++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

ผีเข้า

ผีเข้า


ในโลกที่เต็มไปด้วยไฮเทคโนโลยี่ที่พวกผู้คนทั้งหลายแทบจะเนรมิตสิ่งต่างๆได้เพียงแค่กดปุ่มหรือคลิ๊กเดียวเท่านั้นก็จะได้สิ่งที่ต้องการ แม้กระทั่งการปรุงอาหารให้เสร็จในลัดมือเดียวด้วยไมโครเว๊ฟ
แต่แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าสังคมไทยยังเต็มไปด้วยการถือฤกษ์ถือยาม ถือผี ถือเจ้า เทพเทวา โชค เครื่องลางของขลัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประเพณีโบราณที่ยึดถือกันมา และปฎิบัติกันมาอย่างขาดเหตุผล
แม้กระทั่งการยึดเหตุผลของกู จนเดือดร้อนกันไปทั่วทุกหย่อมหญ้ามานานหลายปี คนที่เดือดร้อนเพราะเรื่องเหล่านี้จะเข้าใจกันโดยไม่ต้องบอก เพียงแค่สบตาก็รู้ และหากขืนพูดอะไรออกไป ต้องฟังกันยาว...ยาว
การทรงเจ้าเข้าผี อยู่กับสังคมไทยมานานแสนนาน แม้กระทั่งทุกวันนี้ยังทำกันอย่างเปิดเผยอลังการณ์ ใครที่เคยไปตำหนักทรงแต่ละแห่ง จะรู้ว่ามันยิ่งใหญ่แค่ไหน...จริงๆ
เพราะความเชื่อของคนเราที่ขาดหลักยึด และจิตใจอ่อนไหว รวมทั้งขาดการรู้ความจริง
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่คนงานร้านขายอาหารข้างบ้านของผม อยู่ๆก็ล้มหงายตึงกับพื้นซีเมนต์ พอลุกขึ้นมาได้ก็พูดในสิ่งที่ใครๆก็ฟังไม่รู้เรื่องด้วยเสียงดังสนั่น แล้วก็อาละวาด จากนั้นก็ล้มหงายตึงอีกครั้ง ฟื้นขึ้นมาพออาการดีขึ้นก็แสดงท่าทีงงๆกับสิ่งที่ตัวเองทำไป เพราะไม่รู้เรื่อง เรื่องนี้อาจจะเบลอๆไปหน่อย ( ถ้าไปพบแพทย์ก็คงวินิจฉัยกันว่าเป็นโรคจิตประสาทป่วยหรือเครียดจัดไป )
อีกครั้งหนึ่งน้องสาวภรรยาของผม เธอไปซื้อของที่ตลาด แล้วไปเจอร่างทรงคนหนึ่งผู้ซึ่งทำงานธนาคารเป็นถึงผู้ช่วยผู้จัดการสาขา ก็นั่งคุยกันอยู่นานอย่างสนุกสนานด้วยภาษาแขก ( คนฟังเล่าให้ฟังอีกทอดหนึ่ง )ภาษาที่คนอื่นฟังไม่รู้เรื่องนอกจากพวกเธอสองคน จากนั้นก็นอนหลับไป จนต้องให้พี่ชายไปรับกลับบ้าน และตื่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวในสิ่งที่ตนเองทำไป
ที่วัดมหาธาตุยุวราชร์รังสฤษฏิ์ราชวรมหาวิหาร ท่าพระจันทร์ วันนั้นผมไปเดินเล่นกับเพื่อนสนิทคือคุณเม้าตาอิน ( หาอ่านบทความของท่านได้จากเว็บพลังจิตในนาม MOUNTAIN ) แล้วก็เดินเข้าไปในวัด เห็นมีการทรงเจ้าอยู่
พวกเราก็เลยเดินเข้าไปดูจึงทราบว่าเป็นร่างทรงหลวงพ่อเสือ
ผมและเพื่อนยืนดูอยู่ที่หน้าประตูห้องที่มีการทรงเจ้า ระยะห่างจากร่างทรงไม่มาก ร่างฯกำลังนำตะเกียบข้างหนึ่ง แทงลูกส้มเขียวหวานจากข้างล่าง ทะลุข้างบน แล้วมีพระสมเด็จทำด้วยพลาสติคออกมาจากส้มผลนั้น เป็นพระสมเด็จองค์ละสี แล้วนำมาแจกจ่ายให้แก่ลูกศิษย์และผู้ที่มาเฝ้าดู
ในขณะนั้นเองผมนึกในใจว่าแน่จริง แทงพระสมเด็จสีม่วงมาให้องค์หนึ่งสิ ไม่ทันจางจากความคิด ร่างฯก็แทงพระสมเด็จออกมาจากส้มเขียวหวาน แล้วบอกให้ลูกศิษย์ที่นั่งฟังอยู่ช่วยส่งต่อพระสมเด็จสีม่วงมาให้ผมโดยเจาะจง
ในตอนนั้นผมอออกจะงงๆและอึ้ง แต่ไม่ได้ติดตามต่อเนื่องอะไร เพราะเชื่อว่าไม่ได้มีอะไรที่จำเป็นกับชีวิตนัก มีแต่คุณเม้าตาอินท่านติดตามต่อจนเลยไปถึงเรื่องของท่านสัตยา ไสบาบา นักบุญชื่อก้องที่ประเทศอินเดีย ซึ่งมีผู้รู้หลายท่านในเมืองไทย ไปเฝ้าท่านไสบาบา แล้วนำมาเล่าสู่กันฟังในบทความของหนังสือพิมพ์
