อยู่เวรวันนี้ มีคนไข้ เยาวชนหญิงอายุประมาณ15ปี เศษ
มาด้วยอาการปวดมึนหัว สีหน้าหม่นหมอง
สอบถามว่ากำลังเรียนอยู่ชั้นม4
อาการมักเป็นช่วงได้ยินเสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกัน
น้องเล่าว่าตั้งแต่ม 1มานี้ต้องย้ายโรงเรียนไปถึง4แห่ง เพราะพ่อแม่มีเงินจ่ายค่าเทอมไม่พอ
โรงเรียนที่เรียนตอนนี้ อยู่ใกล้บ้านยาย อยากมาอยู่กับยาย จะไดัประหยัดค่าอาหารการกิน
เพราะยายจะช่วยหาให้แต่ยายก็ไม่มีรายได้พอจะจ่ายค่าเทอมให้
ช่วงเดือนกว่าที่ผ่านมาพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยขึ้น
เสียงทะเลาะก้องเข้าไปในหู บางครั้งก็ตอนเย็น บางทีก็ช่วงดึก
เพราะพ่อแม่คิดว่าลูกนอนหลับแล้ว
ในช่วงเดือนกว่าที่ผ่านมา เธอนอนไม่หลับ น้ำตาไหลพรากทุกคืน
หลายครั้งต้องทานยานอนหลับ! ตื่นเช้ามาจะมึนหัว และเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง
สอบถามเรื่องการเรียน น้องเรียนเก่ง ชอบวาดรูป ออกแบบ อยากเรียนสถาปัตย์
เมื่อรู้ว่าพ่อแม่มีปัญหาการเงินก็พยายามปลีกเวลาว่างไปช่วยอา ทำขนมเบคเกอรี่
และช่วยขายให้ อาบอกว่าถ้ามาช่วยจะออกค่าเทอมให้
แต่ ทุกวันพ่อแม่ยังคงทะเลาะกัน ด้วยเรื่องหนี้สินและค่าเทอมลูก
เสียงที่ดังก้องในหูตลอดเวลา ทำให้เธอเครียดจัด
เล่าไปพรางน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมา
วันก่อนก็มาโรงพยาบาลเพราะช่วงนี้จะสอบปลายเทอม เริ่มอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง
มาเจอหมอท่านหนึ่ง คงไม่ได้พูดอะไรกันนัก
ได้ยาแก้ปวด ยาแก้เครียด ยานอนหลับตามอาการไป
ก็พอบรรเทา ได้หลับบ้าง แต่ความทุกข์ใจยังรุมเร้าตลอดเวลา
วันนี้มาเจอหมอ
หลังจากได้รับฟังความทุกข์ในใจแล้ว
ได้ปลอบใจและให้กำลังใจ
น้องเป็นเด็กดี มีเมตตาและกตัญญู
รู้สึกสะเทือนใจและเป็นทุกข์ที่รับรู้ความเดือดร้อนของพ่อแม่ตนเอง
ขวนขวายหาทางพึ่งตนเอง และที่สำคัญเป็นเด็กใฝ่ดี
ผิดกับเยาวชนหลายๆคนที่มีเคยพบเจอมา
คนไข้ที่เคยมาด้วยปัญหาแบบนี้มักจะเป็นพ่อแม่มากกว่า
และมาด้วยอาการเครียดจากปัญหาที่ลูกเกเร หาเรื่องมาให้ทุกข์ใจมิเว้นวัน
ทั้งๆที่ครอบครัวก็ยากจนค่นแค้นแต่ยังก่อความเดือดร้อนมาให้
บ้างก็ไปเสพยาบ้างก็มีท้องในวัยเรียนเป็นต้น
ได้เล่าประวัติคนเก่งคนสำคัญในโลกให้ฟัง
แต่ละท่านล้วนมีชีวิตตอนเด็กที่ค่นแค้นแสนลำบาก
ต้องฝ่าฟันอุปสรรคชีวิต
อดมื้อกินมื้อ นอนข้างถนน
บางคนอยู่กับหลวงพ่อในวัด
คนเหล่านี้ประสบความสำเร็จเพราะเขาอดทน
พลิกเอาความทุกข์มาเป็นแรงฮึดสู้
มีความพากเพียรพยายามข้ามทุกข์ด้วยตนเอง
แม้หลายครั้งจะเจ็บปวด ด้วยปัญหาครอบครัว
พ่อแม่ละทิ้งไป ต้องอยู่กับปู่ย่าตายาย
ก็อดทน ดิ้นรนต่อสู้ จนได้ดิบได้ดี
และหวนกลับมาทดแทนบุญคุณบุพการีอย่างน่าสรรเสริญ
วันนี้ในฐานะลูก หนูได้ทำหน้าที่ของหนูอย่างดีที่สุดแล้ว
หนูยอมย้ายจากโรงเรียนที่มีค่าเทอม ค่าเดินทางไปเรียนสูงเกินกว่าพ่อแม่จะจ่ายได้ถึง4ครั้ง
พยายามตั้งใจเรียนและช่วงวันหยุดก็ไปหารายได้มาเป็นค่าเทอมช่วยลดภาระผู้ปกครอง
ที่สำคัญ หนูรับรู้และเศร้าสะเทือนใจในความทุกข์ของพ่อแม่อย่างที่สุด
สิ่งเหล่านี้สะท้อนคุณธรรมที่ดีงามในจิตใจของหนูเอง
ลุงหมอขอให้หนูอดทน พากเพียรพยายามต่อไปไม่ท้อแท้
สักวันหนึ่งหนูจะประสบความสำเร็จตามความฝันที่วาดไว้อย่างแน่นอน "
ท่ามกลางความเงียบในห้วงสั้นๆ
น้องเอามือปาดน้ำตาทิ้งไป
อาการปวดมึนหัวที่ติดมานับเดือนเหมือนจะหลุดออกไป
แววตาที่หดหู่หม่นหมองดูมีประกายผ่องใสขึ้นมา
สอบถามว่าอยากได้ยานอนหลับอีกไหม
น้องบอกว่าไม่เอาแล้ว
ใบหน้าที่แสดงความสบายใจ แววตาสะท้อนว่ามีกำลังใจที่จะเดินหน้าต่อไปได้แล้ว
เธอยกมือไหว้ขอบคุณ
ก่อนออกจากห้องตรวจไปอย่างคนมั่นใจ
การสนทนาในห้องตรวจใช้เวลาประมาณ20นาทีแต่ทำให้เยาวชนคนหนึ่งหลุดจากกองทุกข์(ชั่วขณะหนึ่งก็ยังดี) โดยไม่ต้องพึ่งยาแม้แต่เม็ดเดียว
จาก @หมอสารภี รักในหลวง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น