++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

• เดินหน้า อย่างก้าวหน้า!




ที่มา: Adecco Group Thailand
หนทางที่จะนำธุรกิจของคุณไปสู่ความสำเร็จอย่างสูงสุด

ช่วงไตรมาสแรกของปีเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด ในการวิเคราะห์ว่าธุรกิจของคุณกำลังอยู่ที่ตำแหน่งใด กำลังจะมุ่งหน้าไปในทิศทางไหน และต้องทำอย่างไร บ้างเพื่อให้ก้าวไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ และเมื่อไตรมาสแรกจบลง ก็ถึงเวลาในการโฟกัสประสิทธิภาพของธุรกิจในไตรมาสที่สอง กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทยได้เตรียมรายการสิ่งที่ควรปฏิบัติเพื่อให้ บริษัทของคุณสามารถอยู่ในเกมการแข่งขันอย่างก้าวหน้า และหากบริษัทของคุณยังไม่ได้ทำในสิ่งเหล่านี้ ก็ถึงเวลาที่ควรจะเริ่มต้นปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อความสำเร็จในอนาคต

กำหนดแผนการสืบทอดตำแหน่ง

ช่วงเวลาปัจจุบันคือช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการวางแผนสำหรับอนาคต อีก 3-5 ปีจากนี้ไป คุณต้องพิจารณาแล้วว่าจะมีพนักงานเกษียณอายุงานจำนวนเท่าไร อย่าปล่อยให้บริษัทของคุณต้องเผชิญหน้ากับภาวะขาดแคลนพนักงานโดยไม่คาดฝัน ตอนนี้ถึงเวลาที่คุณจะต้องรวบรวมบุคลากรชั้นยอดของคุณมากำหนดกลยุทธ์การสืบ ทอดตำแหน่งได้แล้ว โดยเริ่ม จากการพิจารณาว่าตำแหน่งใดบ้างในบริษัทที่มีความสำคัญ แล้วทำการประเมินความสามารถพนักงานผู้ที่สามารถเข้ามารับตำแหน่งนั้นได้ใน อนาคต และต้องให้มั่นใจว่าแผนสืบทอดที่สร้างนี้จะต้องตอบสนองต่อความต้องการทั้ง ระยะสั้น และระยะยาวขององค์กร เพราะจะช่วยให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายของบริษัทในระยะยาวและโฟกัสไปที่การ เติบโตของพนักงานในบริษัทได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องเตรียมพร้อมเอาไว้สำหรับการคัดเลือกบุคลากรในตำแหน่ง สำคัญด้วย เพื่อที่บริษัทจะไม่ขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถพร้อมทำงานให้กับองค์กรของคุณ
และเมื่อคุณได้ตัดสินใจกำหนดกลยุทธ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาของการบริหารจัดการพนักงานระดับหัวกะทิโดยการพูดคุยกับพวกเขาเหล่า นั้นถึงเป้าหมายของพวกเขา และประเมินว่า ณ ขณะนี้พวกเขาอยู่ ณ ตำแหน่งใดของเส้นทางอาชีพของเขาในบริษัท จากนั้นให้โอกาสในการฝึกอบรมและการสอนงานที่จำเป็น เพื่อให้พวกเขาพร้อมสำหรับก้าวต่อไปในอนาคต เมื่อทำเช่นนี้แล้วพวกเขาก็จะพร้อมที่จะก้าวไปสู่บทบาทที่ใหญ่กว่าเดิมได้ เมื่อจำเป็น และธุรกิจของคุณก็พร้อมที่จะโปรโมทคนขึ้นมาจากบุคลากรภายใน แทนที่จะต้องไปสุ่มเสี่ยง เสียเงินทอง ในการเฟ้นหาบุคลากรจากภายนอกเข้ามาเมื่อตำแหน่งสำคัญๆ ในบริษัทของคุณว่างลง

