++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

"สนธิ" คืนพันธมิตรฯ สละเก้าอี้ ก.ม.ม. เสนอทางออกปฏิวัติ-ดึง ปชช. ปฏิรูปประเทศ

วันนี้ (14 พ.ค.) รายการ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"
ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 20.30-22.00 น.
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
มาตามคำเรียกร้องของพี่น้องพันธมิตรฯ กลับมาวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมือง
ตลอดจนตีแผ่ความชั่วร้ายการเมืองไทยที่เกาะกินมาเป็นระยะเวลานาน
จนทำให้เกิดความเสื่อมในหลายสถาบันหลักของประเทศ

นายสนธิ กล่าวเปิดรายการว่า วันนี้ตนอยากออกมาพูด
หลังจากที่เก็บความรู้สึกนี้มาเป็นเวลา 2 ปีกว่า
โดยได้สังเกตและเก็บรวบรวมความรู้สึกจึงเห็นความเปลี่ยนแปลงของประเทศมากมาย
พอเกิดพันธมิตรฯ ขึ้น มีการกล่าวหาว่าบ้านเมืองแตกแยกเพราะคนเสื้อสีนี้
แต่ตนไม่ท้อถอย กลับมั่นใจ
เพราะสีเหลืองเป็นสีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทำให้ตนเทิดทูนสีเหลือง พร้อมที่จะตายเพื่อสีเหลือง ดังนั้น
ตนขอทำทุกอย่างในฐานะหนี้ของแผ่นดิน
ตนไม่เคยฝันว่าต้องเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ตลอดเวลา มาเป็นผู้นำพันธมิตรฯ
ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ ไม่มีความจำเป็นต้องหันไปใส่เสื้อสีอื่น
วันนี้บ้านเมืองเราได้ก้าวข้าม พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ ไปแล้ว เนื่องจากชาติบัานเมืองถ้าเราตั้งใจเดินหน้าเต็มที่
เราก็จะเหลือมรดกไว้ให้ลูกหลาน

นายสนธิ กล่าวต่อว่า
วันที่ตนตัดสินใจรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ มีหลายคนไม่เห็นด้วย
มีคนต่อว่าไหนบอกจะไม่เล่นการเมือง ประเด็นนี้ตนอยากระบุว่า
ตนไม่เคยคิดเป็นใหญ่
หากจำได้ตนเคยพูดว่าจะไม่รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคตั้งแต่แรก
แต่ด้วยเหตุจำเป็นที่พรรคการเมืองต้องมีผู้นำ
เพื่อให้พรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้น เวลาที่ผ่านมา
ซึ่งตนเคยต่อสู้ร่วมกับพี่น้องน่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์

นายสนธิ กล่าวอีกว่า เมื่อพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นแล้ว
ตนได้รับเลือกในบทบาทหัวหน้าพรรค
ซึ่งตนตั้งใจไว้ว่าจะเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้นแล้วจากไป
โดยเมื่อวานนี้ตนได้ยื่นใบลาออกแล้ว ตนเป็นคนรักษาสัจจะเสมอ
มีหลายคนถามว่าทำไมต้องลาออก ทั้งที่นาทีนี้พรรคการเมืองใหม่
หากร่วมมือกับพรรคดีๆ มีสิทธิ์ได้เก้าอี้ ส.ส. 4-5 คน ตนให้เหตุผลไปว่า
หากเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ จะถูกจำกัดอะไรหลายอย่าง
เวลานี้พรรคการเมืองใหม่ไม่จำเป็นต้องพึ่งตน ดังนั้น
ตนขออนุญาตกลับไปเป็น นายสนธิ ลิ้มทองกุล คนเดิม
ที่เป็นสื่อมวลชนปากกล้าที่เลวน้อยที่สุด ตนขอกลับคืนสู่พันธมิตรฯ
อย่างเต็มตัว โดยไม่มีสายใยทางการเมืองอีกต่อไป

นายสนธิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนต้องอดทนต่อคำให้ร้ายนินทา
วันนี้ตนเป็นนายสนธิคนเก่าที่กลับมาใหม่อีกครั้ง
เป็นคนเก่าที่ต่อสู้และลุกขึ้นมาเป็นคนแรกขอประกาศทำเพื่อชาติบ้านเมือง
เป็นคนที่ทำแม้กระทั่งชีวิตเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยง
เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยตัวเอง
รวมทั้งไม่ใช่เหมือนคนที่เหยียบศพผู้อื่นแล้วลืมบุญคุณ ลืมกำพืดตัวเอง
แต่ถึงตนลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่
แต่ตนยังให้การสนับสนุนพรรคการเมืองใหม่เหมือนเดิม
เนื่องจากพรรคการเมืองใหม่เป็นพรรคเดียวที่มีอุดมการณ์เหมือนพันธมิตรฯ
เพราะฉะนั้นเมื่อมีจิตวิญญาณเดียวกัน เราจะสนับสนุนพรรคการเมืองใหม่

นายสนธิ กล่าวต่อว่า หากถามว่าทำไมชาติบ้านเมืองจึงวุ่นวายแค่นี้
บางคนโทษว่ามีปฏิวัติมากเกินไป
ขณะที่บางคนโทษว่าเพราะมีนักการเมืองที่เลวทราม
ตนจะขอกราบเรียนว่าหากโทษการปฏิวัติ ประเทศไทยเราไม่เคยมีปฏิวัติเลย
มีแต่รัฐประหารที่ผ่องถ่ายอำนาจกัน ล่าสุด อยากให้เป็นดูเทปสมัย
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี
ตนเป็นคนแรกที่พูดสมัยนั้นว่าเป็นสมบัติผลัดกันชม
ไม่ได้เข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาประเทศจริงๆ

นายสนธิ กล่าวอีกว่า มาวันนี้
ต้องบอกว่านอกจากบ้านเมืองเปลี่ยนแปลง ศาสนาก็เปลี่ยน อย่างเช่น
พระสงฆ์ที่ไปร่วมการชุมนุมคนเสื้อแดง
ไม่ว่าจะเป็นแต่งกายหรือไปอยู่สถานที่ไม่เหมาะสม
แค่นี้ก็เกิดภาพที่ไม่น่าดูแล้ว
ยิ่งเห็นภาพกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงตอนไปบุกโรงพยาบาลจุฬาฯ
แล้วทำเสียงอึกกะทึกครึกโครม จนทำให้ สมเด็จพระสังฆราชฯ พักผ่อนไม่ได้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมอบหมายให้ สมเด็จพระเทพฯ
ไปทูลเชิญให้ไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลศิริราชหรือจะเป็นเหตุการณ์ที่กลุ่ม
คนเสื้อแดงไปขวางรถหลวงตามหาบัว

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ภาพเหล่านี้ มันทำให้เห็นว่าศาสนาอ่อนแอ
ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อ่อนแอตามไปด้วย 33 ปีที่ผ่านมา
การเมืองไทยทำให้ศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ง่อนแง่นมาตลอด
เพราะมีนักการเมืองชั่วช้า
ทหารแทนที่จะเป็นผู้เคียงบ่าเคียงไหล่สถาบันกษัตริย์ก็กลับไม่ยอมทำหน้าที่
ทั้งที่ทหารเป็นเสาหลักบ้านเมืองและมีหน้าที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ขึ้นชื่อว่ากำเนิดมาจากอำมาตย์และศักดินา
กลับไม่เคยสนใจเรื่องนี้ จนกระทั่งถูกโจมตี
จนพันธมิตรฯและสื่อเอเอสทีวีออกมาตีแผ่ทุกอย่าง แต่มีหลายฝ่ายไม่เคยเชื่อ
จนบัดนี้มันเกิดขึ้นมาจริงๆ

