++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2556

“จำแนกขบวนการทำใจด้วยฌาน-วิโมกข์”


บันทึกย่อ พุทธาภิเษกครั้งที่ ๓๗  ณ ศาลีอโศก
ศุ ๑ มี.ค. ๒๕๕๖  แรม ๔  ค่ำ เดือน ๓  ปีมะโรง เริ่ม 04:05 น.
ตอน..  “จำแนกขบวนการทำใจด้วยฌาน-วิโมกข์”

1.    พ่อครูว่า เกิดมาควรได้อะไร ควรจะไปได้การแย่งลาภยศกันหรือ การเห็นนามรูปเกิดดับแบบตรรกะนั้น เขาคาดเดาว่าไม่มีตัวตน  แต่พ่อครูว่าจะต้องมีจิตเห็นตัวอกุศลดับ แล้วจิตที่ยังเหลืออยู่ก็คือ กุศลเกิด โดยเกิดเองอย่างทันที

2.    “ขอบคุณชีวิต” ที่ได้นำชีวิตมาทางธรรม หากยังเป็นรัก รักพงษ์ที่ไปเอาดีทางโลก ป่านนี้คงเป็นเจ้าสัวตามอายุไปตามโลก  ชีวิตที่ไม่มีคุณค่าต่อชาวโลก เอาแต่ตัวรอด หรือนักบวชก็เอาแต่ตัวเองให้หลุดพ้น ไปปฏิบัติที่หนีจากการสัมผัสด้วยรูปรสกลิ่นเสียง  พ่อครูเน้นย้ำว่าบรรลุธรรมของพุทธนั้น บรรลุด้วยการลืมตาอยู่กับการอวจรไปในโลกทั้งหลาย  โลกเขาก็มีอยู่ของเขา แต่เราอยู่เหนือ ดำเนินชีวิตอวจรไปกับโลกเขานี้แหละ แต่จิตนั้นวิมุติและปัญญาก็ไม่ได้ลดถอยอะไร

3.    แยกแยะสุขออก มีรสต่างกันทั้งแบบโลกียสุขและโลกุตรสุข คือสุขแบบสงบแม้จะอยู่ร่วมกับความเอะอะมะเทิ่ง สงบจากโลภโกรธหลง มีความอยากก็อยากช่วยคุณ มีปัญญารู้จักประมาณตน ประมาณสัปปุริสธรรม ๗  มีมิตรดีสังคมสิ่งแวดล้อมดีเป็นแสงเงิน แสงทองเริ่มแรกแห่งธรรม แม้มิตรบางท่านจะหลุกหลิก ก็ต้องเข้าใจอย่าไปยึดถือในสิ่งที่บกพร่องเล็กน้อย จนโยนทองคำทิ้งไป

4.    “ชีวิตชาติชั่ว” ก็คือชีวิตที่มีกิเลสพาไปต่ำ  เมื่อพ้นระดับต่ำได้แล้ว ก็ยังมีชีวิตชั่วที่สูงขึ้นๆอีก โสดาบันที่เลิกความชั่วจากอบายได้แล้ว ก็ย่อมมีชั่วขั้นปริยุฏฐานกิเลสให้ศึกษาละอบายต่อได้อีก  ละเหตุแห่งชาติชั่วแล้ว จึงมีชาตินี้ของชีวิตที่เหลืออยู่ เพื่อจะทำให้เหลือแต่การสิ้นชาติแล้วก็สิ้นชั่ว ทำชั่วไม่เป็นเลย ทำเป็นแต่ดี

5.    ชีวิตเข้าใจการปลดปล่อยเปลื้องสัตว์ออกไปได้ คือ พ้นสังโยชน์ หรือไม่ผูกมัดรัดรึงสัตว์ไว้ (วิสังโยคะ) โดยมีอุบายผัสสะไปกระทบให้สัตว์ที่นอนนิ่งอยู่ในอุปาทานมันเคลื่อนตัวออกมา แล้วจัดการให้พ้นโมหะอวิชชา ... เวลาปฏิบัติแบบพุทธนั้น ไม่ได้ปิดกั้นกามาวจร คือ แม้เป็นพระอนาคามีแล้วก็ยังกระทบสัมผัสอยู่กับสื่อกามในสังคม  แต่จิตท่านก็เฉย ไม่หวั่นไหว แถมยังจะปรุงร่วมกับโลกเขาได้อีก สักวันพ่อครูจะพาพวกเราไปรัฐสภา ซึ่งเป็นบ่อขุมนรกใหญ่ พวกคุณทำอะไรกันน่ะ ไปเอาเงินของประชาชนมาแบ่งปู้ยี่ปู้ยำ ไปกู้เงินมาแล้วก็ทำงานไม่เป็น ฯลฯ

