เอเอสทีวี-ผู้จัดการ ให้สัมภาษณ์นางสาวกมลพร วรกุล ในรายการ
"คอคนคอข่าวภาคพิเศษ" ทางเอเอสทีวี ช่วงเวลา 22.00-23.00 น. วันที่ 20
พ.ค.ที่ผ่านมา ถึงทางออกของสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันว่า
รัฐบาลควรจะสรุปบทเรียน และน่าจะเห็นพัฒนกาารของปัญหาว่ามาจาก
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
และต้องยอมรับความจริงว่าขณะนี้มีขบวนการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่รัฐไทย
ใหม่โดยเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไปจากระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์
ทรงเป็นประมุข ซึ่งที่ผ่านมาผู้มีอำนาจรัฐได้ละเลยและมองว่าเป็นแค่ปัญหาการเมือง
ขณะเดียวกันเรามีนักสันติวิธีที่ไม่ทันเกม
และมีสื่อที่เป็นอีแอบช่วยแต่งหน้าทาแป้งให้ขบวนการเหล่านี้มันไม่ชัดเจน
จนขบวนการนี้เติบโต และมีมวลชนเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่หลังวันที่ 19 ก.ย. 2549
มาจนวันนี้กว่าสังคมจะตื่นรู้ทันก็เห็นบ้านเมืองวอดวายไปแล้ว
นายยิตตนาถกล่าวต่อว่า
ที่จริงรัฐบาลชุดนี้มีบทเรียนมาตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว
ซึ่งสามารถปราบการชุมนุมของคนเสื้อแดงได้แล้ว
คะแนนนิยมของรัฐบาลก็ได้แล้ว
แต่ก็ปล่อยให้ขบวนการคนเสื้อแดงเติบโต้ขึ้นมาอีกครั้ง
จากที่เสียคะแนนนิยมไปจนหมด สามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
และเป็นระบบแบบแผนขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงก็ปล่อยปะละเลย
ทำเป็นธุระไม่ใช่ วิทยุชมชนเกิดขึ้นเป็นดอกเก็ด ก็ไม่จัดการ
ปัญหาที่สั่นสะเทือนมากที่สุดคือการเคลื่อนไหวช่วง 2
เดือนที่ผ่านมานี้ บทเรียนของรัฐบาล ประชาชน และสื่อมวลชน
คือการไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และเมื่อมีผู้ท้วงติง
ก็มีเสียงออกมาประมาณว่ารัฐบาลต้องเป็นกลาง สื่อต้องเป็นกลาง
แต่เขาไม่มองปัญหาความมั่นคงของชาติ ที่มันมี 2
ขั้วระหว่างขั้วที่ต้องการทำลายระบบเดิม กับขั้วที่ต้องการคงระบบเดิม
ซึ่งกว่าจะมีการยอมรับ มาถึงวันนี้ก็เกือบที่จะสายเกินไป
นายจิตตนาถกล่าวต่อว่า เมื่อไม่ยอมรับความจริง
รัฐบาลก็รอให้ปัญหาสุกงอม ให้ประชาชนเดือดร้อนก่อน
หรือรอความชอบธรรมก่อนค่อยเข้าไปจัดการ เช่น
การชุมนุมของคนเสื้อแดงควรให้อยู่เฉพาะบริเวณสะพานผ่านฟ้า
ต้องจัดกำลังบล็อกไม่ให้ไปราชประสงค์ให้ได้
อาจทำให้นักสันติวิธีหรือว่าสื่ออีแอบโวยวายบ้าง
คะแนนนิยมอาจจะได้น้อยบ้าง แต่ความสูญเสียจะน้อยกว่านี้
อาจจะบาดเจ็บไม่กี่คน นอกจากนี้รัฐบาลต้องสกัดพลังทำลายล้างของฝ่ายเขา