ทบทวนและปรับปรุงโปรแกรมการฝึกอบรมของคุณ

หากบริษัทของคุณยังไม่มีโปรแกรมการฝึกอบรม ถึงเวลาแล้วที่องค์กรของคุณต้องสร้างโปรแกรมการฝึกอบรมบุคลากรของคุณ ถ้าคุณอยากจะได้บุคลากรชั้นยอดมาและรักษาพวกเขาไว้ คุณต้องรู้จักที่จะลงทุนกับพวกเขา และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมการฝึกอบรมที่ทรงประสิทธิภาพและแผนการพัฒนาบุคลากรจึงสำคัญในการที่จะนำพาบริษัทไปสู่ชั้นแนวหน้าของธุรกิจ

องค์กรที่มีโปรแกรมการฝึกอบรมที่ดีจะช่วยให้พวกพนักงานได้พัฒนาทักษะของพวกเขา และช่วยรักษาและพัฒนาพนักงานให้มีความสามารถสูงขึ้น ซึ่งจะนำธุรกิจไปสู่ความสำเร็จและคงความสามารถในการทำกำไรในระยะยาวได้ หากบริษัทขาดโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพพนักงานแล้ว พวกเขาอาจมีประสิทธิภาพในการทำงานด้อยกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ที่มีโปรแกรมการฝึกพัฒนาบุคลากร นอกจากนี้พวกเขาก็จะมีแนวโน้มที่จะรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่ผูกพันกับงานที่ทำซึ่งจะนำไปสู่อัตราการลาออกที่สูงขึ้น และคุณเองก็ไม่สามารถที่จะโปรโมทคนในองค์กรขึ้นรับตำแหน่งที่สูงกว่าได้ ถ้ามองภาพธุรกิจในระยะยาวแล้วจะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายต่อองค์กรมากกว่าการลงทุนไปกับการฝึกอบรมให้กับพนักงานที่คุณมีอยู่แล้ว

และหากคุณมีโปรแกรมการฝึกอบรมพนักงานอยู่แล้ว อาจต้องมีการตรวจสอบว่าโปรแกรมต่างๆ เหล่านี้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจของคุณและพนักงานของคุณหรือไม่ การสร้างหรือปรับปรุงโปรแกรมการฝึกอบรมนั้นอาจดูเป็นการสูญเสียทั้งเงินและเวลามาก แต่มันก็คือการลงทุนที่สำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของบริษัทคุณ

มุ่งหน้ารักษาสิ่งแวดล้อม

ไม่ว่าโดยส่วนตัวแล้วคุณมีความเห็นเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนอย่างไร แต่สำหรับลูกค้า ผู้บริโภค หรือแม้แต่ผู้ที่จะมาเป็นพนักงานในอนาคตของคุณแล้ว พวกเขาเริ่มสนใจในสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะอยากมาเป็นลูกค้าหรือเป็นพนักงานของบริษัทที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า โชคดีที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ในธุรกิจใดๆ คุณก็สามารถที่จะต่อสู้กับภาวะโลกร้อนได้ด้วยกันทั้งนั้น ด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างหรือขยายสายการผลิตของผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมการลดการใช้พลังงาน การลดปริมาณขยะ และการทบทวนระเบียบปฏิบัติของบริษัทเพื่อดูว่าจะต้องปรับปรุงในส่วนใดบ้าง แล้วทำการปรับปรุง ทั้งหมดนี่คือทางเลือกที่บริษัทสามารถทำเพื่อสร้างผลทางบวกต่อสิ่งแวดล้อมและตัวธุรกิจของคุณเองได้ การมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อสู้กับภาวะโลกร้อนเพียงเล็กน้อยก็มีสามารถทำได้เช่นกัน เช่น การจัดให้มีการรณรงค์รีไซเคิลขยะ หรือการลดจำนวนการพิมพ์เอกสารในแต่ละแผนก โดยเฉพาะการพิมพ์เอกสารสี ก็เป็นวิธีที่ดี ที่นอกจากจะสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กรของคุณ ยังสามารถช่วยปรับปรุงภาพลักษณ์ในเรื่องของการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมขององค์กรของคุณได้ และขอให้จำไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงบางอย่างอาจจะมีค่าใช้จ่าย แต่ในระยะยาวแล้วประโยชน์ที่บริษัทของคุณจะได้รับนั้นมันคุ้มค่าการลงทุน

