++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555

มีคนอยากรับโทษเรื่องการปล่อยข่าว ดช.ปลาบู่ -เด็กชายสุทัศน์ คำสี

วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕

เรื่อง ขอรับโทษจำคุกตาม พรบ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ ข้อที่ ๒ จำคุกระยะไม่เกิน ๕ ปี กรณีเผยแพร่ จดหมายนายทองใบ คำสี ,คลิปวิดีโอสารคดีตามรอยพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์และประวัติเด็กชายสุทัศน์ คำสี “ปลาบู่” แก่สาธารณชนทางอินเตอร์เน็ต

เจริญพร พ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทย เจ้าหน้าที่รัฐบาล ข้าราชการทุกหมู่เหล่า ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ท่านนายกอบจ. ท่านส.จ.จังหวัดตาก และผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล ที่รักทุกท่าน

เนื่องด้วย อาตมภาพ พระภิกษุกัมมัฏฐาน ปวตฺตโน เป็นผู้เผยแพร่จดหมายนายทองใบ คำสี ,คลิปวิดีโอสารคดีตามรอยพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์และประวัติเด็กชายสุทัศน์ คำสี “ปลาบู่” แก่สาธารณชน โดยมีเจตนาดังปรากฏตอนท้ายของคลิปวิดีโอคือเพื่อให้ข้อมูลที่สำคัญ แก่ผู้ที่ติดตามและรอคอย การลงมาจุติของพระศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์ และทีมงานของท่านตามพุทธพยากรณ์ เพื่อช่วยเหลือมนุษย์โลกยุคมหาภัยพิบัติ และเสริมสร้างเทิดทูนพระศาสนา ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณะโคดมในกึ่งพุทธกาล ให้เจริญไปตลอดห้าพันปี

ตลอดจนเพื่อเป็นการแจ้งเตือนภัยพิบัติ หลาย ๆ เหตุการณ์ที่ท่านได้เล่ากับผู้เป็นบิดาเอาไว้ ในสมัยอดีตชาติ ที่เกิดเป็นเด็กชายชื่อ "ปลาบู่" เพื่อให้พุทธศาสนิกชน ประชาชนชาวไทยและเพื่อนมนุษย์ ดำรงตนอยู่ด้วยความไม่ประมาท (เพื่อความตระหนัก ไม่ใช่เพื่อความตื่นตระหนก)

ก่อนทำการเผยแพร่ อาตมภาพได้ถามเน้นย้ำเพื่อความแน่ใจกับโยมทองใบ คำสี ถึงสามครั้ง เพราะเมื่อเผยแพร่ออกไปกระแสและผลกระทบ จะตีกลับมาแก่ผู้แจ้งเตือนอย่างมหาศาล แต่โยมทองใบ ตอบว่า “แน่ใจ เพราะทำตามหน้าที่ที่รับมาจากปลาบู่ และมีเจตนาที่ดีต่อเพื่อนมนุษย์ หากโดนจับ อยู่ที่ไหนก็สวดมนต์ได้” ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ที่น่ายกย่อง ที่ในการอุทิศชีวิตเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ อาตมภาพจึงดำเนินการช่วยเหลือเผยแพร่แก่สาธารณชนตามเจตนาของโยมทองใบ ที่ตั้งมั่นมา ๓๗ ปี

อย่างไรก็ตาม เมื่อทำการเผยแพร่แล้ว ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน ที่ถูกส่งต่อกันอย่างรวดเร็ว ทำให้สาธารณชนรับรู้กันเป็นวงกว้างทั้งจดหมาย และคลิปวิดีโอสารคดีทั้งสองตอน ถูกนำไปลงยังนิตยสาร หนังสือพิมพ์ และสื่อโทรทัศน์ช่องต่างๆ มีปฏิกิริยามากมายจากผู้คนในสังคมที่ได้รับรู้ ทั้งเชื่อและไม่เชื่อ สนับสนุนและตอบโต้ ฯลฯ

