++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

2012 โดย ชัยอนันต์ สมุทวณิช

ตอนที่เกิดสึนามิถล่มญี่ปุ่น ดูภาพทางโทรทัศน์แล้วก็เห็นพลังของน้ำที่ไหลบ่าอย่างรวดเร็วทำลายบ้านเรือน หนทาง และต้นไม้ ข่าวว่ามีคนตายนับหมื่น หายนะที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำให้คนเริ่มกังวล และพูดถึงหนัง 2012 หรือ “วันสิ้นโลก” กันมากขึ้น

หนังเรื่องนี้ได้อิทธิพลจากคำทำนายหลายๆ แห่งที่บอกตรงกันว่า วันที่ 22 ธันวาคม 2012 จะเป็นวันสิ้นโลก เริ่มจากการที่ชนเผ่ามายาระบุวันสุดท้ายของปฏิทินว่าคือวันที่ 22 ธันวาคม 2012

เผ่ามายานี้มีชีวิตอยู่แถบประเทศกัวเตมาลา และแหลมยูคาทานในเม็กซิโก พวกเขาอยู่มาตั้งแต่ 2,000 ปีก่อนคริสต์กาล และอาณาจักรมายาได้ล่มสลายไปเมื่อประมาณ ค.ศ. 1500 โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่สันนิษฐานกันว่า เป็นเพราะความแห้งแล้ง ทำให้คนขาดน้ำ และขาดอาหาร ภาพถ่ายจากดาวเทียมของนาซาวิเคราะห์ว่า ต้นไม้ ป่าไม้หมดไปก่อนการล่มสลายของอาณาจักร

พวกมายามีความเจริญมาก มีอักษรเขียนเป็นของตนเอง มีความรู้เรื่องดาราศาสตร์ มีความรู้ว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ปีหนึ่ง 365 วัน พวกเขาคิดปฏิทินใช้เอง เป็นปฏิทินที่เราใช้กันอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้

ที่สำคัญก็คือ มีปฏิทินนั้นมาสิ้นสุดลงในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012

น่าแปลกใจที่องค์การนาซา ระบุว่า ในปีเดียวกัน แกนโลกจะพลิกกลับ คือ จากขั้วโลกเหนือ ก็จะกลับเป็นขั้วโลกใต้ และในขณะที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โลกก็จะไร้สนามแม่เหล็ก ในเวลาเดียวกันนั้น ดวงอาทิตย์ก็จะพลิกกลับขั้วเช่นกัน โดยจะแผ่สนามแม่เหล็กรังสีความร้อนสูง เนื่องจากโลกไม่มีสนามแม่เหล็กคอยป้องกันความร้อนของดวงอาทิตย์ ก็จะทำให้น้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายเกิดน้ำท่วมใหญ่

นอกจากนี้ยังมีการทำนายอีกว่า ดาวเคราะห์ดวงใหม่ชื่อ “นิบิรุ” ซึ่งใหญ่กว่าดาวพฤหัสฯ 2 เท่า (ใหญ่กว่าโลก 5 เท่า) จะวิ่งมาชนโลก

ส่วนคำทำนายของฝรั่งก็มี เช่น นายกอร์ดอน สติลาเลียน ซึ่งตายไปแล้วฟื้นคืนชีพมาใหม่ บอกว่าเขาฝันเห็นโลกใหม่ที่มีรูปลักษณ์ต่างออกไป คือ แผนที่โลกเปลี่ยนไป ทวีปออสเตรเลียจะเล็กลง ประเทศไทยจะเหลือเพียงครึ่งเดียว และโลกจะถึงกาลอวสานในปี 2012 นี้
ในประวัติศาสตร์มักจะมีคำทำนายถึงวันสิ้นโลกเป็นระยะๆ แต่ครั้งดูจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ยิ่งผู้คนเห็นคลื่นสึนามิถล่มญี่ปุ่น ก็ยิ่งวาดภาพออก นัยว่าญี่ปุ่นเองก็เคลื่อนตัวไป 6 ฟุตจากภัยครั้งนี้

สำหรับพระและโหรทั้งหลาย ก็ทายทำนองเดียวกัน มีหลวงปู่องค์หนึ่ง ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว ก็บอกว่าพญานาคที่พ่นน้ำมาครึ่งหนึ่งแล้ว ก็จะพ่นน้ำจนหมด คนชั่วจะตาย ส่วนคนดีมีศีลธรรมก็จะอยู่ โหรคนหนึ่งบอกว่าปีหน้าภูเก็ตจะถูกกลืนหายไป เหลือเพียงครึ่งเดียว (ผมหวังว่าร้านอาหารอร่อยๆ ที่มีขนมจีนแกงปู และหมูฮ้องลือชื่อคงจะรอดนะครับ)