ถ้าเขาเล่นเกิมไต้ดินเพื่อสร้างความปั่นป่วน
รัฐบาลก็ต้องจัดหน่วยไว้จัดการเรื่องนี้
นี่คือบทเรียนที่ไม่ยอมรับความจริงหน่วยงานความมั่นคงก็แตกกันเป็นหลายส่วน
จนวันนี้เพิ่งจะมารวมกันใหม่
นายจิตตนาถ กล่าวอีกว่า นายอภิสิทธิ์เชื่องช้าในการจัดการกับปัญหา
เพราะใช้การเมืองนำความมั่นคง
ในเมื่อรู้ว่าขบวนการเผาบ้านเผาเมืองจะยุติลงก็เพราะ
พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนสั่ง ในเมื่อรู้เป้าหมาย ทำไมไม่จัดการก่อน
แต่พอจะจัดการกับปัญหา ก็ติดกับดักของนักสันติวิธี
ตอนที่ทหารกระชับวงล้อม นปช.ก็มีกองกำลังมาสู้กับทหาร นี่คือความจริง
แต่สื่อก็ไปบิดเบือน เช่น เครือมติชน ออกแถลงการณ์ว่าให้หยุดความรุนแรง
แต่เขาไม่มองว่าฝ่ายรัฐมีความชอบธรรมที่จะป้องกันตนเอง
แต่อีกฝั่งหนึ่งต่างหากที่ต้องการทำลายรัฐบาลและทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ
เปรียบเหมือนตำรวจกำลังจะจัดการกับโจร
แต่สื่อหรือนักสินติวิธีจอมปลอมมาบอกว่าให้ตำรวจปรองดองกับโจร
นายจิตตนาถ กล่าวต่อว่า การจัดการกับคนเสื้อแดงคราวนี้
ต้องอย่าหละหลวม อย่างเช่น การยอมให้แกนนำ
นปช.ที่ถูกจับกุมไปควบคุมตัวไว้ในที่เดียวกัน
ซึ่งอาจมีการรวมหัวกันวางแผน
หรือตระเตรียมกันเรื่องการให้ปากคำในคดีก็ได้
นายจิตตนาถกล่าวว่า ปัญหาตอนนี้คนไทยเกิดรอยร้าวกันขึ้นมากแล้ว
มวลชนคนเสื้อแดงยังไม่สลายไป เพียงแค่แกนนำโดนจับกุมเท่านั้น
ขณะที่กองกำลังใต้ดินก็เกิดขึ้นมาใหม่ได้ ตอนนี้ ศอฉ.กำลังบอกว่า
ให้เรากลับมารักกันใหม่ ลืมๆ เรื่องอดีตไปซะ
แต่เท่าที่ดูมวลชนคนเสื้อแดงแคียดแค้นมากว่าเดิม
เพราะอ้างว่าพวกเขาถูกฆ่า ดังนั้น
ถ้ารัฐบาลจะปรองดองจะต้องทำให้พวกเขามีความเข้าใจที่ถูกต้องก่อน
ตามที่นายกฯ ต้องการให้เกิดการปรองดองนั้น จะต้องปรองดองกับ 5
ส่วน คือ 1.มวลชนคนเสื้อแดงที่ยังคุ้มคลั่ง
2.ปรองดองกับแกนนำทั้งแกนนำที่เปิดเผยตัวกับแกนนำที่เป็นกุนซือ
3.ท่อน้ำเลี้ยง 4.กองกำลังติดอาวุธ และ 5.พรรคเพื่อไทย
นายจิตตนาถกล่าวว่า การจะปรองดองกับมวลชนคนเสื้อแดงนั้น
จะต้องให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องกลับไปสู่คนเสื้อแดงเสียก่อน
ถ้ามีการปฏิรูปสื่อ ต้องให้สื่อเอาข้อมูลที่ถูกต้องเข้าถึงประชาชน
คนเสื้อแดงที่มามีความเดือดร้อนอะไร
รัฐบาลต้องออกมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือ
มีคนเสนอความเห็นว่าเงินที่ยึดไปจาก พ.ต.ท.ทักษิณนั้น
ส่วนหนึ่งควรเอามาเยียวยาผลกระทบจากการชุมนุมโดยตรง
กับอีกส่วนทำเป็นงบประมาณที่จะกลับไปสู่ชุมชน สร้างรายได้ให้ประชาชน
