++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556

“ผู้มีปัญญารู้ทั้งสัมมาและมิจฉา”


บันทึกย่อ สงครามสังคมฯ ณ สันติอโศก
อัง. ๕ มี.ค. ๒๕๕๖ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะโรง เริ่ม 18:0 น.
ตอน.. “ผู้มีปัญญารู้ทั้งสัมมาและมิจฉา”

1. พ่อครูว่าวันนี้มีผู้ส่งประเด็นเข้ามาก่อนแล้ว แสดงว่ามีความใส่ใจศึกษากันดี การปธ.ของพพจ.นั้นไม่ว่าจะเป็นสูตรไหน ถ้ารู้แจ้งเห็นจริงแล้ว จะลงในทิศทางเดียวกันทั้งกายวาจาใจ ซึ่งพ่อครูเน้นลงไปที่จะต้องครบองค์รวมทั้งหมด สมาธิก็ครบหมดทั้งกายวาจาใจ ไม่ใช่จะมีแต่จิตอย่างเดียวเท่านั้น อันสัมมาสมาธินั้นเป็นสมาธิพิเศษของพระพุทธเจ้าเท่านั้น คือ เป็นสมาธิของพระอาริยะ ที่จะต้องมีเหตุมีปัจจัย มีองค์ประกอบครบครัน ดังมีหลักฐานในพระไตรฯ เล่ม๑๔ มหาจัตตารีสกสูตร แล้วอธิบายไปตั้งแต่ข้อแรก

2. สัมมาทิฏฐิก็เพราะได้แยกแยะจนรู้ว่าอย่างไรมิจฉาทิฏฐิ อย่างไรสัมมาทิฏฐิ ความรู้นี้แหละคือสัมมาทิฏฐิ ... จะมีการปฏิบัติธรรมครบถ้วนทั้งกัมมันตะ และมีอาชีวะคือการงานเลี้ยงชีพอีกด้วย เพราะจะมีสังกัปปะคือความคิดในขณะการทำงานอีกด้วย ทุกๆกรรม ทุกๆความประพฤติปฏิบัติจะต้องได้ผล อัตถิ ที่เข้าสู่สัมมาอีกด้วย แม้แต่รู้ว่า โลกนี้มีอยู่อย่างไร คือวนอยู่ในโลกที่น่าใคร่ได้ หลงในกาม หลงในรูปภพ วนเสพจนสมใจอยู่ จึงไม่ไปสู่โลกหน้าได้เลย ออกจากโลกนี้ไปไม่ได้ หรือเนกขัมมะไม่ได้

3. นี้คือพื้นที่สุด ที่จะต้องดับโลกหยาบๆเหล่านี้ให้ได้ก่อน อย่าเพิ่งไปเรียนรู้รูปภพและอรูปภพภายในก่อนเลย โลกนี้หมายถึงความวนอยู่ในสุขแห่งกาม ได้ลาภยศมาเสพ และสุขแห่งอัตตาที่ได้รูปภพมาเสพ นี้คืออาการอารมณ์จริงที่ปุถุชนในโลกพากันแย่งมาเสพกันอยู่ ... มันมีการประชุมลงไปในเวทนา มีทั้งองค์ประชุมของกายภายนอก (พหิทธา รูปานิ)

4. การเข้าใจแยกแยะนามรูป จนเป็นกายในกาย เลื่อนต่อเข้าไปในเวทนา เกิดต่อกันไปอย่างโอกกันติ คือไม่มีขาดช่วงเป็นขณิกะเลย พ่อครูขยายความให้รู้ ไม่ได้ขยายไปตามพยัญชนะที่ให้ท่องจำ แต่ขยายความตามสภาวะต่างๆที่พ่อครูมี การอธิบายจึงขยายความออกนอกขอบเขตที่ท่านแปลไว้

5. หากเห็นว่ามาตามีก็สัมมาทิฏฐิ หากไม่มีปัญญารู้เห็นมาตา ก็มิจฉาทิฏฐิ ผู้มีปัญญาจะไปรู้แต่สัมมาแล้วไม่รู้จักมิจฉาเลยนั้นย่อมไม่ใช่ ... ฯลฯ ... พ่อครูสอนไปถึง “สยังอภิญญา” ที่สำคัญสูงขึ้นดีกว่าปัจจัตตังและปัจเจก ฯลฯ สมณพราหมณ์ผู้มีสยังอภิญญา รู้แย่งด้วยปัญญาอันยิ่งของตนเอง คุณได้พบเจอไหม ถ้าคุณพบเห็นรู้เห็นว่ามี ก็ย่อมเห็นด้วยสัมมาทิฏฐิ ถ้าเห็นว่าไม่มี ก็มิจฉาทิฏฐิ (แม้เคยพบเห็นแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าใช่ จึงไม่เห็น จึงได้มิจฉาทิฏฐิ) ... สรุป ทิฏฐิทั้ง๑๐จึงต้องเริ่มต้นให้ถูกต้องสัมมาก่อน

