++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

มาตรการกดดันปราบกบฏแดง เพื่อให้ประเทศผ่านพ้นความอาฆาตแค้นของ นักโทษหนีคุก

ตามที่ ศอฉ. มีมาตรการที่จะกดดันการชุมนุมของกบฏแดง
ด้วยการตัดน้ำตัดไฟและตัดเส้นทางการส่งเสบียงอาหารและน้ำ
ตลอดจนการใช้กองกำลังทหาร ตำรวจ ปิดล้อมทุกช่องทาง 100% นั้น
เป็นมาตรการที่สมควรทำอย่างยิ่ง แม้ว่า ศอฉ.
จะระงับการใช้มาตรการดังกล่าวในคืนวันที่ 12 พค. นี้ก็ตาม

เนื่องจาก ณ ขณะนี้การชุมนุมรอบ ๆ บริเวณสี่แยกราชประสงค์
เป็นการป่วนบ้านเผาเมืองทำร้ายทำลายประเทศชาติของพวกกบฏแดง
โดยมีกองกำลังติดอาวุธสนับสนุนลักษณะผู้ก่อการร้ายเต็มรูปแบบ
ดังนั้นมาตรการดังกล่าวข้างต้นของ ศอฉ. จึงเป็นขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก
โดยเป็นสันติวิธีเพื่อมิให้เกิดการสูญเสียด้วยกันทุกฝ่าย

มาตรการกด ดันในครั้งนี้ จำเป็นที่จะต้องดำเนินการให้เกิดผลสำเร็จ
ด้วยเหตุผลหลายประการ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดี คือ โรงเรียนจะเปิดเทอม
จึงเป็นการเสี่ยงมากที่จะเกิดเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายจับนักเรียนเป็นตัว
ประกัน ดังเช่นการใช้อาคารต่าง ๆ โดยรอบการชุมนุม
ซึ่งเป็นย่านธุรกิจสำคัญเป็นตัวประกันตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

และ ที่สำคัญที่สุดคือ
การปฏิบัติการในขั้นตอนนี้จะเป็นการพิสูจน์ศักยาภาพของรัฐบาล ของ ศอฉ.
และของกองทัพไทย ตลอดจน สตช.
ในอันที่จะปกป้องคุ้มครองประเทศชาติให้รอดปลอดภัยจากน้ำมือของพวกกบฏแดง

นับ แต่นี้ไป เมื่อนักโทษหนีคุก
ไม่บรรลุเป้าหมายในการเจรจาต่อรองตามแผนปรองดอง
สิ่งที่ตามมาคือความอาฆาตเครียดแค้น คำสั่งไม่ให้แกนนำกบฏแดงถอย
และให้สู้ต่อไปและเพิ่มความรุนแรงให้เพิ่มมากขึ้น มากขึ้น
จึงเป็นคำตอบสุดท้ายของนักโทษหนีคุก
ซึ่งมีจิตใจโหดอำมหิตเป็นพื้นฐานย่อมทำได้ทุกอย่างให้ประเทศไทยต้องวินาศ
หายนะสนองตัณหาความสะใจ ดังคำพูดทำนองว่า "เมื่อข้าฯ สูญเสีย ทุกคน
(คนไทย) ก็ต้องสูญเสียเช่นกัน" หรือ "เมื่อข้าฯ ไม่มีความสุข
คนอื่นก็อย่าหวังที่จะมีความสุขเช่นกัน"

การที่มีคนบางคนออกมาพูดว่า
การตัดน้ำตัดไฟจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้อยู่อาศัยโดยรอบบริเวณการ
ชุมนุมนั้น ซึ่งรวมทั้งสถานทูต โรงพยาบาล นั้น
เป็นที่เข้าใจได้ถึงความเดือดร้อน แต่ถ้าไม่ใช้มาตรการสันติด้วยวิธีนี้
จะมีวิธีใดที่จะกดดันให้พวกกบฏแดงยินยอมสลายการชุมนุม
หรือจะปล่อยให้พวกกบฏแดงสร้างความเดือนร้อนอีกต่อไปบ้านเมืองจะวิบัติหายนะ

ความ เดือดร้อนจากมาตรการกดดันตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดเส้นทางการส่งเสบียงอาหาร
เป็นมาตรการที่หวังผลในระยะที่รวดเร็วภายใน 2 - 3 วัน
ถ้าทุกคนที่ได้รับผลกระทบจะยินยอมรับความเดือดร้อนกันบ้างไม่ดีกว่าที่จะ
ต้องรับสภาพเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ด้วยการอาศัยอยู่รอบ ๆ
สารพัดอาวุธร้ายแรงที่มีเต็มไปหมดในที่ชุมนุมหรือ ???