มีประชาชนที่เข้าใจเจตนาของปลาบู่ โยมทองใบ และผู้เผยแพร่ ได้ใช้วิจารณญาณในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือ พยานหลักฐานและข้อเท็จจริงในเรื่องราวดังกล่าว และนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตของตนเองและครอบครัว ในการเตรียมการรับมือกับมหาภัยพิบัติ ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในช่วงระยะนี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในด้านธรณีวิทยาและภูมิอากาศของโลก และเหตุปัจจัยอื่น ๆ ทั้งภายในและภายนอก ฯลฯ ซึ่งตรงกับเจตนาในการเผยแพร่ข้อมูลในครั้งนี้

การแจ้งเตือนเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งใหญ่เหตุการณ์ที่ ๔ ของเด็กชายสุทัศน์ คำสี หรือ “ปลาบู่” ได้ให้รหัสไว้คือ “ยามสอง คืนปีใหม่ แผ่นดินไหว คนไทยเมา” ในปีที่ ๓๘ นับจาก พ.ศ. ๒๕๑๗ ตรงกับพ.ศ.๒๕๕๕
โยมทองใบ คำสี ได้จดจำมา และตีความว่า เหตการณ์จะเกิดคืนปีใหม่ ปีใหม่ฝรั่ง “๓๑ ธ.ค. ๕๔” หรือ ปีใหม่ไทย “สงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๕๕” แต่เนื่องด้วย เป็นข้อมูลขั้นทุติยภูมิ ซึ่งคุณตาทองใบได้รับการบอกเล่ามาจากเด็กชายปลาบู่ อาจเกิดปัญหา จำคลาดเคลื่อนและตีความผิดพลาด แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เด็กชายปลาบู่ แจ้งมา ๓ เหตุการณ์แรก ก็มีประจักษ์พยาน ซึ่งเป็นชาวบ้านบ้านตามูล อ.สอยดาว จ.จันทบุรีหลาย ๆ ท่าน ที่ยืนยันว่าได้รับการบอกเล่ามาตั้งแต่เด็ก ๆ และพบว่า ๓ เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ

กรณีเหตุการณ์คืนวันที่ ๓๑ ธ.ค. ๕๔ – ๑ ม.ค. ๕๕หรือ คืนปีใหม่ ๒๕๕๕ ไม่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว เขื่อนสำคัญแตก ดังที่มีการรับรู้ของสาธารณชน นั้นถือว่าเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่มหาชน ไม่ต้องเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ และทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่มีสัมมาทิฏฐิ มีเวลาเพิ่มเติมในการเตรียมกาย เตรียมใจเตรียมการรับมือกับมหาภัยพิบัติครั้งใหญ่ ซึ่งศาสตร์ต่าง ๆ ไม่ว่า วิทยาศาสตร์ โหราศาสตร์ พุทธศาสตร์ จากครูบาอาจารย์และฆราวาสผู้มีอนาคตังสญาณ ทำนายตรงกันว่า จะเกิดมหาภัยพิบัติครั้งใหญ่ส่งผลต่อชีวิตและทรัพย์สินของทั่วโลกและประเทศไทย ในอนาคตอันใกล้นี้

