บังสุกุล คือการเอาผ้าจีวร หรือผ้าสบง ไปไว้ที่หน้าศพ พระก็ไปชักจากศพ
หรือทอดบนด้ายสายสิญจน์ที่โยงต่อจากศพ เป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับคนตาย
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 302
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ประทานอุปสมบทแก่พระมหา
กัสสปเถระด้วยโอวาท ๓ ประการ ครั้นประทานแล้วก็เสด็จออก
จากโคนต้นพหุปุตตกนิโครธเสด็จเดินทางมีพระเถระเป็นปัจฉาสมณะ.
พระสรีระของพระศาสดาตระการตาด้วยพระมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ
สรีระของพระมหากัสสปประดับด้วยมหาปุริสลักษณะ ๗ ประการ.
พระมหากัสสปนั้นเดินตามเสด็จพระศาสดา เหมือนเรือพ่วงไปตาม
เรือใหญ่สีทองฉะนั้น พระศาสดาเสด็จเดินทางไปหน่อยหนึ่งแล้วแวะลง
(ข้างทาง)แสดงอาการจะประทับนั่งที่โคนไม้แห่งหนึ่ง พระเถระระว่า
พระศาสดามีพระประสงค์จะประทับนั่ง จึงกระทำสังฆาฏิอันเป็นผ้า
เก่าที่ตนห่มให้เป็น ๔ ชั้น ปูลาดถวาย.
พระศาสดาประทับนั่งบนผ้าสังฆาฏินั้นแล้ว เอาพระหัตถ์
ลูบคลำเนื้อผ้าตรัสว่า กัสสป สังฆาฏิอันทำด้วยผ้าเก่าผืนนี้ของเธอ
นุ่มดี. พระเถระระว่า พระศาสดาตรัสถึงสังฆาฏิของเรานุ่ม คงจัก
ประสงค์จะห่ม จึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มี
พระภาคเจ้าทรงห่มสังฆาฏิเถิด. พระศาสดาตรัสว่า กัสสป เธอจะ
ห่มอะไร ? พระเถระกราบทูลว่า ข้าพระองค์ได้ผ้านุ่งของพระองค์
จึงจักห่ม. พระศาสดาตรัสว่า กัสสป ก็เธอจักอาจทรงผ้าบังสุกุล
ที่ใช้จนเก่าผืนนี้อย่างนี้ได้หรือ ด้วยว่ามหาปฐพีได้ไหวจนถึงน้ำรอง
แผ่นดิน ในวันที่เราซักผ้าบังสุกุลผืนนี้. ธรรมดาว่าจีวรที่เก่าเพราะ
ใช้ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายนี้ ถึงเก่าแล้วคนที่มีคุณนิดหน่อยไม่
อาจครองได้ จีวรเก่าดังกล่าวนี้ อันบุคคลผู้อาจสามารถในการ
บำเพ็ญข้อปฏิบัติ ผู้ถือผ้าบังสุกุลมาแต่เดิมจึงจะควรรับเอา แล้ว
ทรงเปลี่ยนจีวรกับพระเถระ.
ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปลี่ยนจีวรอย่างนี้แล้ว ทรงห่ม
จีวรที่พระเถระห่มแล้ว พระเถระห่มจีวรของพระศาสดา. ในสมัยนั้น
มหาปฐพีนี้แม้ไม่มีจิตใจก็ไหวจนถึงน้ำรองแผ่นดินเหมือนจะกล่าวว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ทรงทำสิ่งที่ทำได้ยาก จีวรที่พระองค์
ห่มแล้ว ชื่อว่าเคยได้ประทานแก่พระสาวกไม่มี (คือไม่เคยมีการ
ประทานจีวรที่ทรงห่มแล้วแก่สาวก) ข้าพระองค์ไม่อาจรองรับคุณ
ของพระองค์ได้. แม้พระเถระก็มิได้กระทำเหย่อหยิ่งว่า เดี๋ยวนี้
เราได้จีวรสำหรับใช้สอยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย สิ่งที่เราจะพึง
ทำให้ยิ่งขึ้นไปในบัดนี้ยังจะมีอยู่หรือ จึงได้สมาทานธุดงค์คุณ ๑๓
ข้อในสำนักของพระพุทธเจ้านั่นแหละ เป็นปุถุชนเพียง ๗ วัน
ในอรุณที่ ๘ ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยสูตรทั้งหลายมีอาทิ
อย่างนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กัสสปเปรียบเหมือนพระจันทร์
เข้าไปสู่ตระกูลทั้งหลาย หลีกกาย หลีกใจจากอกุศลธรรมทั้งหลาย
เป็นผู้ใหม่อยู่เสมอ ไม่คนองในตระกูลทั้งหลาย.
ส่วนบังสุกุลเป็น
อะจิรัง วะตะยัง กาโย
ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโณ........ ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ
นิรัตถังวะ กะลิงคะรัง
ร่าง กายนี้อีกไม่ช้าไ ม่นานนักจักนอนทับซึ่ งแผ่นดิน ครั้นปราศจากวิญญาณ อันเขาทิ้งเสียแล้วปร ะดุจดังว่าท่อนไม้และ ท่อนฟืน หาประโยชน์มิได้
เป็นพิธีการสะเดาะเคราะห์ให้กับตัวเองตามความเชื่อของคนโบราณ และเป็นการทำบุญอุทิศ ส่วนกุศลให้กับผู้ที่ ล่วงลับไปแล้ว รวมทั้งทำบุญให้กับตัวเราเอง เป็นความเชื่อที่มีการปฏิบัติกันมานาน หลาย ร้อยปีมาแล้ว บังสุกุลตาย ก็หมายถึงว่า สิ่งที่ไม่ดีในชีวิตข องเราที่ประสบมา พอเข้าร่วมในพิธี ก็เพื่อให้สิ่งเหล่าน ี้ผ่านพ้นไป ส่วนการบังสุกุลเป็นก ็เหมือนกับการให้ชีวิ ตใหม่ของเรา เหมือนเป็นการเกิดใหม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น