++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2557

เอาปัจจัยของพระที่ไม่มีญาติและช่วยเหลือตนเองไม่ได้นำไปซื้ออาหารมากินร่วมกัน



ปุจฉา - นมัสการค่ะพระคุณเจ้า ดิฉันได้ไปทำงานที่สถานบริการที่ดูแลพระภิกษุป่วยซึ่งมีจำนวนมากที่เป็นอัมพาต ไม่มีญาติ ในแต่ละวันจะมีโยมมาทำบุญถวายของกินของใช้ ปัจจัยมากมาย เจ้าหน้าที่จะเก็บปัจจัยไว้ให้เมื่อพระคุณเจ้าหายก็จะนำปัจจัยจำนวนนั้นคืนให้พระคุณเจ้าหรือญาติเพื่อดูแลพระคุณเจ้าต่อไป

ในช่วงพักทานข้าวของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะไปเอาปัจจัยของพระที่ไม่มีญาติและช่วยเหลือตนเองไม่ได้นำไปซื้ออาหารมากินร่วมกัน พระคุณเจ้าบางรูปท่านไม่รู้สติ พูดคุยไม่รู้เรื่องและท่านก็ไม่ได้อนุญาตด้วยเพราะท่านพูดไม่ได้ แต่พอดิฉันถามว่าทำอย่างนี้ไม่บาปเหรอ เค้าก็บอกว่าพวกเราดูแลท่านมานาน เวลาขอท่านก็อนุญาตหมด แต่บางรูปท่านพูดไม่ได้และปัจจัยเหล่านี้โยมเอามาทำบุญทำทาน การที่พระท่านนอนเป็นอัมพาตให้พวกเราดูแลและไม่มีญาติ อย่างไรท่านก็มรณภาพที่นี่ปัจจัยก็ต้องไปบริจาคอยู่แล้ว การที่พวกเราได้นำไปซื้อของกินก็เป็นการทำบุญเหมือนกัน

ตอนแรกๆ ดิฉันก็ร่วมวงกินด้วย แต่รู้สึกว่ามันไม่น่าจะใช่ มันน่าจะเป็นบาปมากกว่าเหมือนเราขโมยของๆ ท่านค่ะ ดิฉันไม่สบายใจค่ะทำตัวไม่ถูก

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - สิ่งของที่ไม่ใช่ของตน หากเอามาครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ ก็ไม่ต่างจากขโมย จะอ้างเหตุผลอย่างที่กล่าวมาข้างบน ย่อมฟังไม่ขึ้น และไม่ทำให้การกระทำดังกล่าวกลายเป็นความถูกต้องไปได้

แม้ผู้ป่วยจะมีอาการโคม่า ดูเหมือนไม่รับรู้ เจ้าหน้าที่ก็ควรขออนุญาตท่านก่อน หรือบอกให้ท่านรับทราบก็ยังดี เพราะที่จริงแล้วท่านยังอาจรับรู้ได้เป็นแต่ตอบสนองไม่ได้เท่านั้น

ที่เจ้าหน้าที่อ้างว่า เมื่อพระมรณภาพ เงินทั้งหมดที่ท่านได้รับก็จะกลายเป็นเงินบริจาค ดังนั้นจึงไม่เป็นการผิดหากตนจะนำเงินนั้นไปซื้ออาหารกินกันเองเสียแต่ตอนนี้ การกระทำดังกล่าวย่อมไม่ต่างจากลูกที่หยิบเอาเงินของแม่ไปใช้อย่างพลการ โดยให้เหตุผลว่าเมื่อแม่ตายเงินทั้งหมดของแม่ก็ต้องตกเป็นของลูกอยู่ดี การกระทำเช่นนั้นของลูก วิญญูชนก็ย่อมรู้ดีว่าคือการขโมยนั่นเอง

มองให้ดีกรณีเจ้าหน้าที่เอาเงินของพระอาพาธไปใช้อาจจะหนักกว่ากรณีลูกเอาเงินแม่ เพราะถ้าพระมรณภาพ เงินนั้นย่อมตกเป็นของสงฆ์ หรือของส่วนรวม (เช่น โรงพยาบาล) เจ้าหน้าที่จึงไม่มีสิทธิที่จะนำเงินนั้นมาใช้ส่วนตัวได้เลยไม่ว่าวันนี้หรือวันหน้า (ต่างจากกรณีของลูก แม้ไม่มีสิทธิหยิบเงินของแม่ไปใช้ในวันนี้ แต่ยังมีสิทธิครอบครองเงินของแม่เมื่อแม่สิ้นลม)

เมื่อคุณรู้เช่นนี้แล้ว เพื่อความสบายใจ ก็ไม่ควรข้องแวะกับเงินที่ได้มาด้วยวิธีการดังกล่าว เมื่อทักท้วงแล้วเขาไม่ฟัง แม้จะร่วมโต๊ะกินอาหารกับเขา ก็ไม่ควรแตะต้องอาหารที่ซื้อมาด้วยเงินก้อนนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น