กรณีไม่เกิดเหตุการณ์”แผ่นดินไหว เขื่อนสำคัญแตก” ตามข้อมูลของเด็กชายปลาบู่ ในคืนปีใหม่ฝรั่ง หรือ คืนปีใหม่ ๕๕ ที่ผ่านมา สามารถวิเคราะห์ได้เป็นกรณี คือ
กรณีที่ ๑ คำทำนายของเด็กชายปลาบู่ ไม่เป็นความจริง
กรณีที่ ๒ คำทำนายของเด็กชายปลาบู่ เป็นความจริง แต่เกิดในวันปีใหม่ไทย หรือ ช่วงระยะวันที่ ๑๒-๑๓-๑๔ เมษายน ๒๕๕๕ ดังที่คุณตาทองใบ คำสีตีความ
กรณีที่ ๓ คำทำนายของเด็กชายปลาบู่ เป็นความจริง แต่ตีความผิดพลาด เนื่องจากช่วงเกิดเหตุการณ์ในเวลา “ยามสอง” คือเวลา ๒๒.๐๐ – ๒๓.๕๙ น. ของวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ยังอยู่ใน พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นปีที่ ๓๗ ไม่ใช่ พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นปีที่ ๓๘
ถ้าให้ถูกต้องในเวลา “ยามสอง” หรือ ๒๒.๐๐ – ๒๓.๕๙ น. ของปีที่ ๓๘ หรือ พ.ศ. ๒๕๕๕ ต้องเป็นวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ แต่เป็น “คืนปีใหม่” พ.ศ.๒๕๕๖ หรือ พ.ศ. ๒๕๕๕ ปลายปี
กรณีที่ ๔ เนื่องจากมีข้อมูลที่เชื่อได้ว่า เหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติช่วงระยะเวลานี้ “มีความไม่เป็นธรรมชาติผสมโรงอยู่ด้วย โดยไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์”เพื่อทำลายล้างคนชั่ว ดังนั้น เมื่อมีการแจ้งเตือนในลักษณะระบุวันเวลาที่แน่ชัด ทำให้เกิดการเลื่อนหรือคลาดเคลื่อนของเหตุการณ์ออกไป เพราะเป็นที่รู้และเตรียมการป้องกันกันในวงกว้าง เปรียบเหมือน ตำรวจวางแผนจับตายผู้ร้ายโดยในสถานที่แห่งนั้น มีคนดีรวมอยู่ด้วย บุคคลผู้หนึ่ง ได้รับข้อมูลการวางแผนจับตายผู้ร้ายของตำรวจ เห็นว่าไม่ยุติธรรม จึงนำแผนการไปแจ้งแก่ ผู้ร้ายและคนดี ให้หลบออกไปก่อนในวันและเวลานั้น มีทั้งคนเชื่อ และไม่เชื่อ เตรียมการป้องกันและไม่เตรียมการป้องกันฯลฯ
ทางตำรวจก็ทราบเช่นกันว่า บุคคลนั้นนำแผนการจับตายที่วางไว้ไปบอกแก่ผู้ร้ายรู้กันไปทั่วแล้ว ขอถามว่าถ้าท่านเป็นตำรวจ วันเวลานั้นท่านจะไปดำเนินการตามแผนหรือไม่ ? และได้หมายหัวแก่ชายคนนั้นเอาไว้
เมื่อถึงวัน เวลาที่ระบุ ตำรวจไม่มา ทั้งคนร้ายและคนดี ก็กล่าวโทษชายคนนั้นว่า โกหก พูดไม่จริง ทำให้ตื่นตระหนก และเสียเวลา ตลอดจนมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น ฯลฯ
สรุป ชายคนนั้นโดนทังขึ้นทั้งล่อง ทั้งฝ่ายตำรวจและฝ่ายคนดีคนชั่ว ดังนั้นในกรณีที่เป็นเช่นนี้ คำทำนายของปลาบู่ ที่โยมทองใบเป็นคนบอกเล่า สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้จริง เพราะกระแสทำให้เกิดการตื่นตัว และเตรียมการป้องกันจากเหตุการณ์ภัยพิบัติตามคำทำนาย จนทำให้ “ความไม่เป็นธรรมชาติ” มีการเลื่อนเหตุการณ์ออกไป แต่คนภายนอกไม่ทราบว่าเหตุการณ์จริง ๆ เป็นอย่างไร และทางผู้แจ้งเตือนก็ต้องรับกรรมแทน ในฐานะเข้าไปแทรกแซงกรรมของผู้อื่น

กรณีนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ช่วงเดือนมิถุนายน ช่วงกลางปี ๕๔ ที่ผ่านมา เมื่อเหตุการณ์ถูกเลื่อนออกไป ผู้แจ้งเตือนก็ต้องรับกรรมแทน และทำตามสัญญาทุกประการ โดยกลับมารอให้เขามา “ยิงทิ้ง” ตามคำสัญญา ตั้งแต่วันที่ ๑๖-๑๗-๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๔ มารออยู่ ๓ วัน โดยมีมารดามาให้กำลังใจ เพราะท่านทราบดีว่า สิ่งที่เคยแจ้งเตือนออกไปก่อนหน้านั้นเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ รออยู่ ๓ วันก็ไม่มีใครมายิงทิ้ง วันที่ ๑๘ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาสงสาร จึงให้ออกมาจากที่นั่นก่อน และส่งคนไปรับให้ไปอยู่ที่ปลอดภัย
“วิถี” และ “หน้าที่” ทำให้ต้องมาดำเนินการให้พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ ในสมัยอดีตชาติที่เกิดเป็นเด็กชายปลาบู่อีกครั้ง โดยที่เหตุปัจจัยต่าง ๆ ทั้งตนเองและเรื่องราวต่าง ๆ ที่ปลาบู่ได้แจ้งบิดาไว้บางส่วนมาสอดคล้องกันจนเป็นที่น่าอัศจรรย์ ดังนั้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเป็น “ทัพหน้า”ดำเนินการเรื่องราวของเด็กชายปลาบู่และโยมทองใบ คำสี อีกครั้ง โดยเรื่องราวทั้งหมดก็เป็นความจริงที่ไม่ได้ กุเรื่องราว หรือเสริมสรรค์ปั้นแต่งขึ้น โดยข้อมูลมาจากข้อมูลและข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ของปลาบู่ที่ให้คุณตาทองใบ เป็น “ทูต” หรือเป็น “สื่อ” ให้นำเรื่องราวไปแจ้งแก่รัฐบาลและประชาชน รับรู้และแก้ไขปัญหา เขื่อนแตกเขื่อนพังเพราะแรงแผ่นดินไหวขั้นรุนแรง ในปีที่ ๓๘ หรือ พ.ศ. ๒๕๕๕
ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง แก่พ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทย รัฐบาล ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ผอ.เขื่อนภูมิพล รวมถึงสื่อมวลชนทุกท่าน ที่เรื่องราวที่เผยแพร่ออกไปมีผลกระทบทางอ้อม คือสร้างความตื่นตระหนก และผลกระทบในด้านอื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่เจตนาของการเผยแพร่เลย แต่เปรียบเหมือนดาบสองคม ถ้าคนที่รับรู้แล้วนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัวและผู้อื่น แต่ถ้านำไปใช้ไม่เป็นก็จะเกิดโทษต่อตนเองและผู้อื่นเช่นเดียวกัน