6. การจัดการมิให้มีนรกเป็นที่ไป คุณก็ต้องขจัดดับเหตุแห่งนรกให้ได้เสียก่อน ตั้งแต่โลกอันคือร่างกายของคุณตอนเป็นๆ นี้ ที่จะเป็นดินแดนชมพูทวีป อันมีสติมันโต สุรภาโว ที่จะได้เอื้อต่อการปฏิบัติประพฤติพรหมจรรย์

7. ช่วงตอบประเด็น sms จากคุณ 0888705xxx เดี๋ยวถ้าว่างเมื่อไร จะอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ เพราะเนื่องจากพธรโง่มาก .. (พ่อครูยอมรับว่าไม่ได้รู้มากเหมือนเขา อาจจะโง่ตามเขาว่ามา และเห็นว่าเขารู้มาก ฉลาด แต่ยังฉลาดไม่เข้าเป้าอันเป็นอาริยะของพุทธ พ่อครูว่าอวิชชาไม่ได้แปลว่าโง่ที่ตรงข้ามกับฉลาด แต่คือความไม่รู้ในอาริยสัจจ์) ...

8. ถ้าอปุญญาภิสังขารมิใช่สังขารบาปแล้ว ถามว่าแล้วเอาบาปไปไว้ไหนในสังขาร3 (พ่อครูว่า บาปก็ยังอยู่ในปุญญาภิสังขารนั่นไง เพราะยังละล้างชำระไม่หมด) ... 0838677xxxว่า โพธิรักจะค้นหาอัตตาเพื่อทำความรู้จักอัตตาแล้วจึงละอัตตา ใช่ป่ะสาวก (ถามสาวกพ่อครูเลยไม่แย่งสาวกตอบ แต่จะบอกสอนสาวก ว่า พ่อครูทำมาก่อนคือค้นหาอัตตา รู้ว่าคืออย่างไร มีแรกเริ่มเลยคือ มีอัตตทิฐิก่อน แล้วก็ตามศึกษาอัตตสัมปทา ที่จะต้องมาก่อนแบบแสงอรุณ)

9. 0888705xxxว่า รูปมี นามมี มนุษย์มี เทวดามี ผีมี แต่ที่มีทั้งหมดนั้นไม่ใช่ตัวตนอนัตตา (พ่อครูว่า แล้วมีอย่างไรล่ะ มันมีโดยเป็นนามธรรม ที่จะต้องรู้จักโดยรูปนามคืออาการลิงคะนิมิต จนถึงคำว่าอนัตตา ก็ไม่ใช่ไปตู่ว่าไม่มีอัตตามาแต่แรกก่อนเลย ก็การยึดไว้อย่างอุปาทานนั่นแหละคือตัวตน คืออัตตาที่ถูกผูกความเป็นสัตว์เอาไว้ เมื่อกำจัดอัตตาสิ้นแล้ว จึงไม่ใช่อัตตา ไม่มีอัตตา ไม่มีอะไรเป็นเรา ไม่ใช่เรา แต่คุณไปปฏิเสธเสียก่อนเพราะเข้าใจได้แค่ตรรกะ จึงไม่ศึกษาให้เป็นอธิสิกขาอย่างลึกซึ้ง จึงไม่รู้ในความลึกและมีความต่ำ ไม่รู้ว่าต่ำในระดับประพฤติหยาบอยู่อีกด้วย

10. 0888705xxx ถ้าเปรียบอริยะ=คนในโลกยุคปัจจุบันแล้ว.. พธร.ก็เหมือนกับมนุษย์โลกล้านปี! (พ่อครูยอมรับว่าเขาฉลาดจริงๆ ที่สรรหาอะไรมาเปรียบเปรย) .. 0888705xxx ถ้าเปรียบอริยะ=คนในโลกยุคปัจจุบันแล้ว..พธร.ก็เหมือนกับมนุษย์โลกล้านปี! (พ่อครูไม่เคยดูถูกเลย แม้แต่คุณเองพ่อครูก็ไม่เคยดูถูกเลย การนั่งหลับตานั้นพ่อครูก็ยังบอกว่า มีประโยชน์ เป็นอุปการะให้ใช้เตวิชโชเพื่อตรวจสอบเสียด้วยซ้ำ แต่ว่ามันยังไม่ใช่แก่นหลักที่ถูกต้อง พ่อครูจึงต้องพูดสิ่งที่ถูกต้องให้หนักๆ ให้มากๆ

