++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2551

ย้ายไปอยู่ด้วยกัน ควรทำหรืออันตราย


ลองจินตนาการดูว่า การมีคนรักนอนอยู่ ด้วยกันและหลับไปด้วยกัน (แค่นอนนะ ยังไม่ได้บอกว่าทำอย่างอื่น), พอเราตื่น มาเค้าก็ยังนอนอยู่ข้างๆ และทานอาหาร พร้อมกันทุกวัน โอ๊ยมันแสนจะประเสริฐ เลิศสะแมนแตนแค่ไหน? ยิ่งเดี๋ยวนี้ การย้ายตามกันมาอยู่กะแฟน ในหมู่วัยรุ่นวุ่นรัก กำลังเป็นเรื่องฮิตยอดนิยมซะด้วย แต่ก่อนที่จะทำอะไรตามใจฉัน แบบหวาดเสียวอย่างเงียะนะ บางทีคุณควรถามตัวเองก่อนที่ จะทำอะไรวู่วาม ว่าพร้อมแน่รึที่จะอยู่กะแฟนอย่างจริงๆจังๆ? ไม่ใช่อยากทำอะไรก็ทำ ยิ่งถ้าเป็นเด็ก เป็นเล็กยิ่งไม่ควรทำงี้ แต่ควรคิดถึงหัวอกพ่อแม่บ้าง นี่สิถึงจะถือว่าเป็นลูกยอดกตัญญูนะตัวเอง


ว่าแต่พูดงี้เดี๋ยวจะหาว่ากีดกันหรือคอลัมน์นี้หัวโบร่ำโบราณ ไม่ทันยุคทันสมัย งั้นเอางี้ เมื่อตัดสินใจ อยากย้ายไปอยู่กะแฟนทั้งที (Living with Your Love) ลองตอบคำถามกวนใจเหล่านี้ก่อนไหม ว่าคุณพร้อมแล้วที่จะอยู่ด้วยกันจริงรื้อ? ไม่ใช่แค่คิดอะไรวูบๆวาบๆเล่นแน่นะ ดังนี้....


จะอยู่กะเขาไปอีกนานแค่ไหน?


การที่ทั้งสองจีบกันเป็นแฟนมานานแค่ไหนยังไม่ใช่เครื่องวัดที่เที่ยงตรงว่า คุณควรจะอยู่ด้วยกันหรือไม่? เช่น จีบกันไปจีบกันมา แถมยังออเซาะฉอเลาะกันตั้ง 5 ปีแล้ว เลยคิดว่าถึงเวลาที่ควรย้ายมาอยู่ด้วยกันสักที ก็ทำซะเลยโดยคิดง่ายๆว่า จะสามารถอยู่กันได้ตลอดรอดฝั่ง ก็ขออำภัยไว้ล่วงหน้าหากสิ่งที่คุณคิด ไม่เป็นไปตามนั้น เพราะระยะเวลาของการจีบกันน่ะ จะนานหรือเร็ว มันเอามาใช้รับประกันการอยู่ด้วยกัน ได้ยั่งยืนซะที่ไหนล่ะ คู่รักบางคู่งี้เห็นจีบกันมาน้าน นาน...7-8 ปีขึ้น แต่พอ มาอยู่ด้วยกันปั๊บ โอ๊ย...รีบตีปีกจากกันยังไม่ทันหม้อข้าวดำเลยก็มี


ย้ายมาอยู่บ้านเดียวกัน แล้วจะมีเวลาอยู่ด้วยกันจริงรื้อ?


