ก็เจ็บเจียนหัวใจหล่น
เหนื่อยอกตกเป็นฝน
ทั้งมือไม้ก็ไข้ชา
เพียงนึกว่าจะหวัง
ก็ลาญดั่งที่ใฝ่หา
มัวหมอกพรั่งออกมา
ให้มืดมนให้มืดมาน
ยากหนอกวีนิพนธ์
นิมิตบนระเบียบกานท์
ขัดใช้, ไม่ชำนาญ
ก็ชวดซมไร้ชื่นชม
ยากหนอจะโลมโลก
ทักทายโศกเศร้าระทม
ซักสุขที่โทรมซม
ว่าไฉนฉนี้นา
หยุดคิดหยุดคร่ำเขียน
หยุดเคร่งเรียนอยู่ร้างคา
ตายพับปิดหลับตา
แต่งโลกฟุ้งเป็นฝอยฝัน
สีรุ้งโผพุ่งจับ
อักขระขับทุกข์,เศร้า,ขัน
ตื่นจับปากกาพลัน
เหลือแต่ซากกระดูกความ
ยากหนอกวีนิพนธ์
แค่เพ้อบ่นนั้นง่ายงาม
แต่เขียนให้ถึงสาม-
สิบสองยศย่อมเปื่อยเขียน
คิดคิดว่าจะเลิก
ไปลุยเศิกโลกสังเวียน
เจ็บพ่ายได้อาเจียน
ก็ยิ่งเจ็บ,ยิ่งจับใจ
นี่แพ้ศึกกวี
นอนบัดสีเป็นพ้นไป
อายอักขระไหว
วิเวกแว่วมาหวานย้อย
เลิกเขียนแน่กวี
หากแววศรียังเฉยเมย
ไปอุ่นโลกคุ้นเคย
ขายแรงคิดคำนิยาม
เลิกเขียนแน่กวี
จีบสตรีเสียแรงชาย
เชือดคำ มาจำหมาย
เหมาะเรื่องสั้นมีแฟนสวย
โศกเศร้าในชีวิต
วุ่นความคิด กลางลมชวย
โลกหลักตะบักตะบวย
น่าออกบวชไล่ตัณหา
เลิกเลิกเถอะเลิกเลิก
มัวบุกเบิกเสียเวลา
กวีนี้เสดสา
สิ้นสมบัติบุราณแล้ว
กานติ ณ ศรัทธา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น