คนไทยอีกคนหนึ่งคือ ศาสตราจารย์นายแพทย์เทพนม เมืองแมน ผู้เชื่อในมนุษย์ต่างดาว และจานบิน เคยสัมภาษณ์มนุษย์ต่างดาว 2 คน ถามเรื่องโน้นเรื่อนี้ แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องปี 2012

การที่มีคนพูดว่าปี 2012 จะสิ้นโลก ก็เหลือเวลาอีกไม่นาน ต่างคนก็ต่างคิดว่า จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างไร ผมเองคิดว่าได้กำไรชีวิตแล้ว อยู่มาเกือบ 70 ปี ที่จริงผมวางแผนไว้แล้วว่า พออายุ 70 ก็จะเลิกทำงาน ไปอยู่หัวหิน คอนโดฯ ผมอยู่ชั้น 12 ไม่ต้องกลัวสึนามิ เล่นกอล์ฟอาทิตย์ละ 2 วัน นวดแผนโบราณอาทิตย์ละ 2 หน กินของอร่อยๆ นั่งฟังเพลง และหาหนังดีๆ มาดู ถึงเวลานั้นผมก็คงหยุดเขียนคอลัมน์ เพราะคงไม่รู้จะเขียนอะไรแล้ว

น่าเห็นใจคนที่เพิ่งมีลูก หรือกำลังจะแต่งงาน หรือเพิ่งผ่อนรถผ่อนบ้านหมด หากโลกสลายปีหน้าปลายปีจริงๆ คงยุ่งมาก โดยเฉพาะธนาคารที่คนยังติดหนี้อยู่แยะมาก เพื่อนบางคนก็วางแผนว่า อยากทำในสิ่งที่อยากทำ แต่ยังไม่ได้ทำ แต่ผมคิดว่าสายเสียแล้ว เหลือเวลาอีกไม่นาน

ที่กลุ้มที่สุดเห็นจะได้แก่ นักการเมืองที่โกงไปแยะเลยอดใช้เงิน บางคนอยากเป็นรัฐมนตรีก็ยังไม่ได้เป็น การคิดถึงวันโลกแตก จะทำให้คนหันมาทำความดีมากขึ้น โลภ โกรธ หลง น้อยลง หรือไม่หนอ

แต่มาคิดดูอีกทีหนึ่ง ทำไมโลกจึงจะแตกง่ายๆ อย่างนี้ เรื่องการเปลี่ยนขั้วของโลก การที่รังสีแสงอาทิตย์จะทำให้ภูเขาน้ำแข็งละลาย น่าจะใกล้ความเป็นไปได้มากที่สุด เพราะมีความใหญ่โตพอที่จะก่อให้เกิดภัยพิบัติได้อย่างกว้างขวาง เรื่องน้ำท่วมโลกก็มีการเล่ากันมานานแล้ว มีบางคนเชื่อว่าจีน อเมริกา และรัสเซีย ร่วมกันแอบสร้างเรือลำมหึมาไว้คอยอพยพคนที่มีตังค์จ่ายหนีไป

พุทธศาสนาสอนให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบัน เพราะวันวานเป็นอดีต อนาคตก็ยังมองไม่เห็น ปัจจุบันนี่แหละคือพุทธะ ดังนั้นแม้จะมีคำทำนายอย่างไร ก็ควรถือว่าเป็นอนุสติให้เรารู้ว่าคนเรานั้น แม้โลกจะไม่สลาย ตัวเราเองก็ต้องตาย สิ่งใดที่สะสมไว้ ก็เอาติดตัวไปไม่ได้ คงเหลือแต่คุณธรรมความดีให้คนได้จดจำคิดถึง อย่างเช่น หลวงตามหาบัว เป็นต้น ที่ผู้คนหลั่งไหลไปเคารพสักการะ

คิดได้เช่นนี้แล้วก็สบายใจได้ และไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น แต่อย่าถึงกับท้อแท้ไม่ทำอะไร โดยอ้างเหตุว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะโลกจะแตกแล้ว หรือใช้เงินจนหมด แต่โลกก็ยังไม่แตก ก็จะอยู่อย่างลำบากเพราะไม่เหลืออะไรเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น