย
ย้ายฐานการผลิตเกลือเข้าสู่ดิน
แดนอีสานที่ในปัจจุบันเป็นแหล่งเกลือสินเธาว์ ขนาดใหญ่ของไทย
มีอยู่ด้วยกันหลายแห่ง อาทิ จ.อุดรธานี จ.หนองคาย จ.สกลนคร เป็นต้น
ขุนเขานี้มี...บ่อเกลือ
ขึ้นไปทางภาคเหนือของไทยกันบ้าง
ดูเหมือนว่าหากเอ่ยขานเรื่องเกลือในเมืองเหนือ
จุดศูนย์กลางของความคิดหนึ่งเดียวแน่นอนว่าต้องอยู่ที่ อ.บ่อ
เกลือ จ.น่าน อย่างมิอาจปฏิเสธได้
เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเมืองน่านเป็นแหล่งเกลือขนาดใหญ่
บ่อเกลือ ตั้งอยู่ใน อ. บ่อเกลือ อยู่ห่างจากตัวเมืองน่าน ประมาณ
80 กิโลเมตร เกลือเป็นสิ่งที่มีบทบาทต่อชุมชนคนเมืองน่านและบ้านเมืองโดยรอบ
เป็นอย่างมาก ทั้งสุโขทัย ล้านช้าง และล้านนา
เพราะพื้นที่เหล่านี้อยู่ห่างไกลจากทะเล
ด้วยเหตุนี้เป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้พระเจ้าติโลกราชแห่งล้านนา
เสด็จ มาตีเมืองน่าน
เพื่อมุ่งหวังครอบครองบ่อเกลือซึ่งถือเป็นยุทธปัจจัยสำคัญสมัยนั้น
เมืองน่าน จึงถูกผนวกเข้าไว้ในอาณาจักรล้านนาตั้งแต่นั้นมา
ไข่ไก่ต้มน้ำเกลือ
เรื่องเกลือของบ่อเกลือยังได้ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์ตาม
พงศาวดารเมืองน่านซึ่งพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชอดีตเจ้าหลวงเมืองน่านได้แต่ง
รวบรวมขึ้นไว้ มีข้อความกล่าวถึงแหล่งผลิตเกลือที่สำคัญแห่งนี้ว่า
เดิมทีเขตอำเภอบ่อเกลือเป็นป่าดงพงไพร ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่
มีหนองน้ำ ซึ่งพวกสัตว์ต่าง ๆ ชอบมากินน้ำในหนองน้ำแห่งนี้เป็นประจำ
และยังมีนาย
พรานผู้หนึ่งมาล่าสัตว์
และเห็นพวกเหล่าสัตว์ทั้งหลายมักจะกินน้ำที่นี่เป็นประจำ
เมื่อลองชิมดูจึงรู้ว่ามีรสเค็ม
ข่าวได้ล่วงรู้ไปถึงเจ้าหลวงภูคาและเจ้าหลวงบ่อ
จึงได้มาดูบ่อน้ำเกลือ และต่างก็ต้องการครอบครอง
จึงคิดหาวิธีการโดยทั้งสองพระองค์ขึ้นไปอยู่ที่
ยอดดอยภูจั๋น เพื่อแข่งขันกันพุ่งสะเดา(หอก) แสดงการครอบครองบ่อน้ำเกลือ
เจ้าหลวงภูคาพุ่งหอกไปตกทางตะวันตกของลำน้ำมาง
ตรงที่ตั้งหอนอกในปัจจุบัน เจ้าหลวงบ่อพุ่งหอกไปตกทางตะวันออกของลำน้ำมาง
ตรงที่ตั้งหอ
เจ้าพ่อบ่อหลวงในปัจจุบัน ผู้คนที่พากันมาดูการแข่งขันพุ่งหอก
ได้นำเอาก้อนหินมาก่อไว้เป็นที่สังเกต
แล้วตั้งเป็นโรงหอทำพิธีระลึกตอบแทนเจ้าหลวงทั้ง
สององค์ทุกปี
เกลือที่ตกผลึกแล้วถูกนำมาแขวนไว้ในตะกร้าเพื่อสะเด็ดน้ำ
ภายหลังทั้งสองพระองค์คิดกันว่า จะนำคนที่ไหนมาอยู่
เมื่อปรึกษากันแล้ว
เจ้าหลวงภูคาจึงไปทูลขอประชาชนที่อยู่เมืองเชียงแสนจากเจ้าเมือง
เชียงรายมา หักร้างถางพงทำเกลืออยู่ที่นี่
ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวบ่อหลวงในปัจจุบันนั่นเอง
เจ้าหลวงน่านจะต้องให้คนส่งส่วยเกลือเป็นจำนวน 5 ล้าน 5 แสน
5หมื่น 5 พัน(ประมาณ 7,395 กิโลกรัมต่อปี)
การส่งส่วยเหล่านี้เริ่มเมื่อใดไม่ปรากฏ
หลักฐานแต่กระทำเรื่อยมาจนถึงสมัย เจ้ามหาพรหมสุรธาดาเป็นเจ้าผู้ครองนคร
ในยุคคอมมิวนิสต์ อ.บ่อเกลือยังเป็นพื้นที่สีแดง เต็มไปด้วยพรรค
คอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยอีกด้วย
ประเพณีของคนทำเกลือ
สมรบ ปิติกะวงษ์ นายอำเภอบ่อเกลือ
ได้บอกเล่าถึงวิถีชีวิตของคนทำเกลือบนภูเขาให้ฟังว่า
อำเภอบ่อเกลือมีประชากรอยู่ประมาณ14,000 กว่าคน
คนที่ทำเกลือจริงๆมีไม่กี่ราย
"บ่อเกลือที่นี่มาจากน้ำที่ชาวบ้านตักขึ้นมาไว้ดื่มไว้กินกัน
แต่น้ำนั้นเป็นน้ำที่มีรสชาติเค็ม ชาวบ้านเอาน้ำไปเคี้ยวจนตกผลึก
แล้วบ่อที่มีน้ำเค็มมันมีไม่กี่ที่
ทั้งอำเภอมีไม่ถึง 10 บ่อ"นายอำเภอบ่อเกลือเล่า
คนทำเกลือกำลังตักเกลือใส่ตะกร้า
เกลือภูเขาที่นี่แตกต่างจากเกลือทะเล
เพราะเกลือสินเธาว์ไม่มีไอโอดีน
แต่ทางสาธารณสุขก็เข้ามาช่วยโดยเอาไอโอดีนผสม รับรองกินได้คอไม่พอก
ความพิเศษบ่อเกลือที่นี่ คือ
เป็นบ่อเกลือสินเธาว์บนภูเขาแห่งเดียวของโลกตรงนี้สำรวจแล้วว่าไม่มีที่ไหน
อีก บ่อเกลือเดินทางมาค่อนข้างยาก แต่สวย
งามมาก หากพูดในด้านการท่องเที่ยว
มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวในเรื่องของธรรมชาติสูง
ปัจจุบันชาวบ้านยังคงต้มแกลือด้วยวิธีแบบดั้งเดิม
จะตักน้ำเกลือจากบ่อส่งผ่านมาตามลำไม้ไผ่สู่บ่อพักการทำเกลือของ
ชาวบ้านบ่อเกลือ นำน้ำเกลือ
ที่ตักจากบ่อมาต้มในกระทะประมาณ 4 - 5 ชั่วโมงให้น้ำเกลือระเหยแห้ง
จากนั้นก็จะนำไม้พายมาตักเกลือใส่ตะกร้าที่แขวนไว้เหนือกระทะเพื่อ
ให้น้ำเกลือไหลลงมาในกระทะทำอย่างนี้ไปเรื่อยจนน้ำในกระทะแห้ง หมดแล้วจึง
ตักน้ำเกลือจากบ่อมาใส่ลงไปใหม่ หลังจากนั้นใส่ถุงวางขายกันหน้าบ้าน
ภูมิทัศน์ของอ.บ่อเกลือ
อนงค์ เขื่อนเมือง อายุ 48 ปี
เป็นลูกหลานชาวบ่อเกลือคนหนึ่งที่มีรายได้เสริมมาจากการทำเกลือได้เล่าให้
ฟังว่า คนบ่อเกลือมีอาชีพเสริมนอกเหนือ
จากการทำนาก็คือการทำเกลือขาย เกลือที่นี่มีขายตั้งแต่ราคา 5 -20 บาท
เป็นราคามาตรฐานไม่เคยเปลี่ยนแปลง
"บ่อเกลือหนึ่งบ่อ ต้มแบบวนกันไปกันมา 14-15 เจ้า
เป็นเจ้าของร่วมกัน"อนงค์เล่า
อนงค์ยังเล่าต่อไปถึงประเพณีเกี่ยวกับเกลือของที่นี่ว่า
ราวช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ในวันแรม 8 ค่ำของเดือน 5
จะมีงานบวงสรวงเจ้าหลวง หมู่
บ้านบ่อหลวงจะปิดกั้นไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าออกหมู่บ้านด้วยยานพาหนะทุก
