++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2557

เคยเมตตามีน้ำใจ แต่เปลี่ยนไปเพราะโดนเอาเปรียบ



ปุจฉา - กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ หนูมีเพื่อนสนิทที่ยอมคนอื่นมาตลอดเป็นคนมีเมตตามีน้ำใจ จนวันหนึ่งความมีเมตตาความมีน้ำใจค่อยๆหายๆไป เพราะเขาโดนเอาเปรียบบ่อยครั้ง กลายเป็นความแค้นคิดจะทำร้ายคิดไม่ดีกับทุกคนที่เอาเปรียบเขา

หนูเตือนให้เขามีเมตตาและให้อภัยผู้อื่น เขาก็บอกว่าทำไม่ได้เพราะเขาทนไม่ไหวกับการโดนเอาเปรียบอีกต่อไป หนูควรทำอย่างไรดีคะให้เขาเลิกความคิดแบบนี้ ขอพระอาจารย์ชี้นำทางสว่างด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - คุณควรชี้ให้เธอเห็นโทษของความเคียดแค้นพยาบาท โดยอาจถามเธอว่าเมื่อมีความรู้สึกดังกล่าว จิตใจเป็นอย่างไร มีความสุขหรือไม่ จากนั้นก็ควรชี้ให้เธอเห็นต่อไปว่า ความเคียดแค้นชิงชังไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น กลับแย่ลง กล่าวคือ นอกจากเธอยังคงถูกเอาเปรียบต่อไปแล้ว จิตใจกลับรุ่มร้อนยิ่งขึ้น อาจจะแย่กว่าก่อนหน้านี้เสียอีก คือ ตอนนั้นแม้ถูกเอาเปรียบ แต่จิตใจไม่รุ่มร้อนเพราะมีเมตตากรุณา

พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่า เธอควรปล่อยให้เขาเอาเปรียบต่อไป โดยไม่ทำอะไรเลย หรือได้แต่แผ่เมตตาให้แก่เขาอย่างเดียว การมีเมตตาต่อเขานั้นดีแล้ว แต่เธอควรทำมากกว่านั้น นั่นคือ หาทางป้องกันไม่ให้เขามาเอาเปรียบ ซึ่งรวมถึงการกล้าปฏิเสธเขา หรือกล้าพูดตรง ๆ กับเขา ว่าการที่เขาทำเช่นนั้นไม่ถูกต้อง จะว่าไปแล้วเป็นเพราะเธอไม่กล้าพูดไม่กล้าปฏิเสธ เขาจึงได้ใจ เอาเปรียบเธอหนักขึ้น จนเธอทนไม่ไหว จิตใจจึงเหวี่ยงไปอีกทางหนึ่ง คือโกรธเกลียดเคียดแค้นไปเลย

กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่ “ทำจิต” แต่ “ไม่ทำกิจ” คือ ยอมให้เขาทำไม่ดีกับตน โดยไม่กล้าปริปากหรือพูดกับเขาตรง ๆ ว่าอย่าทำอย่างนี้อีก ครั้นปล่อยให้เขาทำเรื่อย ๆ สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ระเบิดออกมา หรือไม่จิตใจก็พลิกกลับไปเป็นตรงกันข้าม ราวกับเป็นคนละคน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตนเองเลย ทางที่ถูกคือ นอกจากทำจิต คือ มีเมตตา ไม่โกรธเคือง แล้ว ควรทำกิจ คือ ป้องกันไม่ให้เขาทำอย่างนั้นกับเราอีก รวมถึงการพูดตรง ๆกับเขาอย่างสุภาพว่า ฉันไม่ชอบให้เธอทำอย่างนี้อีก ขอให้หยุดเสีย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น