ให้มีที่กู้เงิน ให้มีสหกรณ์ ซึ่งต้องทำโดยเร็ว
นายจิตตนาถกล่าวว่า ในส่วนของมวลชนไม่น่ากลัวเท่าไหร่
ในสมัยสามก๊ก มีโจรโพกผ้าเหลือง โจโฉยังเอามาใช้งานได้ โดยให้ที่ทำกิน
แล้วให้มาช่วยเป้นกองกำลังของวุยก๊ก ขยายแสนยานุภาพได้
เพราะฉะนั้นคนเสื้อแดงที่มาชุมนุม ถ้าทำให้เขาพออยู่พอกินเขาจะลืม
พ.ต.ท.ทักษิณทันที รัฐบาลควรจะสรุปบทเรียนและต้องรีบทำโดยเร็ว
เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ขณะนี้มันไม่ไปถึงพวกเขา
อย่างโครงการไทยเข้มแข็งก็เป็นระดับนโยบาย และมันมีเรื่องทุจริต
ขณะที่เม็ดเงินไปไม่ถึงพวกเขา
ส่วนระดับแกนนำต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จับแล้วต้องไม่ปล่อย
โดยเฉพาะคนที่เป็น ส.ส.ที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย
ไม่ควรจะให้ใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง
และเมื่อมีการจับแกนนำที่เปิดเผยตัวหรือบนดิน
ก็ควรจะจับแกนนำใต้ดินหรือคนที่เป็นกุนซือด้วย ส่วนท่อน้ำเลี้ยงนั้น
ควรจะตัดนานแล้ว แต่เพิ่งมาตัด อย่างคนที่ขายกาแฟเพิ่งมาตัดวันนี้
ถ้าเขาตั้งทนายสู้ก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด ไม่ใช่ปล่อยคืนง่ายๆ
หรือยึดไว้ชั่วคราวแล้วปล่อย
ส่วนกองกำลังติดอาวุธนั้น เมื่อเห็นแล้วต้องจัดการทันที
ปัจจุบันมีเคอร์ฟิวก็ยังมีการเผาปล้นสะดม ไม่หยุดหย่อน
เราต้องปราบปรามอย่างจริงจัง คนทำไม่ดี ก็ต้องยิง แล้วมันจะค่อยๆ หายไป
และต้องออกหมายจับกองกำลังติดอาวุธ เพราะรู้ๆ
อยู่ว่าส่วนหนึ่งมาจาทหารเพื่อนของ พ.ต.ท.ทักษิณ บางคนยังรับราชการอยู่
ควรจะออกหมายจับ อย่ามัวเกรงใจ นี่คือสงครามที่เขาก่อ
และเขาไม่หยุดแน่นอน ถ้ายังมีมวลชน มีแกนนำ มีท่อน้ำเลี้ยง
อีกหน่อยเมื่อมีเลือกตั้งก็จะยิงกันเละแน่ ถ้ายังมีจัดการส่วนนี้ อีก 3
ปีก็เลือกตั้งไม่ได้
ในส่วนของพรรคการเมือง นั้น
การที่พรรคการเมืองนี้สนับสนุนกลุ่มติดอาวุธ
ปั้นหลักฐานเท็จมาหลอกลวงประชาชนและสื่อมาโดยตลอด พรรคนี้สมควรโดนยุบ
ใครเคยขึ้นเวทีคนเสื้อแดง ต้องให้กกต.จัดการให้หมด
ไม่มีใครหรอกที่ทำเลวแล้วนยอมรับ บทเรียนที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ทำงานเชิงรุก
ขอให้ นายกฯ และ ศอฉ.ทำงานเชิงรุก
อย่าตกหลุมพรางตัวเองเหมือนเดือนเมษายนปีก่อนที่ชนะแล้วปล่อยปะละเลย
ยิ่งราวนี้ยังไม่ชนะด้วยซ้ำ แค่ม็อบโดนยึดพื้นที่คืน
จึงควรยังคงมาตรการเข้มข้นไว้ต่อไป
นายจิตตนาถกล่าวว่า หลังจากยกเลิกเคอร์ฟิวแล้ว ควรจะคง
พ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้อีก 1 เดือน แน่นอนคนที่จะต่อต้านก็ต่อต้านอยู่แล้ว