มีท่านผู้รู้ท่านหนึ่งที่ท่านผู้อ่านน่าจะรู้จักกันดีเพราะท่านเป็นนักเขียนชื่อดัง อีกทั้งยังเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ธรรมศาสตร์ ลูกศิษย์ลูกหามากมาย และท่านยังเป็นนักเศรษฐศาสตร์ไทยคนแรกที่พูดถึงฟองสบู่แตกในเมืองไทยก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้น ด้วยความรู้ความสามารถของท่านเมื่อประมาณสิบสี่ปีก่อน ที่เรียกกันว่า"ต้มยำกุ้งไคร์ซิส"ก็เป็นคนผู้หนึ่งที่ติดตามดูท่านสัตยา ไสบาบา
อีกครั้งหนึ่งมีหญิงสาวกลางคนอายุประมาณห้าสิบกว่าปี มีลูกชายที่เป็นหนุ่มแล้ว พาเธอมาพบจิตแพทย์ที่โรงหมอ เธอมาด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวอย่างมาก ปากก็พร่ำด่าว่าสามีอย่างจะเอาเป็นเอาตาย
แล้วก็เกิดเรื่องนึกไม่ถึงขึ้น เพราะเธอเอาถุงขนมพลาสติคที่อยู่ในมือ( ภายหลังที่กินขนมหมดแล้ว) ฉีกเป็นชิ้นๆแล้วยัดใส่ปากกลืนลงคอได้อย่างแทบไม่น่าเชื่อ จิตแพทย์ท่านต้องรีบมาดูแล้วให้ส่งต่อไปให้แพทย์ท่านอื่นเอาสิ่งแปลกปลอมนั้นออกจากตัวของเธอโดยด่วน
นอกจากนี้แล้วยังมีท่านผู้อ่านและท่านที่นับถือเป็นโรคประสาทป่วย ที่จิตแพทย์ท่านสันนิษฐานว่าเกิดจากเคมีในสมองบางอย่างมันหายไปหรือไม่สมดุล แก้ไขได้โดยต้องกินยาทางจิตเวช เพื่อให้ทุเลาแก่อาการ
หากปล่อยไว้จนความเครียดสูง ซึมเซา เพ้อ หูแว่ว เห็นนิมิตร กลัวอย่างไร้เหตุผลและอาจจะมีอาการหายใจไม่ออก แน่นท้อง ใจสั่น มือสั่น มือเย็นเท้าเย็น และกลัวตายฉับพลัน ซึ่งโรคนี้จะเป็นส่วนใหญ่ในคนอายุไม่มาก จึงไม่มีอันตรายถึงชีวิต และหากปล่อยไว้จนอาการพัฒนาเป็นโรคจิตประสาทอื่นๆ อาจนำไปสู่การฆ่าตัวตาย สำหรับในรายที่สูงอายุต้องระวังเกี่ยวกับหัวใจวาย อาการนี้เรียกว่า panic disorder
จนมาถึงตอนนี้เรื่องผีเข้า ยังมีผู้คนที่ผีเข้าโดยไม่รู้ตัวอีกมาก ตั้งแต่คนไกลตัวจนมาถึงคนใกล้ตัว หากไม่สำรวมระวังจิตให้มีสติรู้ตัวและสัมปชัญญะหรือความระลึกได้ ปล่อยให้อารมณ์มาครอบงำ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ร้าย อารมณ์รัก อารมณ์ชอบ อารมณ์ชัง ความลังเลสงสัย ความเซื่องซีม ความฟุ้งซ่าน
สุดท้ายก็อาจจะแสดงออกมาในรูปแแบบของหญิงกลางคนที่ผมเล่าเรื่องของเธอหริอเรื่ิองของผู้คนข้างต้นก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงเหตุผล แล้วทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ที่ตนเองสร้างขึ้นมาโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ที่เรียกกันว่าชั่ววูบและชั่วหลายๆวูบนั่นแหละครับ
ในสภาวะผีเข้านี้เป็นได้ทุกคนทุกอาชีพ ไม่เชื่อไปขอดูรายชื่อผู้ไปหาจิตแพทย์หรือไปกราบพระเพราะป่วยทางใจดูสิครับ ถ้าหากขอดูได้หรือแม้กระทั่งดูตนเองและคนชิดใกล้
พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนในเรื่องความทุกข์ทางจิตวิญญาณไว้มากมายซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งผีเข้า และท่านก็แสดงธรรมะโอสถไว้มากมายในการแก้ไขที่จิตหรือใจนี้ เพียงแต่ว่าผู้ป่วยรู้ตัวหรือยอมรับกันหรือไม่ว่าใจป่วยหรือผีเข้ากันเท่านั้นเอง