แต่ขณะเดียวกัน เรื่องราวของปลาบู่ ก็ได้เกิดกระแสที่เป็นประโยชน์ให้ผู้คนเกิดการตื่นตัว และเตรียมการป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติกันมากขึ้น มีการศึกษาจากศาสตร์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยา โหราศาสตร์ พุทธศาสตร์ รวมถึงอนาคตังสญาณของครูบาอาจารย์และฆราวาสผู้มีอภิญญาญาณ รวมถึงนักวิชาการผู้ดำเนินการติดทองหลังพระหลาย ๆ ท่าน ที่ทำนายหรือกล่าวตรงกันว่า ช่วงระยะเวลาที่จะถึงนี้ จะเกิดภัยพิบัติธรรมชาติครั้งรุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก และมีนักวิชาการของต่างประเทศแนะนำให้ประเทศไทยย้ายเมืองหลวงใหม่ เพราะหวั่นเกรงว่าในระยะ ๒-๑๐ ปี ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ดังนั้น ประชาชนชาวไทย รัฐบาลข้าราชและเจ้าหน้าที่รัฐทุกท่าน ควรตระหนักและพิจารณาถึงความ
สำคัญในการเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติใหญ่ ที่ตามข้อมูลจากศาสตร์ ต่าง ๆ ยืนยันตรงกัน การ
เตรียมการป้องกันไว้ก่อน ไม่เสียหาย เพราะเหตุการภัยพิบัติธรรมชาติบางอย่างถ้าเกิดแล้วจริง ๆ จะเตรียมการรับมือไม่ทัน เช่น แผ่นดินไหว เป็นต้น ยกตัวอย่างกรณี ในภาคเหนือ ภาคอีสาน บางพื้นที่ จะพบว่าชาวญี่ปุ่นเขามาซื้อที่ในประเทศไทย ปลูกบ้านอยู่กันเป็นหมู่บ้าน ดำรงชีวิตกันแบบง่าย ๆ พอเพียง ท่านคิดว่าพวกเขาทำเพราะอะไร ?!?

ถ้าอาตมภาพไม่ดำเนินการเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต เรื่องราวของโยมทองใบ คำสี ก็ไม่ส่งผลกระทบสู่สาธารณชนดังที่เกิดขึ้น อีกทั้งคุณตาทองใบ ก็ได้ทำหน้าที่เป็น ทูต หรือ สื่อ ให้กับบุตรชาย คือ เด็กชายปลาบู่ โดยเกิดจากความรักความเชื่อและศรัทธา ของเรื่องราวต่าง ๆ ที่ปลาบู่เล่ามาซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงโดยมีประจักษ์พยานบุคคลชาวบ้านในละแวกนั้นที่ยืนยันว่าได้รับฟังมาตั้งแต่เด็ก ๆ และเหตุการณ์ที่ปลาบู่แจ้งมาก็เกิดขึ้นจริงมา ๓ เหตุการณ์แล้ว

ในครั้งนี้ ด้วยความเมตตาสงสารในชะตากรรมของเพื่อนมนุษย์ โดยมีเจตนาเพื่อปกป้องทรัพย์สิน ของ
เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยเฉพาะชาวอำเภอสามเงา จังหวัดตาก ซึ่งมีเวลาไม่กี่นาทีในการดำเนินการเมื่อเขื่อนภูมิพลแตก จึงเสี่ยงบอกออกไป โดยที่รู้อยู่แล้วว่าเมื่อแจ้งออกไปแล้วจะเกิดผลเสียหายต่อตนเองมากมายเพียงใดก็ตาม แต่ก็ถือว่า การกระทำของเราไม่ได้ไปยีดสนามบิน หรือเผาบ้านเผาเมืองใคร แต่เจตนาเพื่อ"ช่วย" ชีวิตและทรัพย์สินของเพื่อนมนุษย์เหล่านั้น ถ้าคำทำนายเกิดขึ้นจริง ๆ ดังนั้น จึงขอให้เพื่อนมนุษย์ทุกท่านเข้าใจในสถานการณ์ของผู้แจ้งเตือนด้วย

ดังนั้น อาตมภาพจึงขอรับโทษตาม พรบ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ ข้อที่ ๒ จำคุกระยะไม่เกิน ๕ ปี กรณีเผยแพร่ จดหมายนายทองใบ คำสี ,คลิปวิดีโอสารคดีตามรอยพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์และประวัติเด็กชายสุทัศน์ คำสี “ปลาบู่” แก่สาธารณชนทางอินเตอร์เน็ต เพื่อเป็นการรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากเหตุการณ์ในคืนวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ หรือคืนปีใหม่ ๒๕๕๕ ไม่เกิดขึ้น และสร้างความตระหนกแก่พี่น้องประชาชน ตลอดจนส่งผลกระทบต่อรัฐบาล เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ และผอ.เขื่อนภูมิพลเป็นต้น