ชนิด ยกเว้นการเดินเท้าเข้ามาเป็นเวลา 3 วัน
"ชาวบ้านจะต้องทำพิธีเลี้ยงผีเมืองและเจ้ารักษาบ่อเกลือคือ
เจ้าซางคำ ซึ่งจะมีหน้าที่รักษาปากบ่อ
เวลาใครมาจะบ่อเกลือจะเห็นข้อความเขียนเตือนว่า
ไม่ให้ใครขึ้นเหยียบปากบ่อ โดยเฉพาะบุคคลภายนอกขึ้นไปข้างบน
เพราะมีเจ้ารักษาอยู่ ถ้าใครจะขึ้นตักน้ำเกลือ ก็ต้องเลี้ยงเจ้าก่อน
เลี้ยงด้วยไก่ 1-2 ตัว
เหล้าขาว 1 ขวด ทำพิธีเลี้ยง เลี้ยงเสร็จแล้วถึงขึ้นตักน้ำเกลือได้"อนงค์เล่า
ลึกลงไปจากปากบ่อนี้เป็นแหล่งน้ำเกลือ
ที่บ้านบ่อหลวงซึ่งเป็นหมู่บ้านของป้าอนงค์นั้น
ตามประเพณีจะสามารถต้มเกลือไปประมาณแปดเดือน ช่วงเข้าพรรษาจะหยุด
ลอยกระทงเสร็จถึงจะ
กลับมาต้มอีกที
ประเพณีเกี่ยวกับเกลือของคนทำเกลือใน อ.บ่อเกลือ
อาจจะแตกต่างกันไปบ้างตามหมู่บ้าน
เช่นบางหมู่บ้านสามารถต้มเกลือได้เฉพาะเดือนมีนาคม
เดือนเดียวเท่านั้น ทางหมู่บ้านจะมาต้ม แต่จะเป็นของบ้านใครบ้านมัน
ต้มแบบเปลี่ยนกันมาต้ม เสร็จแล้วจะเก็บเอาไว้กิน
ไม่ได้ทำขายถึงทำขายก็ได้ไม่เยอะ
เพราะเขามีสิทธิ์ต้มได้เพียงเดือนเดียว มันเป็นประเพณีที่สืบต่อกันมา
โรงเก็บเกลือที่รอการบรรจุ
แม้วิธีการทำเกลือแบบดั้งเดิมนี้ยังคงสืบทอดอยู่
แต่สิ่งที่ชาวบ่อเกลือเป็นกังวล คือ
ปัจจุบันเกลือไม่ต้องแย่งชิงกันอีกต่อไป รวมทั้งราคาเกลือถูกอย่าง
เหลือเชื่อ ทำให้ชาวบ้านบางกลุ่มมองว่าในบางครั้งการเสียเวลามานั่งหลังคดหลังแข็ง
อดหลับอดนอนไม่คุ้มค่า
ซึ่งจุดนี้ทางนายอำเภอบ่อเกลือเองได้กล่าวว่า
ปัจจัยทางการตลาดอาจมีผลให้คนทำเกลือภูเขาลดน้อยลง
อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางอำเภอกำลังจะเข้า
มาช่วยเหลือในเรื่องรูปลักษณ์ของ
ผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าและถือว่าเป็นการต่อลมหายใจให้คนทำเกลือ
ภูเขาแห่งบ่อเกลือด้วย.
ขั้นตอนการสาวเชือกเพื่อตักเอาน้ำเกลือที่อยู่ลึกลงไปในบ่อ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
* * * * * * * * * * * * * * *
การ เดินทางเพื่อมาชมบ่อเกลือสินเธาว์ภูเขาแห่งเดียวในโลกนี้สามารถเดินทางโดย
รถยนต์ส่วนตัว จากตัวเมืองน่าน ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1080
(น่าน-ทุ่งช้าง) ประมาณ 59 กม. ถึง อ.ปัว แยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 1256
(ปัว-ดอยภูคา-บ่อเกลือ) ประมาณ 46 กม. ถึงทางแยกที่ อ.บ่อเกลือ
หากมาโดยรถประจำทาง จากอ.เมืองน่าน นั่งรถสายน่าน-ปัว
แล้วต่อรถสายปัว-บ่อเกลือ ลงที่ อ.บ่อเกลือ
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000026847
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น