ถ้าการย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วทำให้คุณทั้งสองสามารถใช้เวลาว่างร่วมกัน มากกว่าการอี๋อ๋อกันข้างนอกแล้วล่ะก็ รีบทำเข้าสิ เพราะสงสัยจะขาดกันไม่ได้แล้ว ขืนขาดเธอก็เท่ากับขาดใจ อะไรจะรักกันปานจะกลืนขนาดนี้ ก็มาอยู่ด้วยกันเหอะ แต่ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมด้วยว่า บรรลุนิติภาวะหรือยัง? และมีวัยวุฒิเพียงพอต่อการจะปีกกล้าขาแข็งได้แล้วแน่นะ ไม่ใช่ยังอะโนเนะ ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต ต้องแบมือขอตังค์พ่อแม่อยู่นั่น แบบนี้น่าจะรู้นะว่า ควรรับผิดชอบตัวเองให้ได้ซะก่อนแล้ว ค่อยสะเออะไปอยู่กะแฟน ไม่งั้นเดี๋ยวแฟนคิดว่าเป็นปลิงไปเกาะเค้ากิน ต่อให้รักกันจนรากเลือดก็อยู่กันได้ไม่นานหรอก


พร้อมที่จะอยู่กะใครสักคนแน่นะ?


ที่ถามเนี่ยเพราะเวลาเราเคยใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวย่อมไม่เหมือนกับ การที่ต้องไปใช้ชีวิตร่วมกับ คนอีกคนนึงอยู่แล้ว จริงมะ เช่น ถ้าอยู่ตัวคนเดียว เวลานอนอยู่บนเตียงก็ไม่มีใครมาเบียด จะนอนเหยียดแข้งเหยียดขาแค่ไหนก็ได้ แต่หากต้องไปใช้ชีวิตกับแฟนนี่สิ จะครองเตียงซะคนเดียวคงไม่ได้แล้วล่ะ และถ้าขืนเอาแต่ใจตัวเองมากไป มีหวังแฟนได้เขี่ยตกเตียงแล้วถ้ามีสภาพไม่ต่างจาก รูปนักร้องที่โชกเลือดซึ่งเพิ่งเป็นข่าวไปเมื่อเร็วๆนี้ ก็อย่ามาโอดครวญว่าเป็นอุบัติเหตุแก้เกี้ยวละกัน


ถ้าอยู่ด้วยกันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?


จะไปอยู่บ้านแฟนที่มีพ่อแม่พี่น้องของเขาอาศัยอยู่บ้านเดียวกันนะหรือ?... อย่างยูเนี่ยนะจะกล้าปานนั้นเชียว หรือว่าจะให้แฟนย้ายมาอยู่บ้านเดียวกะครอบครัวของคุณ?... เขาจะอึดอัดหรือเปล่าล่ะ ต้องคิดตรงนี้ซะหน่อย


ทางที่ดีหากจะย้ายไปอยู่ด้วยกัน ควรเลือกที่จะแยกไปอยู่ด้วยกันตามลำพังดีกว่าหรือเปล่า? ของแบบนี้ก็ต้องไตร่ตรองกันให้รอบคอบ เพราะย่อมหมายถึงความรับผิดชอบอย่าง มโหฬารเลยนะนั่น ไหนจะค่าเช่าบ้านหรือค่าผ่อนบ้าน ไหนจะค่าน้ำค่าไฟ ไหนจะค่าอาหารการกิน เห็นจะมีสะดวกก็เพียงอย่างเดียวเท่านั้นแหละ คือได้หนุงหนิงหนึบหนับกันสองต่อสองแบบไม่มีผู้ใหญ่มาขัดขวาง ทว่าขอเตือนเป็นครั้งที่ ล้านเจ็ดว่าสังคมบ้านเราไม่ส่งเสริมให้อยู่กันก่อนแต่ง เพราะฉะนั้นอย่ามาอ้างข้างๆคูๆเลยว่า เพื่อศึกษานิสัยใจคอซึ่งกันและกัน ให้ลึกซึ้งขึ้นทั้งที่อยากจ้ำจี้กันสิไม่ว่า เพราะผู้หญิงน่ะเสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งล่อง ถ้าเกิดวันนึง รักมันไม่ยืดขึ้นมา ไม่แย่รึจ๊ะ


อย่างไรก็ตาม ในเมื่อรักกันก็ดีแล้ว จึงขอเสนอเทคนิคการอยู่ด้วยกันให้ยั่งยืน ไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างเป็นแค่ของเล่นเพียงคืนเดียวให้ฟังเป็นแซมเปิ้ล เพื่อจะได้ครองรักกันนานๆ ไม่ใช่เดี๋ยวเดียว เช่น...


