สวัสดีปีใหม่ครับทุกท่าน
ปีพุทธศักราชใหม่นี้
ถ้าอ่านออกเสียงภาษาไทยก็ถือว่าเป็นมงคลใหญ่
คือ "สองฮ่าๆๆ" ฟังเหมือนชาวพุทธจะได้หัวเราะเป็นสองเท่า
ซึ่งก็คงไม่ใช่มีเรื่องมาให้หัวเราะจนกรามค้างกันทั้งปีนะครับ
แต่ประมาณว่าน่าจะมีเหตุทำให้ร่าเริงกันมากขึ้น
ไม่ใช่เอาแต่กระหน่ำให้หน้าดำหน้าแดงท่าเดียว
ถ้าคิดถึงปี ๒๕๕๔ ที่กำลังจะผ่านไป
ปี ๒๕๕๕ ก็นับเป็นปีใหม่
แต่ปีใหม่จะให้รู้สึกใหม่ได้อย่างไร
ถ้าใจยังเก่า ทำอะไรแบบเก่าๆ
ไม่ต่างจากปี ๒๕๕๔ ๒๕๕๓ ๒๕๕๑
แต่ช่วงท้ายปี ๒๕๕๔ นี้นะครับ
ถือว่ามีสัญญาณของความเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณมวลรวม
นั่นคือความเบื่อหน่าย
อย่าคิดว่าความเบื่อหน่ายมีแต่แง่เสีย
เพราะบางความเบื่อหน่าย
อาจเป็นสัญญาณบอกถึงความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
มาลองทำตัวเป็นนักพยากรณ์ใจกันดู
นักพยากรณ์ใจคือคนธรรมดาคนหนึ่ง อย่างคุณอย่างผม
ที่ไม่รู้อะไรมากไปกว่าการสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว
กับจิตวิญญาณของคนรอบตัวในสเกลเล็ก
และแนวโน้มจะเกิดอะไรขึ้นอีก กับจิตวิญญาณในสเกลใหญ่
นักพยากรณ์อื่นๆอาจเห็นตัวเองมองลงมาจากอากาศเบื้องสูง
หรือเห็นตัวเองเป็นผู้รู้ ผู้สังเกตการณ์ เป็นเอกเทศจากคนอื่น
แต่นักพยากรณ์ใจจะอยู่ติดดินร่วมกับทุกคน
เพื่อรับรู้ร่วมกับทุกคนว่ากำลังเกิดแนวโน้มทางใจแบบไหนขึ้นมา
อาศัยความจริงขั้นพื้นฐานที่ิวิทยาศาสตร์ยอมรับ
นั่นคือ ร่างกายกับจิตใจของพวกเรา
ต่างก็มีระบบอัตโนมัติที่จะสนองตอบต่อสิ่งแวดล้อม
กายใจของเราสนองตอบอย่างไร
ก็น่าสันนิษฐานว่ากายใจของคนอื่นควรสนองตอบเช่นนั้นด้วย
ยกตัวอย่างที่คุ้นเคยกันนะครับ
พออากาศร้อนหน่อยเหงื่อจะออก
นั่นเพราะร่างกายต้องการระบายความร้อนให้ระเหยออกมา
แต่ถ้าอากาศหนาวมากก็จะเกิดอาการขนลุกหรือสั่นสะท้าน
นั่นเพราะร่างกายต้องการป้องกันการสูญเสียความร้อน เป็นต้น
นอกจากอากาศร้อนหนาวของโลก
ยังมีสภาพอื่นๆของโลกที่มีอิทธิพลกับเราอีก แต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้เท่าไหร่
เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางเช้าคุณกับคนรอบตัวหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกัน
ขณะที่บางเช้าอยากยิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย
ทั้งที่เพิ่งตื่นเช้า ยังไม่มีเรื่องดีร้ายอันใดเป็นพิเศษมากระทบ
ราวกับมีพลังลึกลับคอยบงการคนหมู่มากให้แจ่มใสหรือหดหู่ได้ฉะนั้น
ถึงปัจจุบันที่วิทยาศาสตร์ค้นพบพลังลึกลับบางส่วนได้
ซึ่งก็ได้แก่ "คลื่นแม่เหล็กโลก"
เขารู้กันอย่างชัดเจนพอสมควรว่าคลื่นแม่เหล็กโลกมีผลกระทบกับคลื่นสมอง
ถ้าเราสร้างคลื่นความถี่แม่เหล็กโลกแบบหนึ่งแล้วปล่อยออกมาใส่คน
ก็สามารถทำให้คลื่นสมองมีความถี่ต่ำลง
ช่วยให้ผ่อนคลาย รู้สึกสงบปลอดโปร่งได้
โดยไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิหรือทำใจปล่อยวางใดๆ
นั่นหมายความว่าในวันร้ายคืนร้าย