สร้างองค์กรของคุณให้เป็นมิตรกับพนักงานทุกยุคสมัย

ทุกๆ องค์กรที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่พนักงานรุ่นเบบี้บูมเมอรส์กำลังเริ่มหดหายไป ทำให้หลายๆ องค์กรกำลังเผชิญกับภาวะสูญเสียความรู้ขนานใหญ่ ดังนั้นการปรับองค์กรของคุณเพื่อรองรับการทำงานของพนักงานต่างวัยจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง และในขณะที่คุณยังมีพนักงานรุ่นเบบี้บูมเมอรส์อยู่ ก็อย่าลืมให้พนักงานผู้มากประสบการณ์เหล่านี้แบ่งปันประสบการณ์แก่พนักงานรุ่นใหม่ให้ได้มากที่สุด

คุณควรสร้างแผนผู้สืบทอดและโปรแกรมพี่เลี้ยงที่จะให้พนักงานผู้มากประสบการณ์เหล่านี้ได้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่พนักงานรุ่นเยาว์กว่าด้วย นอกจากนี้ ควรพิจารณาเรื่องการนำพนักงานที่เกษียณไปแล้ว เข้ามาเป็นที่ปรึกษา หรือ พนักงานพาร์ทไทม์ที่มีตารางการทำงานแบบยืดหยุ่น มีตำแหน่งและรายได้ชัดเจน ทั้งนี้เพราะประสบการณ์ ความรู้ ทักษะความเป็นผู้นำ และจริยธรรมในการทำงานของพนักงานรุ่นเก่า สามารถเป็นอาวุธลับให้แก่ธุรกิจของคุณได้

เริ่มโปรแกรมนักศึกษาฝึกงาน

เหล่านักศึกษาเป็นแหล่งสรรหาบุคลากรที่มีทักษะความสามารถและเรี่ยวแรงในการทำงานให้กับบริษัทของคุณได้เป็นอย่างดี พวกเขามักจะมาพร้อมกับความรู้ ทักษะใหม่ และที่สำคัญคือพวกเขายังเป็น “ไม้อ่อน” ที่สามารถดัดให้เข้ากับองค์กรของคุณได้ง่าย ดังนั้นคุณจึงควรจัดให้มีโปรแกรมการฝึกงานที่จะดึงดูดใจพวกเขาเข้ามาที่บริษัทของคุณ พวกเขาจะได้ประสบการณ์ที่มีคุณค่า ในขณะเดียวกันคุณก็จะได้ประเมินศักยภาพของพวกเขา ได้พิจารณาว่าพวกเขานั้นเหมาะสมกับองค์กรของคุณในฐานะพนักงานประจำเมื่อพวกเขาสำเร็จการศึกษาหรือไม่อีกด้วย พนักงานที่ได้มีโอกาสเข้ามาฝึกงานในบริษัทก่อนที่จะเข้ามาทำงานประจำ จะมีความเป็นไปได้ที่สูงที่จะภักดีต่อองค์กร ... นี่คือสถานการณ์ที่มีแต่ได้กับได้ทั้งสองฝ่าย
สร้างแผนฟื้นฟูกรณีที่เกิดภาวะวิกฤติ

เชื่อว่าหลายๆ ธุรกิจได้เรียนรู้จากเหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยเมื่อปีกลายที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อพวกเราในหลายๆ ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติอันเกิดจากน้ำมือของมนุษย์หรือธรรมชาติ การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเรื่องที่ “ไม่คาดคิด” แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้นขอให้แน่ใจว่าบริษัทของคุณพร้อมที่จะรับมือกับทุกๆ เหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยการจัดให้มีแผนการฟื้นฟูในกรณีที่เกิดภาวะฉุกเฉิน

คุณสามารถเริ่มต้นจากการประเมินความเสี่ยงว่าบริษัทของคุณมีจุดเสี่ยงอยู่ที่ใดบ้าง จากนั้นจัดลำดับความสำคัญ และทำการร่างแผนการรับมือ เพื่อที่ว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง บริษัทจะได้มีสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจน มีวิธีปฏิบัติที่พร้อมรับมือไว้ นอกจากนี้คุณควรที่จะให้มีการซักซ้อมแผน และทำการฝึกอบรมให้ ความรู้แก่พนักงานด้วย เพราะหากพนักงานไม่ทราบถึงแผนงานเหล่านี้ เมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ ก็แทบจะไม่มีประโยชน์อันใดเลย

