Theขี้ฝุ่นริมทาง
วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2557
รักษาศีล ผ่อนปรนได้บ้างไหม
ปุจฉา - หนูขอเรียนถามพระอาจารย์เกี่ยวกับหลักในการรักษาศีลและภาวนาค่ะ เราควรจะเข้มงวดหรือหย่อนให้ตัวเองได้มากน้อยเพียงใดคะ ทุกวันนี้หนูรักษาศีล 8 อาทิตย์ละประมาณ 3-4 วัน บางครั้งมีเหตุให้ต้องเลื่อนวันที่จะถือศีลออกไป เช่น ไปทำธุระต่างจังหวัด คุณแม่ชวนไปทานข้าวเย็นซึ่งครอบครัวหนูนานๆ จะได้ไปกันสักครั้ง เมื่อมีเหตุให้หนูต้องผลัดวันออกไป หลายๆ ครั้งทำให้หนูรู้สึกผิด รู้สึกว่าตัวเองเหลวไหลและรักษาคำพูดไม่ได้ หงุดหงิดตัวเองบางครั้งก็หงุดหงิดคนอื่นที่เป็นเหตุให้ไม่ได้รักษาศีลอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ต้น
หนูทราบดีว่าการทำความดีไม่ควรเป็นเหตุให้เราหงุดหงิดโมโห หนูรู้ตัวว่าเคร่งเครียดเกินไปแต่ก็กลับมาคิดว่าถ้าเรายอมผ่อนปรนไปเรื่อยๆ จะกลายเป็นคนไม่มีสัจจะเพราะแม้แต่คำพูดที่ให้ไว้กับตัวเองยังรักษาไม่ได้เลย หนูอยากเริ่มสร้างสัจจะบารมีในชาตินี้และอยากปฏิบัติแบบทางสายกลางตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนแต่ก็สับสนค่ะ ไม่รู้ว่าทางสายกลางของเราอยู่ตรงไหน รบกวนพระอาจารย์แนะนำด้วยนะคะและรบกวนช่วยปิดบังชื่อของหนูหากจะนำไปลงในเพจด้วยนะคะขอบพระคุณมากค่ะ
พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - การรักษาศีล ๘ เป็นเรื่องดี แต่ก็ควรเข้าใจด้วยว่าเป็นการปฏิบัติเพื่อมุ่งขัดเกลาตนเอง นอกจากไม่เบียดเบียนผู้อื่นแล้ว ยังช่วยให้เป็นผู้อยู่ง่าย ไม่ติดในกามสุข หรือหลงเพลินในวัตถุสิ่งเสพ หากสมาทานแล้วรักษาศีล ๘ ไม่ได้เพราะพ่ายแพ้ต่อกามสุขหรือความเอร็ดอร่อยทางวัตถุ ก็น่าที่คุณจะเสียใจ แต่หากคุณไม่อาจสมาทานศีล ๘ ได้เพราะมีความจำเป็นบางประการ เช่น ต้องกินอาหารเย็นกับครอบครัว ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียใจ คุณก็เพียงแต่งดสมาทานศีล ๘ ในวันนั้น สมาทานแค่ศีล ๕ วันรุ่งขึ้นค่อยสมาทานศีล ๘ ใหม่ เพราะการสมาทานศีลนั้นเป็นเรื่องสมัครใจ
อย่างไรก็ตามเมื่อคุณตั้งใจจะสมาทานศีล ๘ อย่างจริงจังแล้ว ก็ควรทำให้ต่อเนื่อง วางลงได้บ้างตามความจำเป็น แต่ไม่ควรทำบ่อย บางครั้งก็จำต้องปฏิเสธการเรียกร้องของคนอื่น ถึงจุดหนึ่งคนรอบตัวจะเข้าใจคุณ และไม่เรียกร้องให้คุณต้องผ่อนศีลลง แต่จะปรับตัวเพื่อให้สะดวกแก่คุณ เช่น เปลี่ยนมากินอาหารกลางวันร่วมกันแทน
สิ่งหนึ่งที่คุณควรระวังคือ การติดดี การทำความดีเช่นการรักษาศีลอย่างจริงจังเป็นเรื่องดี แต่หากพลั้งเผลอหรือมีเหตุให้ต้องวางศีลบางข้อ ก็พยายามเริ่มต้นใหม่และทำให้ดีขึ้น แต่อย่าถึงกับติดวนอยู่กับเหตุการณ์ที่ผ่านไป ปล่อยให้ความรู้สึกผิดครอบงำจนจิตเศร้าหมองเป็นวัน ๆ หรือเอาแต่ตำหนิติเตียนตนเอง ภาวะจิตแบบนี้นอกจากทำให้เป็นทุกข์แล้ว ยังทำให้จิตใจไม่มีกำลังในการทำความดีหรือการบำเพ็ญบารมีให้งอกงาม แม้แต่ความดีที่เคยทำหรือศีลที่เคยรักษาก็อาจท้อแท้เหนื่อยหน่ายจนเลิกไปเลยก็ได้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น