แต่ต้องดูว่า ถ้าเลิกแล้วจะเกิอะไรขึ้น ถ้ากลุ่มติดอาวุธออกมาอาละวาดอีก
ตำรวจเอาไม่อยู่แน่ เพราะเป้นตำรวจมะเขือเทศ ต้องใช้ทหารเท่านั้น
หลังจากครบ 1 เดือนยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วก็ควรจะใช้
พ.ร.บ.ความมั่นคงต่ออีก 6 เดือน ซึ่งการมี พ.ร.บ.ความมั่นความมั่นคง
น่าจะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจว่ารัฐบาลคุมสถานการณ์ได้
รัฐบาลมีบทเรียนแล้ว ต้องทำอะไรให้เต็มที่
ประชาชนอยากเห็นความสงบสุข ประเทศอยู่ปากเหวแล้ว ถ้าอยู่ๆ มาปรองดอง
ถอยหลังเข้าคลองอีก มันจะสูญเปล่า ประชาชานวันนี้ตื่นแล้ว
ขอชื่นชมคุณพงษ์พัฒน์ วชิระบรรจงมาก ไม่ต้องมาร่วมกับเราก็ได้
ขอแค่ตื่นตัวรู้ว่าปัญหาบ้านเมืองคืออะไร แล้วกล้าแสดงออก ไมแอ๊บไม่อาย
เรียนรู้ปัญหา และกล้าเปลี่ยนแนวคิด เรียกร้องความถูกต้องให้สังคม
นายจิตตนาถย้ำว่า ถ้า ศอฉ.และรัฐบาลเอาจริง
พรรคเพื่อไทยสมควรถูกยุบอยู่แล้ว จากการเชื่อมโยงในเหตุการณ?ครั้งนี้
กลัวแต่รัฐบาลจะมองว่า ไม่ควรไปแตะเขา
กลัวจะเป็นการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ขอให้เลิกคิดแบบนี้
เพราะความรุนแรงมันเกิดขึ้นมาแล้ว
ควรจะให้ตึกเซ็นทรัลเวิลด์ที่ถล่มลงมาเป็นอนุวารณ์ และเป็นบทเรียนสำคัญ
ทั้งนี้ โอกาสที่จะเป็นสงครามใต้ดินเหมือนภาคใต้มีสูง
ถ้ารัฐบาลมองเป็นการเมืองจะแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วพูดถึงความปรองดองจอมปลอม
โดยที่สังคมไม่พร้อม
นายจิตตนาถกล่าวว่า รัฐบาลในฝันหลังจากนี้
ก็คือรัฐบาลที่รู้จักเรียนรู้จากปัญหา ทั้งความมั่นคง การทุจริต
และแก้ปัญหาปากท้อง โดยเปิดให้ภาคประชาชนมีส่วนบริหารประเทศ
และแสดงความเห็นมากขึ้น ส่วนข้อเสนอที่ว่าควรมีรัฐบาลพระราชทานสัก 3 ปี
อาจดูว่าสุดโต่ง แต่ถ้ามันสร้างความมั่นคง ความอยู่ดีกินได้
แล้วให้ขบวนการรัฐไทยใหม่หมดไปก่อนก็น่าจะยอมรับได้ เหมือนเราคง
พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ซึ่งนักลงทุนก็โอเค
แต่ต้องอย่าให้มีนักฉวยโอกาสเข้ามาเป็นอันขาด ทั้งนี้รัฐบาล
อาจมีลักษณะเหมือน สนช.ที่รวมคนดีๆ จากหลายภาคส่วนเข้ามา
นายจิตตนาถกล่าวในตอนท้ายว่า ช่วงเวลาจากนี้ไป จะต้องระวัง
เหมือนบอลแพ้แต่คนไม่แพ้ ที่สำคัญเจ้าของสโมสรไม่แพ้ด้วย
ดังนั้นจะต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติ อย่าติดกับดักนักสันติจอมปลอม
และที่สำคัญรัฐบาลก็อย่าโง่
แล้วคนไทยที่รักชาติ รักแผ่นดิน ต้องมาช่วยกัน แวะที่ ....http://www.ainews1.com/modules.php?name=Web_Board&file=view&No=239
ตอบลบ