11. 0838677xxxว่า สรุปแล้วโพธิรักเห็นแจ้งนี่เพราะเห็นอัตตาหรือเห็นอนัตตา () 0888705xxxว่า คำว่าเห็นของพุทธเจ้า มิใช่ต้องลืมตาเห็น แต่หมายถึงเห็นด้วยปัญญาต่างหาก (พ่อครูก็ว่าเห็นด้วย เห็นทั้งการสัมผัสภายนอก ทั้งเห็นภายใน เห็นพร้อมด้วยปัญญาอันชอบ ส่วนคุณนั้นไปเห็นเฉพาะปัญญาที่รู้ภายใน ไม่มีปัญญารู้ภายนอก ควรมาเห็นด้วยปัญญาที่ครบทั้งสองอย่างบ้าง)12. ความเป็นกลางจะเรียนรู้อะไรบ้าง ควรเรียนรู้ทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายกามและฝ่ายอัตตา ... 0888705xxxว่า ที่พุทธเจ้าพูดถึงอัตตา3.. ต้องการให้คนได้รู้ถึงอุปาทานในอัตตา ของตนเอง! (เขาพูดถูก)

13. 0888705xxxว่า ถ้ามหาโพธิรักเป็นสัมมาทิฐิจริงแล้ว ทำไม?คณะสงฆ์ไทยถึงไม่ยอมรับ ล่ะจ๊ะ! (พ่อครูบอกว่า คุณลองไปหาหนังสือ ประณีประนอมด้วยนานาสังวาส นะจ๊ะ แล้วจะรู้ที่มาที่ไป พ่อครูไม่ได้ยอมรับคณะสงฆ์หมู่ใหญ่ จึงขอลาออกมาก่อนตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๘ แล้ว ... พ่อครูว่าจะไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ พ่อครูไม่มีใจโกรธเคืองหรอก มีแต่ความเข้าใจว่าท่านทั้งหลายจะต้องรักษาสถานะ .. พ่อครูขอแยกตัวออกมา เป็นเหมือนร้านขายปาท่องโก๋เล็กๆ ที่ขายสูตรของตนเอง หากร้านเล็กนี้ไปไม่รอดก็ย่อมไปไม่รอดเอง สงฆ์ไทยมาพูดเอาทีหลังว่าได้อัปเปหิ ขับออก มีหลักฐานที่ท่านยอมรับว่าอโศกได้อยู่นอกการปกครองแล้ว วันต่อมา จะเอาเรื่อง ก็กลับคำบอกว่า ยังไม่ได้ลาออกเพราะไม่ได้สึก

14. 0899181xxx อยากถามท่านพ่อว่า เมื่อตายเเล้วจ้ดงานให้ผู้ตายตามปะเพณีทุกอย่าง กับตายโดยไม่จัดงานสักอย่าง ผู้ตายจะต่างกันใหม คือว่าจะได้ไปเกิดเหมือนกันไหม (พ่อครูตอบตามสัจธรรม) ... 0897146xxxว่า อัตตากับอนัตาอะไรเกิดก่อน (พ่อครูตอบว่า อัตตาหาที่เกิดหาที่ต้นไม่ได้ แต่อนัตตานี้หาที่จบได้แน่)

15. เรื่องปีชง (พ่อครูไม่มีความรู้เลยงดออกความเห็น) ... ใจแปลงถาม เห็นว่า รูปี รูปานิ ปัสสติ ... อันคำว่ารูปก็คือ รูปสัญญา ที่เมื่อล่วงพ้นรูปสัญญาได้แล้ว จึงจะไปเข้าสู่อากาสานัญจาฯ ... อีกคนถามว่า เจตโสอภินิโรปนา ใช่ลักษณะแบบอุปาทานหรือไม่ (ก็คือ ความปักใจมั่น แน่วแน่ที่จะก่อกรรมออกมา การปักใจมั่นแล้วนี่แหละที่มันมีพลังนิ่ง แต่มีพลังแฝงอยู่คือพลังปัญญา) 16. ท่านดูแลลูกศิษย์อย่างไร (พ่อครูตอบว่า ดูแลโดยไม่ต้องจ้องมอง นานๆที่จึงจะเรียกคุยสอบถามกันบ้าง) ... การไปเกิด เอาวิญญาณทางตา หู ฯลฯ หรือเอาดวงไหนไปเกิด (ก็เอาดวงใจไปเกิด)

ที่มา http://www.facebook.com/notes/asokeboonniyom/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%B2/341404369293065

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น