หากอยู่ในวันเวลาและสถานที่ที่คลื่นแม่เหล็กโลกก่อความปั่นป่วนให้กับคลื่นสมอง
คุณก็อาจหงุดหงิดง่าย ตั้งสมาธิยาก แม้จะเคยใจเย็นเป็นสมาธิง่ายมาก่อน
ยังมีคลื่นอะไรอีกอย่างหนึ่งที่ละเอียดกว่าคลื่นแม่เหล็กโลก
คลื่นที่ว่านั้นก็คือ "คลื่นกรรมรวม" ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกว่า
ที่ที่เราอยู่เป็นเมืองมนุษย์หรือเมืองอะไร
ถ้าคลื่นกรรมรวมมีความสว่างมาก
ก็ก่อให้เกิดความเบาสบายเหมือนเมืองเทพ
ถ้าคลื่นกรรมรวมมีความมืดหม่น
ก็ก่อให้เกิดความอึดอัดขัดใจเหมือนเมืองเดรัจฉาน
แต่ในห้วงเวลาขึ้นปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕ นี้
มีคลื่นชนิดพิเศษเพิ่มเข้ามาเป็นตัวแถมเฉพาะกิจด้วยครับ
ไม่ทราบจะเรียกอะไร ก็ขอเรียกว่าเป็น "คลื่นปฏิรูป" ไปพลางๆ
คลื่นปฏิรูปนี้เกิดจากการที่อะไรๆในโลกดำเนินไปตามทิศหนึ่ง
จนกระทั่งสุดทาง เกิดความอิ่มตัว มีแรงเค้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ระบบอัตโนมัติในกายใจจะทำให้คุณรู้สึกถึงคลื่นความเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ได้
เหมือนอะไรๆที่เคยเป็นปกติ มันผิดปกติ หรือผิดที่ผิดทาง
โดยเฉพาะในแง่ของการใช้ชีวิตอย่างที่เป็นๆอยู่
"คลื่นปฏิรูป" มีผลกระทบในทางจิตวิญญาณอย่างใหญ่หลวง
เช่น ไม่ทราบจะทำอะไรอย่างที่ทำๆอยู่ไปเพื่ออะไร
จะเที่ยวเล่น จะหาเงิน จะเพ่งโทษให้ร้ายใคร
มันเหมือนสูญเปล่า ไม่มีรางวัลที่จับต้องได้รออยู่เลย
ลองมาดูตัวอย่างของการ "ซาวเสียง" กันที่
http://on.fb.me/ttAQCv
ถ้าความรู้สึกมวลรวมตรงกับความรู้สึกของคุณ
ก็แปลว่าใจคุณเองเป็นเครื่องพยากรณ์ใจใน พ.ศ. หน้าได้
และบอกได้คร่าวๆครับว่าถ้าหันหน้าเข้าหาธรรมะไม่ทัน
คนยุคต่อไปจะเป็นทุกข์ทางใจกันมากขึ้น
เบื่อหน่ายกับเส้นทางชีวิตแบบเดิมๆกันหนักขึ้น
เปรียบเหมือนเดินทางไปกลางทะเลทรายโดยไม่เตรียมน้ำไว้ก่อน
ต้องหิวแบบขาดใจตายกันแน่นอน
มนุษย์เราหิวปีติ หิวความชุ่มชื่น หิวความสว่างเย็นทางจิตวิญญาณกันทั้งนั้น
อาหารที่ทำให้อิ่มเอมเปรมใจได้ไม่ใช่อะไรอื่นมากไปกว่าการรู้จักให้เปล่า
การรู้จักห้ามใจไม่เอาบาปกรรมเข้าตัว
ตลอดจนการเจริญสติ อภัยเป็น ถอนความเห็นแก่ตัวได้
และรู้ทันว่าความจริงไม่มีอะไรมากกว่าการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
หากปีใหม่นี้รู้สึกว่าได้เวลาของคุณแล้ว
ถึงตาคุณอยากเอาดี เอาจริง เอาความสว่างอย่างพุทธเสียที
ก็คงไม่ใช่อุปาทานอย่างแน่นอนครับ นี่แหละของจริง
ถึงเวลาของความใหม่จริงทางใจเสียที
ปี "สองฮ่าๆๆ" จะไม่ใช่แค่การเริ่มต้นของพรที่สักแต่ผ่านมาแล้วผ่านไป
แต่มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับคนที่ไหวตัวทัน
หันมานับถือพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ทัน
และนั่นจะเป็นพรปีใหม่ที่ดีที่สุด
ที่คุณจะมีให้กับตนเองได้อย่างไม่มีอะไรในชีวิตเสมอเหมือน!
ดังตฤณ
ธันวาคม ๕๔
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น