++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

"รัฐต้องเจรจากับประชาชนบริสุทธิ์" แต่ "รัฐต้องไม่เจรจากับผู้ก่อการร้าย"

โดย ไทยทน 19 พฤษภาคม 2553 11:38 น.
เป็นหลักการทั่วไปว่า
"เสียงของประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสันติ"
รัฐบาลที่ดีพึงต้องรับฟัง มีความชัดเจนแล้วว่า
รัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ได้รับฟัง "อย่างมาก" แม้กระทั่งเป็นช่วงบรรยากาศที่
กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำสิ่งที่เลวร้าย คือการบุกโรงพยาบาล
นายกฯอภิสิทธิ์กลับได้เสนอทางออกอันสันติที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเติมความ
รักให้กับสังคมไทย จนกระทั่งพี่น้องไทยที่มีสิทธิ์เสียงเช่นกัน
ก็รู้สึกไม่พอใจที่เขายังไม่อยากให้ยุบสภา
แต่ก็พอประนีประนอมได้เพื่อความสงบของแผ่นดิน

น่าเสียดายที่ นปช. กลับไม่ยอมรับ
อ้างจุดแตกต่างในประเด็นเล็กๆสำหรับกระบวนการที่ รองนายกฯ
สุเทพจะต้องเข้ากระบวนการยุติธรรม
เพื่อรับการตรวจสอบเหตุการณ์ความเสียหาย ขณะนี้
สิ่งที่ท่านนายกฯอภิสิทธิ์ และรองนายกฯสุเทพ ได้แถลงต่อสังคมนั้น
เป็นยิ่งกว่ากระบวนการเล็กๆน้อยที่เกี่ยงงอนนั้น
ด้วยสังคมไทยได้รับรู้ทั่วกัน ถ้าท่านมีความผิดจริง
ทุกคนก็จะได้ติดตามการเอาผิดร่วมกับท่านต่อไป

ในทางกลับกัน มาตรฐานอารยประเทศคือ
"รัฐต้องไม่เจรจากับผู้ก่อการร้าย" สังคมที่การก่อการร้าย
การคุมคามประชาชน คือ "อำนาจ" ที่ประชาชนต้องก้มหัวให้นั้น
เป็นสังคมที่ประชาชนมีแต่ความ "หวาดกลัว" ขาดเสรีภาพในชีวิต
วันหนึ่งวันใด กลุ่มก่อการร้ายทรงอำนาจ เขาอาจรุกมาปิดพื้นที่
ให้เราไม่ได้ทำงานเลี้ยงชีพและเลี้ยงครอบครัวก็อาจเป็นได้
เขาอาจจะมาปล้นสะดม ปล้นตู้เอทีเอ็ม เขาอาจจะมาเผายางหน้าบ้านเรา
ไม่สนใจอากาศที่เราจะหายใจ เขาอาจจะมายิง M79 เผาอาคารบ้านเรา
หรืออาคารรอบข้าง แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร ?

น่าเศร้าใจที่กลุ่มก่อการร้ายคิดเหมือนกำลังทำสงคราม
เราพี่น้องคนไทย แม้จะ "ถูกกระทำ" ก็ยังพยายามคิดตามผู้นำ คือ ให้อภัย
ภาพที่กลุ่มคนเสื้อแดงไปโยนเลือดที่บ้านนายกฯ แต่นายกฯก็อดทน
และพร้อมจะเสนอทางออกที่ปรองดอง เห็นชัดว่า ท่านโดยส่วนตัวอดทนได้
แต่ในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำประเทศ ประชาชนที่ถูก "โจมตี" โดยตรงจำนวนมาก
และโดยอ้อมทั้งแผ่นดิน ท่านต้องจัดการให้เกิดความสงบสุขให้พี่น้องประชาชน
และรักษาประเทศไทยให้เป็น "นิติรัฐ" ให้ได้ต่อไป

... และท่านก็จัดการด้วยการยอมเสียสละเวลาในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ท่านทำงานการเมืองมากว่า 20 ปี ยินดีเป็นฝ่ายค้านมาตลอด
ท่านเข้ามาก็แก้ปัญหาบ้านเมืองได้ดี หลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์
และความอ่อนไหวทางการเมือง เราก็ผ่านวิกฤตมาจนแทบไม่รู้สึกวิกฤต
คนว่างงานมีเพียง 1% เมื่อเทียบกับที่สหรัฐฯที่สูงถึง 10%
ท่านก็ยินดีสละตำแหน่งหน้าที่ของท่านประมาณปีกว่า ด้วยท่านไม่ยึดติด
แต่ต้องช่วยประเทศไทยให้รักษาหลักการนิติรัฐในการปกครองบ้านเมืองให้เทียบ
เทียมอารยประเทศ จึงต้องไม่ยุบสภาภายใต้แรงกดดันอันมิชอบ