6.    กายต่างกัน คือ มีองค์ประชุมทางนามธรรมต่างกัน เทวดากับสัตว์นรกก็คือกายหรือองค์ประชุมของปรมัตถธรรม ที่ไม่ได้มีรูปร่างสรีระอะไรเลย .. สัตตาวาสที่๒คือ กายต่างกัน แต่สัญญาเดียวกัน เช่น นึกถึงชื่อคุณยิ่งรัก แต่การนึกเห็นคุณยิ่งรักนั้นต่างกันหลายมุม  อันผู้ได้ปฐมฌานนั้นก็เช่นกัน  มีสัญญาตรงกันหมดว่า จะต้องไม่มีนิวรณ์ในอารมณ์ แต่การไปปฏิบัติที่จะได้องค์ประชุมหรือเป็นกายของฌานที่๑ นั้นต่างกัน ทำไม่เหมือนกันเลย เช่น หลายๆสำนักหลับตาทำสมาธิละนิวรณ์ ส่วนโลกุตระนั้นลืมตาทำการละนิวรณ์ ไม่มีถีนมิทธะแน่นอน  มีกามเกิดจากผัสสะก็ละกามออกในขณะมีผัสสะจริงๆ  ไม่ใช่ไปนั่งนึกขึ้นมาด้วยสัญญา

7.    สัตตาวาสอันเป็นภพที่อยู่ของสัตว์นั้น พ่อครูสอนให้รู้เทียบกับวิโมกข์๘  ข้อ๑คือผู้ที่มีรูปย่อมเห็นรูปทั้งหลาย  ข้อ๒ รู้ทั้งรูปนอกและอรูปภายใน ด้วยการมีสัญญากำหนดรู้ ที่รู้ทั้งนามรูป คือรูปอันเป็นมหาภูตรูปและอุปาทายรูปที่เกิดแต่มหาภูตรูปนั้น  ส่วนข้อ๓ การน้อมใจเห็นว่าเป็นสุภะ พ่อครูนำเอาสัตตาวาสขั้นที่สามมาเทียบ คือ ผู้ที่มีกายอย่างเดียวกัน แต่มีสัญญาต่างกัน คือ พวกที่ได้อาภัสสราพรหม ได้ความสว่าง มีการทำให้ได้อรูปฌานเหมือนกัน แต่ใจที่กำหนดรู้อาภัสสรานั้นย่อมสัมผัสเห็นความสว่างต่างกัน ... ฯลฯ ... การกำหนดรู้รูปต่างกัน เช่น ฝ่ายหนึ่งเห็นพระพุทธเจ้าหัวแหลม อีกฝ่ายเห็นเป็นหัวปุ้มๆ  เลยแยกสำนักกัน

8.    ผม(ผู้บันทึก) เข้าใจความแตกต่างกันของวิญญาณฐีติ๗ กับสัตตาวาส๙ แล้วครับว่า วิญญาณฐีตินั้นมีได้สูงสุดแค่ขั้น อากิญจัญญาฯ เพราะขั้นนี้ยังมีวิญญาณผุดรู้ตัวเองได้อยู่ ไม่ได้ดับการรับรู้ลงไป แต่ถ้าดับความรับรู้ ไม่มีวิญญาณรับรู้กับอายตนะระหว่างมโนกับธัมมารมณ์เสียแล้ว มันก็เป็นสัตว์แบบอสัญญี ที่ไปได้ถึงขั้นเนวสัญญาฯ ดังนั้นในสัตตาวาสจึงมีต่อไปถึงขั้นอื่น มีขั้นที่ ๙ คือมีความเป็นสัตว์แต่ดับวิญญาณ เรียกว่า เนวสัญญานาสัญญาฯ คือไม่มีวิญญาณการรับรู้เหมือนกับอากิญจัญญาฯ เลย

9.    นิโรธสมาบัตินั้น ท่านเจ้าคุณปยุตโตว่าพระอนาคามีขึ้นไปเท่านั้นจึงจะทำนิโรธได้ ซึ่งก็จริง แต่ว่าจะต้องเข้าใจในลำดับแห่งความต่างให้ชัดดีๆ ... (ระหว่างที่ผมกำลังค้นหาข้อมูลบางอย่างช่วยพ่อครู ตาก็ไปสัมผัสกับคำอธิบายที่ดี ทำให้เข้าใจในทิฏฐธรรมนิพพานอันเป็นมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งพพจ.ทรงแยกแยะไว้ถึง ๕ ประการ อยู่ในพระอภิธรรม ล.ที่... อ้าว.. ลืมเลย  หาไม่เจอ เลยไม่ได้นำไปเสนอพ่อครูครับ)

ที่มา http://www.facebook.com/notes/asokeboonniyom/%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%8C%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B9%8C/339853616114807

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น