ผลักดันให้พนักงานของคุณคิดนอกกรอบ

ใครเป็นคนกำหนดว่าต้องเป็นคนที่ทำงานอยู่ในสายการตลาดจึงจะสามารถคิดเชิงสร้างสรรค์ได้? แน่นอนว่านี่เป็นสิ่ง ที่เขียนอยู่ในใบพรรณนาลักษณะงานของพวกเขา แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นพวกเขาเท่านั้นที่จะทำได้ คุณควรที่จะคิดนอกกรอบ และหาวิธีการใหม่ๆ ในการรับมือกับความท้าทาย เพราะมันจะช่วยคุณในหลายๆ ด้านของการทำธุรกิจ คุณควรกระตุ้นให้แผนกต่างๆ ได้มีการระดมสมองอย่างไม่เป็นทางการเพื่อแก้ปัญหาบ้าง การสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยที่จะเสนอแนะความเห็น ก็จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงแหล่งทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของคุณได้ นั่น ก็คือพนักงานนั่นเองทั้งนี้ เพราะว่าพวกเขาคือแนวหน้าที่จะเผชิญกับปัญหาต่างๆ ในสายงานที่พวกเขาทำอยู่ พวกเขาย่อมมีความรู้ ความเข้าใจในงานของพวกเขา และทราบว่าตรงจุดใดจะสามารถปรับปรุงพัฒนาขึ้นมาได้อย่างไรบ้าง และนี่ช่วยให้คุณสามารถค้นหาบุคลากรที่มีผลการปฏิบัติงานดีและเป็นผู้นำทางความคิดได้อีกด้วย

เสริมสร้างขวัญและกำลังใจของพนักงาน

คุณควรใช้เวลากับการขอบคุณพนักงานสำหรับความมุ่งมั่นในการทำงานของพวกเขา และให้มั่นใจว่าพวกเขาได้ตระหนักถึงคุณค่าของสิ่ง ที่พวกเขาได้มีส่วนร่วม รวมไปถึงผลจากความพยายามของพวกเขาที่มีต่อบริษัทด้วย เมื่อคนเรารับรู้ว่างานของพวกเขาได้รับการยอมรับ พวกเขาก็จะทุ่มเทให้มากขึ้นและมีความจงรักภักดีต่อบริษัทมากขึ้น ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับธุรกิจของคุณ

จำไว้ว่าต้องโฟกัสไปที่ด้านบวก

เมื่อคุณมองย้อนกลับไปที่ไตรมาสที่ 1 หรือปีที่ผ่านมา อย่าไปโฟกัสแค่เฉพาะว่าจะปรับปรุงบริษัทของคุณอย่างไรได้บ้าง แน่นอนว่าเรื่องการปรับปรุงนั้นสำคัญ แต่การประเมินผลการดำเนินงานที่ผ่านมาแบบองค์ รวมนั้นหมายความว่าคุณจะต้องนำทุกอย่างมาพิจารณา โดยเฉพาะสิ่งที่ทำได้อย่างถูกต้อง และจงภูมิใจกับความสำเร็จนั้น ดังนั้นคุณจึงควรโฟกัสไปที่ด้านบวก ไปที่สิ่งที่ดี และนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการทำสิ่งอื่นให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกในอนาคต
“องค์กรต่างๆ ในประเทศไทยที่มีผลประกอบการดี ไม่ว่าจะการเติบโตในยอดขาย หรือความสามารถในการทำกำไร อีกทั้งยังสามารถดึงดูดและรักษาพนักงานชั้นยอดเอาไว้ได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้อาจเกิดขึ้นเพราะพวกเขาให้ความสำคัญในการวางแผนว่าจะบรรลุเป้าหมายของธุรกิจที่ได้วางเอาไว้ได้อย่างไร เหล่าผู้บริหารบริษัทที่เก่งกาจ จะมีการวางกลยุทธ์ว่าองค์กรของพวกเขาควรดำเนินการไปในทิศทางไหน และมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจอย่างไร”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น