จึงเชื่อว่าคน ไทยและแม้แต่ชาวต่างชาติ
ที่อาศัยอยู่โดยรอบบริเวณการชุมนุมยินยอมพร้อมใจเสียสละ
ความไม่สะดวกไม่สบายในระยะสั้น ๆ
เพื่อแก้ไขปัญหาจัดการกับพวกกบฏแดงให้เรียบร้อยโดยเร็ว
เพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติ

มาตรการที่ ศอฉ. ปราบกบฏแดง จะต้องแบ่งการปฏิบัติงานกับคนสองกลุ่ม คือ

กลุ่มที่ให้การสนับสนนุนก บฏแดงและขัดขวางมาตรการของ ศอฉ. เช่น

1. พนักงานรัฐวิสาหกิจไฟฟ้า น้ำประปา บางคนบางกลุ่ม
ที่ฝักใฝ่กับพวกกบฏแดง ไม่ให้ความร่วมมือในการตัดน้ำ ตัดไฟ
เพื่อให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการของ ศอฉ.
จึงต้องจัดการกับคนกลุ่มนี้อย่างเด็ดขาด เพราะขณะนี้ประเทศประกาศ พรก.
ภาวะฉุกเฉิน ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งการให้ปฏิบัติ
โดยจะอ้างเหตุผลแบบไร้สาระเพื่อขัดขว้างมิได้

2. เจ้าของเครื่องปั่นไฟฟ้า เครื่องเสียง ที่ได้ผลประโยชน์จากกบฏแดง
ซึ่งขณะนี้ถือว่าปฏิบัติผิดกฏหมาย
เพราะให้การสนับสนุนการการก่อการร้ายกบฏภายในประเทศ ดังนั้น
เครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ
ดังล่าวจะต้องถูกยึดเพราะเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำผิดกฏหมาย
และดำเนินการเอาผิดกับเจ้าของกิจการด้วย

3. กลุ่มคนที่ให้การสนับสนุนส่งเสบียงอาหาร น้ำ เข้าไปในที่ชุมนุม
ซึ่งขณะนี้เป็นที่สงสัยว่าหน่วยงานราชการบางแห่ง
ตลอดจนเจ้าของธุรกิจบางราย ที่อยู่รอบบริเวรการชุมนุม
ให้การส่งเสบียงอาหารและน้ำผ่านช่องทางดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
บุคคลกลุ่มนี้เช่นเดียวกันที่จะต้องจัดการให้เด็ดขาดเพราะเป็นส่วนหนึ่งใน
การสนับสนุนการก่อการร้ายกบฏแดง

กลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนจากการ ตัดน้ำตัดไฟ ตามมาตรการของ ศอฉ. เช่น

1. ประชาชนผู้อยู่อาศัยรอบบริเวณการชุมนุม รัฐบาลและ ศอฉ.
จะต้องเตรียมสถานที่รองรับโยกย้ายชาวบ้านประชาชนให้อยู่อาศัยชั่วคราว
และให้การดูแลทรัพย์สินของประชาชนอย่างรัดกุม

2. โรงพยาบาล รัฐบาลและ ศอฉ.
จะต้องเตรียมแผนรองรับให้โรงพยาบาลโดยรอบริเวณการชุมนุมให้สามารถปฏิบัติงาน
ได้ตามปกติ โดยเฉพาะการดูแลคนไข้ให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด

3. สถานทูต รัฐบาลและ ศอฉ.
จะต้องเตรียมแผนการรองรับให้สามารถอยู่อาศัยในสถานทูตได้ตามปกติและด้วยความ
ปลอดภัย หรือหาสถานที่ชั่วคราวให้กับเจ้าหน้าที่ พนักงานสถานทูต่าง ๆ
อยู่อาศัย เป็นต้น

มาตรการเชิงรุก ควบคู่การกดดันตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดเสบียง

1. การปิดเส้นทางเข้าออกรอบบริเวรการชุมนุมของพวกกบฏแดง
โดยกองกำลังทหารและตำรวจ จะต้องดำเนินการเต็มอัตราศึก 100 %
ด้วยมาตรการออกได้ เข้าไม่ได้
และตรวจค้นการขนย้ายอาวุธของพวกกบฏแดงอย่างเข้มงวดและจริงจัง

2. การหยุดกิจการเส้นทางขนส่งทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้าใต้ดิน
รถไฟฟ้าลอยฟ้า และรถเมล์ ขสมก.

มาตรการเชิงรุก ดังกล่าวข้างต้นเพื่อให้ได้ประสบความสำเร็จ
เพื่ออำนวยความสะดวกแก่กองกำลังทหาร ตำรวจ
ที่จะปิดล้อมพวกกบฏแดงได้โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
และเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ชาวบ้าน

ในช่วงวันที่ 14 - 15 พค. นี้ คนกรุงเทพต้องเสียสละสนับสนุนแผนการ
"ปิดเมืองปราบกบฏแดง" โดย ศอฉ. ประกาศให้คนกรุงเทพทุกคนไม่ต้องออกจากบ้าน
เพื่อโดดเดียวพวกกบฏแดงให้อยู่ในวงล้อมของกองกำลังทหาร ตำรวจ
อย่างเด็ดขาด เป็นการแยกปลาแยกน้ำ
กรุงเทพทั้งกรุงเทพจะเงียบสงัดและวังเวง
ประชาชนคนกรุงเทพทุกคนจะติดตามข่าวผ่านทางโทรทัศน์ และวิทยุ อยู่ในบ้าน
เพื่อเฝ้ารอการปฏิบัติการเอาคืนความสุขแก่ประเทศไทย และคนไทยทั้งประเทศ

ศึก นี้ใหญ่หลวงนัก คนไทยทั้งประเทศต้องเอาใจช่วยให้ ทหารและตำรวจ
สามารถปฏิบัติการได้สำเร็จ
และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือทุกอย่างด้วยความเต็มใจ เพื่อประเทศชาติ
เพื่ออนาคตของลูกหลานคนไทยทั้งประเทศ ให้ผ่านพ้นความอาฆาตแค้นของคน ๆ
เดียว ที่เป็น นักโทษหนีคุก

ประชาชน
13 พฤษภาคม 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น