แต่เนื่องจาก ตามเจตนาของการเผยแพร่ ข้อมูลทั้งหมด เป็นข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และไม่ได้มีเจตนาก่อให้เกิดความตระหนกแก่ประชาชน ตามที่ปรากฏหลักฐานอยู่ตอนท้ายของคลิปสารคดีทั้งสองตอน ข้างต้น จึงถือว่า ไม่ได้มีความผิดตาม พรบ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ ข้อที่ ๒ แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบของอาตมภาพต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทย ตลอดจน เจ้าหน้าที่รัฐบาล ข้าราชการ และผอ.เขื่อนภูมิพลเป็นต้น และเป็นผู้ขอรับโทษทางอาญาเอง โดยยังไม่มีหน่วยงานราชการและประชาชน ผู้ใดมาฟ้องร้องดำเนินคดี ดังนั้นอาตมภาพ จึงขอเงื่อนไข ๔ ประการ ขณะรับโทษจำคุก ดังนี้

๑.ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว โยมทองใบ คำสี ผู้เล่าเรื่องราวของปลาบู่ และผู้เผยแพร่ ส่งต่อในสื่อต่าง ๆ รวมถึงสื่อสารมวลชนทุกแขนงไม่ว่าจะเป็น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร โทรทัศน์ ไม่ต้องรับโทษใด ๆ ทั้งสิ้น

๒.เนื่องจากตาม “เจตนา” อาตมภาพยังไม่ขาดจากสภาพความเป็นภิกษุ คือไม่ปราชิก ดังนั้นจึงขอดำรงเพศเป็นภิกษุอันเป็นที่รักและหวงแหน ตลอดช่วงขอรับโทษจำคุก
๓.เนื่องจาก สมณะเพศ ต้องบิณฑบาตเลี้ยงชีพ ดังนั้นจึง ขอออกมาบิณฑบาตช่วงระยะเวลา ๐๖.๐๐ – ๐๗.๐๐ น. ของทุกวัน โดยไม่มีการหลบหนี
๔.หากยังไม่ครบกำหนดการขอรับโทษจำคุก เมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งใหญ่ตามข้อมูลของปลาบู่ขึ้น โดยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง เขื่อนภูมิพลแตก และมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อาตมภาพขอรับการปล่อยตัวเพื่อออกมาทำหน้าที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ปกปักรักษาพระพุทธศาสนาในยุคมหาภัยพิบัติตามที่ตั้งจิตอธิษฐานไว้ต่อไป

หากพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่าน ตลอดจนเจ้าหน้าที่รัฐบาล ข้าราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกคน ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ท่านนายกอบจ.จังหวัดตาก ท่านส.จ.จังหวัดตาก และท่านผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพลให้อภัยและอนุญาติการขอรับโทษจำคุก ตามพรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ ข้อ ๒ จำคุกระยะไม่เกิน ๕ ปี โดยไม่มีผู้ใดขัดแย้ง อาตมภาพจะติดต่อขอรับโทษจำคุก ณ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๓.๐๐ น. โดยไม่ต้องตั้งทนาย ขึ้นศาล ยื่นอุทรณ์ ให้สัมภาษณ์และตอบคำถามใด ๆ ทั้งสิ้น "กล้าทำ กล้ารับ"

จึงแจ้งมาเพื่อทราบ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการพิจารณาจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รัก
ทุกท่าน และขอขมาต่อคุณพระศรีรัตนตรัย คณะสงฆ์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ พระเถรานุเถระ เพื่อนสหธรรมิกทุกท่าน ตลอดจนพ่อแม่พี่น้องชาวไทยทุกคนในผลกระทบอันเกิดจากการกระทำของอาตมภาพ มา ณ โอกาสนี้ด้วย

ขอเจริญพร

กัมมัฏฐาน ปวตฺตโน
( พระกัมมัฎฐาน ปวตฺตโน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น