++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

"มหกรรมเด็กไทยเรียนรู้ภัยพิบัติ” หวนรำลึกครบรอบ 7 ปี"สึนามิไทย"

"มหกรรมเด็กไทยเรียนรู้ภัยพิบัติ” หวนรำลึกครบรอบ 7 ปี"สึนามิไทย"

ก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 แล้ว หลังจากได้เกิด "คลื่นสึนามิ" ครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ก่อให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนเป็นจำนวนมากใน 6 จังหวัดภาคใต้ที่มีพื้นที่อยู่ติดกับชายฝั่งทะเลอันดามัน คือ ภูเก็ต พังงา ระนอง กระบี่ ตรัง และสตูล โดยเฉพาะที่จังหวัดพังงา กระบี่ และภูเก็ต มีการสูญเสียมากที่สุด เนื่องจากเป็นพิบัติภัยทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว โดยไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน จึงไม่ได้มีการระมัดระวังและป้องกันไว้ล่วงหน้า

ซึ่งในปีนี้ สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เทศบาลเมืองป่าตอง มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จัดงานมหกรรม "เด็กไทยเรียนรู้ภัยพิบัติ" เพื่อให้ความรู้เรื่องภัยสึนามิแก่เด็ก เยาวชน รวมทั้งประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยในการเฝ้าระวังเพื่อเตรียมความพร้อมก่อน ระหว่าง และหลังการเกิดภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ

ดร.สมิทธ ธรรมสาโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า การเรียนรู้ในปัจจุบันควรบรรจุการเรียนการสอนภัยพิบัติไว้ในหลักสูตร ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสึนามิ ดินถล่ม ไฟป่า น้ำท่วม ซึ่งจะทำให้เด็กและเยาวชนเกิดองค์ความรู้ ได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง และร่วมเรียนรู้ภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ของตน ถือเป็นประโยชน์ในการเตรียมความพร้อมเฝ้าระวัง นอกจากนั้นยังต้องมีการจัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ และนวัตกรรมจากที่ต่างๆ ซึ่งถือเป็นการส่งความรู้จากในห้องเรียนสู่นอกห้องเรียน ให้เด็กเยาวชนในพื้นที่ต่างๆ ได้เรียนรู้ร่วมกันอย่างแท้จริง

"การเผยแพร่และส่งต่อองค์ความรู้เหล่านี้ไปยังเยาวชน จะเกิดผลมากที่สุด เพราะเด็กๆ ถือเป็นการสื่อสารบุคคลที่ทรงประสิทธิภาพ ทั้งยังมีการเรียนรู้และการจดจำ พวกเขาจะรู้ว่าสึนามิคืออะไร หรือแม้กระทั่งรู้ว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติมีอะไรบ้าง ควรเตรียมพร้อมในการรับมืออย่างไร นอกจากนั้นการสอนเด็กๆในเรื่องเหล่านี้ เขาจะมีการเล่า และบอกต่อให้กับเพื่อน พ่อแม่ ผู้ปกครอง ช่วยให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น คนในพื้นที่ก็จะมีการเตรียมตัวเพื่อตั้งรับแทนที่จะแตกตื่น ช่วยให้ลดความเสียหายของชีวิตและทรัพย์สินที่จะเกิดจากภัยพิบัติในอนาคตอีกด้วย" ดร.สมิทธกล่าว
"แป้ง” นางสาวสุมลทิพย์ ผลเงาะ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เยาวชนชาวจังหวัดกระบี่ที่มีโอกาสเข้าร่วมงานครั้งนี้ เผยว่าถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงปีที่ 7 แต่ความทรงจำของทุกคนยังคงรำลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นเสมอ และเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง

"ตอนแรกที่ทราบข่าวว่ามีแผ่นดินไหวก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน ถึงแม้บ้านเราจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง แต่ทุกคนก็เป็นกังวลเพราะห่วงว่าอาจจะมีญาติพี่น้องที่เดินทางไปทำงานในเขตพื้นที่ต่างๆ ริมชายฝั่งจะได้รับอันตราย แต่พอหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปและทราบว่าเราไม่ได้รับผลกระทบหรือความเสียหายใดๆ ก็ไม่ได้รู้สึกดีใจขึ้นมาสักนิดเดียว เพราะสิ่งที่มันเกิดขึ้นตรงหน้าในตอนนั้นคือ ผู้คนมากมายที่ต้องล้มตายโดยที่ไม่มีเหตุผลให้พวกเขาต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์เหล่านั้น”

เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมสถาบัน อย่าง "กิ๊ฟ” นางสาวกฤศฎาภา ช่อสม เผยถึงความรู้สึกต่อการรำลึกถึงเหยื่อสึนามิด้วยว่า รู้สึกดีใจที่ทุกคนยังให้ความสำคัญกับการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ถึงแม้บางคนอาจจะมองว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรื้อฟื้นการสูญเสียในครั้งนั้น แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่เชื่อว่าการจัดงานหรือจัดกิจกรรมเพื่อแสดงออกถึงการรำลึกนั้น ถือเป็นการย้ำเตือน ให้ทุกคนตั้งสติอยู่เสมอ ว่าไม่มีใครล่วงรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า

"เคยได้ยินคำที่มีคนพูดไว้ว่า คนไทยลืมง่าย วันนี้ก็เลยรู้สึกดีใจที่ได้เห็นกับตาตัวเองว่าคำพูดเหล่านั้นไม่เป็นความจริง เพราะทุกๆปีที่มีการจัดงานรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากสึนามินั้น ก็จะมีทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติมาร่วมเป็นจำนวนมากเสมอ และในปีนี้นับเป็นปีที่ 7 ของการเกิดเหตุการณ์แต่ความทรงจำก็ยังไม่เคยเลือนหายไปจากคนไทยเลย"

นอกจากนี้ แป้ง และ กิ๊ฟ ได้ร่วมนำศิลปะวัฒนธรรมของชาวภาคใต้ มาแสดงออกในการร่วมรำลึกถึงเหยื่อสึนามิ ครั้งนี้ มาเผยแพร่ให้คนที่ไม่เคยรู้จักได้เห็น ได้แสดงออกถึงความเป็นไทยให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับชม ก็หวังว่าจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับประเทศไทย และชักชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้นเหมือนเคย และหวังว่าเวลาที่ผ่านไป จะช่วยให้สภาพแวดล้อมในบริเวณต่างๆที่ได้รับความเสียหายจากสึนามิ ดีขึ้นเรื่อยๆ และสวยงามยิ่งกว่าเดิม ที่สำคัญขออย่าให้มีเหตุการณ์เช่นในครั้งนั้นเกิดขึ้นอีกเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น