ประนีประนอม อย่างไรก็ยอมๆเค้าหน่อย


ถ้าคุณเป็นคนเจ้าระเบียบที่ทนไม่ได้กับนิสัยของแฟนซึ่งชอบทิ้งจานที่ใช้แล้วไว้ในอ่างล้างจาน เพียงเพื่อจะรอเวลาจนหมดวันก่อนที่


จะล้างมันทีเดียวก็อย่าไปว่าอะไรเค้าเลย นี่แค่ยกตัวอย่างเพียงสถานการณ์เดียวเท่านั้นนะ ที่คู่รักอาจเจอ เพราะต่างคนต่างมาจากแบ็กกราวด์ที่ต่างกันนี่หว่า เหตุ นี้การประนีประนอม รอมชอมกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ


บางครั้งคุณยอมเค้าบ้าง หรือเค้าอ่อนข้อให้คุณมั่งก็เป็นสิ่งที่สมควรอยู่นะ


อีกอย่างถ้าต่างฝ่ายต่างทำงานคนละแห่ง แถมเวลาในการเข้าและออกก็ต่างกันอีก ทีนี้ล่ะ คุณทั้งสองยิ่งต้องปรับตัวอย่างหนักล่ะ เพราะบางคนอาจนอนตื่นเช้าและเข้านอนเร็ว ขณะที่อีกฝ่ายอาจทำงานสายและเข้านอนดึก ถ้าเป็นงี้ก็ต้องปรับตัวเข้าหากันมั่ง ขืนดันทุรังสูงหรือเอาแต่ใจตัวเองเดี๋ยวจะอยู่กันไม่ยืด


ทำตารางเวลา


ทางออกที่ดีทางหนึ่งที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า การยอมๆกันนั้นจะได้ผลก็คือ คุณทั้งคู่ทำตารางเวลาแบ่งหน้าที่ที่ต่างคนควรมีความรับผิดชอบ ในบ้านอย่างพอดิบพอดี...ก็จะดีไม่น้อย อ้อ ตารางนี้ไม่ถึงกับต้องสลักไว้บนหิน แต่อย่างน้อยก็ควรแบ่งงาน ให้ชัดเจนเพื่อได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่ใช่ฝ่ายชายก็โบ้ยหน้าที่ในบ้านให้ฝ่ายหญิงทำซะทั้งหมดก็โหดไปนะ หากรักกันจริงก็ช่วยเธอบ้างดี้


เอาชีวิตของแต่ละฝ่ายคืนมา


การอยู่ด้วยกันก็ใช่ว่าทั้งคู่ต้องตัดตัวเองออกจากสังคมที่ไหนล่ะ เออถ้าชวนกันไปอยู่ป่าเขา ลำเนาไพรก็ว่า ไปอย่าง แต่ถ้าไม่ใช่ เพราะคุณยังอาศัยอยู่ในป่าคอนกรีตละก็ หากจำเป็นต้องออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงเฉพาะแต่ลำพังเพียงคนเดียว ก็ควรให้โอกาสเค้าไปเริงร่ากะเพื่อนของเขาบ้าง อย่ายึดว่า ทำอะไรก็ต้องทำร่วมกันเสมอไป มีข้อยกเว้นบ้างก็ได้ เว้นแต่เออถ้าคู่รักทั้งสองอยากออกงานร่วมกันทุกงานแบบผูกติดกัน เป็นแฝดสยามก็ว่าไปอย่าง รักกันน่ะดี แต่จะครองรักกันอย่างไรให้ราบรื่นนี่สิ ช่วยคิดกันมั่ง.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น