ฉึ่ง


โรคทางกายก็ต้องปล่อยเป็นหน้าที่่ของแพทย์ แต่โรคทางใจนั้นต้องพึ่งตนเอง เพราะมีแต่ตนเองเท่านั้นที่พึ่งได้ เพียงแต่ว่าเราเข้มแข็งพอที่จะยอมรับความจริงอย่างที่ท่านผู้เขียนข้างต้นเปรยไว้หรือเปล่าว่าเราป่วย
เพราะโรคตัวกูของกู โรคยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายทั้งปวง ว่าเป็นเราเป็นเขามากมาย จนออกอาการทางใจเพราะสารเคมีในร่างกายมันทำงานบกพร่อง นักปฏิบัติทั้งหลายท่านจึงเป็นผู้กล้าที่จะยอมรับว่าป่วย และความยึดมั่นถือมั่นเป็นสาเหตุให้ผีเข้า ไม่เชื่อลองมองหน้าตัวเองในกระจกเวลาโกรธดูสิครับ วัคซีนแก้ไขและป้องกันหนีไม่พ้นการเจริญภาวนา ที่ต้องทำให้มากขึ้น แล้วจะรู้ว่าไม่เสียชาติที่เกิดมาเป็นคนเลย ขอขอบคุณคุณฉึ่งที่เขียนมา ว่างๆเขียนมาอีกนะครับ
วันสงกรานต์ก็ยังถือว่าเป็นวันปีใหม่ของไทย เป็นวันเริ่มแรกสำหรับทุกอย่าง รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ พ่อแม่เป็นปฐมอย่ามัวเอาแต่เมาหัวราน้ำกันเลยครับ สงสารทั้งตนและคนที่รักเรา มาตาปิตุอุปัฏฐานัง อะ หัง วันทามิ ข้าพเจ้าขอกราบไหว้คุณบิดามารดรที่เลี้ยงดู
ธรรมะสวัสดีปีใหม่ครับ
สะมะชัยโย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น