ตามแผนปรองดองตอนต้นนั้น เพียง 4-5 เดือนก็จะมีการยุบสภา
ทุกคนก็กลับไปได้อย่างสงบ

การถอยอย่างสงบควรจะเกิดขึ้นได้ แต่กลับไม่ยอมรับ ต้อง "กระทำ"
ให้เกิดความรุนแรง ความโกรธเกลียดชิงชังกันมากขึ้น
ต้องรุกรานคนบริสุทธิ์มากขึ้น และหวังว่าจะต้องลอยนวลหลังการก่อการร้าย

ทุกครั้ง หลังจากที่ได้สร้าง "ความเลวร้าย" จึงให้ "มวลชน" ยอมเจรจาผ่อนปรน

จำได้ว่า หลังการยิง M79 จนชาวบ้านที่สีลมเสียชีวิต
ก็ยอมผ่อนเงื่อนไขให้ ยุบสภาใน 30 วัน

ในครั้งนี้ หลังเผายางหลายพื้นที่ หลังยิง M79 หลายครั้ง
มีการเผาอาคารของประชาชนบริสุทธิ์ มีการใช้อาวุธร้าย แต่โหดร้ายที่สุดคือ
กลับไปซ่อนตัวหลังประชาชนมือเปล่า มีการเอาเด็กมาล่อเป้า
มีการใช้เด็กเข้ามาในกระบวนการทำร้ายคนไทยกันเอง กลับจะอ้างว่า
"พร้อมเจรจา" "อย่าทำคนมือเปล่าเลย"

เป็นมาตรฐานทั่วโลก "รัฐต้องเจรจากับประชาชนบริสุทธิ์" แต่
"รัฐต้องไม่เจรจากับผู้ก่อการร้าย"

ไทยทนเชื่อว่า สื่อมวลชนทุกคน มีจิตวิญญาณเดียวกัน คือ
ให้ความสำคัญกับ "ชีวิตมนุษย์" เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
แต่การก่อการร้าย การอวดอำนาจข่มเหงประชาชนอื่นๆผู้บริสุทธิ์
การสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง และที่เลวร้ายที่สุด
คือ การจงใจสร้างความโกรธเกลียดชิงชัง จนนำไปสู่สงครามประชาชนนั้น
เป็นความอำมหิตต่อคนไทยทุกฝ่าย ทุกสี ที่ชาวไทยก้มหัวยอมรับไม่ได้

ท่านลองวางปืน วาง M79 หยุดเผายาง หยุดโยนระเบิดเพลิง
หยุดเผาทรัพย์สินของราชการและประชาชนผู้บริสุทธิ์

หากภาครัฐยังยิงทำร้ายประชาชนบริสุทธิ์มือเปล่า
ประชาชนทั้งแผ่นดินยังร่วมกับท่าน

... แต่หากท่านยังทำตัวเป็นผู้ก่อการร้าย
ไม่ว่ารัฐบาลอารยประเทศใด ก็คงเจรจาด้วยไม่ได้

... แต่หากท่านกลับมาเป็นผู้เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสันติ
รัฐบาลย่อมเจรจาและรับฟังท่านได้ครับ

คงต้องแยกตัวท่านเองออกจาก "ผู้ก่อการร้าย" แล้วครับ

ไทยทนยังเชื่อว่า คนไทยเป็นพี่น้องกัน รักกันเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นสีใด เชื่ออย่างไร แต่ศัตรูร่วม
คือผู้กระตุ้นความโกรธเกลียดชิงชัง ด้วยข้อมูลด้านเดียว การข่มขู่คุกคาม
หากสภาพบ้านเมืองยังเป็นเช่นนี้
การเลือกตั้งก็จะยังไม่ใช่การเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

เมื่อเราคนไทยทุกคน แสดงออกถึงความสงบและความเข้าใจกัน
มีความเป็นปึกแผ่น เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่มีการคุกคาม
ไม่มีการก่อการร้าย เราก็จะมีการเลือกตั้งหลังจากนั้นในไม่ช้า
แม้เราจะเห็นต่างกัน ชอบต่างกัน เราก็แสดงได้ด้วยเสียงอันบริสุทธิ์ของเรา
และผลการเลือกตั้ง
ทุกคนก็ต้องเคารพเพื่อความปรองดองในสังคมให้เรากลับมาได้วันดีๆ
เหมือนเดิมครับ


ไทยทน (รักชาติไทยด้วยใจอดทน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น