นายสนธิ กล่าวว่า อีกปัจจัยที่ทำให้การเมืองไทยเป็นเช่นนี้
เพราะทุนมันเข้ามาระบอบการเมืองไทยมากเกินไป
ทำให้ผู้คนเห็นแก่ความสำคัญของลาภยศ ไม่มีใครยอมทำหน้าที่ของตนเอง
ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือนักการเมือง มันมีตั้งแต่สมัยยุค พ.ต.ท.ทักษิณ
จนกระทั่งถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ตนขอเรียกว่าเป็นระบบการเมืองน้ำเน่า
และเรียกรัฐบาลชุดนี้ว่า "เทพอสูร" คือ
แทนที่ได้เป็นรัฐบาลแล้วจะไม่ลืมภาระหน้าที่
แต่ยึดเอาบ้านเมืองสำคัญกว่าเรื่องส่วนตัว
มีคนถามว่าตนคุยกับเสื้อแดงได้หรือไม่ ตนบอกไปว่าคุยได้ จับมือกันได้
แต่พวกเสื้อแดงต้องก้าวข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ
และต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ามีอุดมการณ์เดียวกัน คือ รักชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ เสียก่อน
ตนเชื่อว่าส่วนหนึ่งในคนเสื้อแดงหลงเชื่อข้อมูลที่ผิดๆ ดังนั้น
ถ้าจะหาคนรับผิด ก็ต้องโทษ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย
ในฐานะที่ดูแลสื่อแต่ไม่เคยทำหน้าที่ให้เต็มที่
ส่วนรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน หากไม่ยอมทำหน้าที่ขอตนเอง
ตนขอเสนอให้ทำการปฏิวัติ แล้วดึงประชาชนมามีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศ

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ถือว่าโชคดีของประเทศที่โรดแมปพังไปแล้ว
เพราะเป็นแผนที่ลอยแพสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเห็นได้ชัด
ตนเคยพูดตรงนี้มา 2-3 ปีที่แล้ว ตนเคยพูดว่า พระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว
ไม่มีที่พึ่งแล้ว เพราะการเมืองมันทำให้นักการเมืองเป็นเช่นนี้
หากเราอยากจะหลุดพ้นหรือเดินหน้าได้ต่อ ต้องมีสติและใช้ปัญญา
ตราบใดที่เราเห็นเหมือนกันว่าชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นเรื่องสำคัญ
เราต้องมาร่วมแก้ไข จริงๆแล้วปัญหาคนเสื้อแดงเกิดจากความยากจน
ทำอย่างไรให้เขาลืมตาอ้างปากได้
ไม่ต้องหันไปหานายทุนที่เจรจาผลประโยชน์กับนักการเมืองใหม่
ถ้าหากตนเป็นนายอภิสิทธิ์ ตนจะไม่ยุบสภาในปีนี้
เพื่อที่จะใช้เวลานี้ปฏิรูปการเมืองอย่างจริงจัง
เพราะวันนี้ชาติบ้านเมืองไปต่อไม่ได้แล้ว
ตราบใดที่ยังมีการยิงกันกลางเมือง
ปัญหาเหล่านี้ล้วนแล้วต่างเกิดขึ้นเพราะนักการเมืองสร้างขึ้น
วันนี้รัฐบาลจะประคองตัวเองไม่ให้ไม่มีบาดแผลมันไม่ได้

คำต่อคำ : สนธิ ลิ้มทองกุล
ช่วงที่ 1
สวัสดีครับท่านผู้ชมและพ่อแม่พี่น้องชาวพันธมิตรประชาชนเพื่อ
ประชาธิปไตยครับ ไล่มันออกไป และเอาประเทศไทยของเราคืนมา
เมื่อกี้นี้ผมนั่งดูเพลงไตเติ้ลขึ้นรายการ "เทียนแห่งธรรม"
ดูแล้วอดน้ำตาซึมไม่ได้ ดูความสงบ สันติ อหิงสา ของพลังศีลธรรมที่แท้จริง
ทั้งจริยธรรมที่ลุกขึ้นมาสู้เพื่อชาติบ้านเมือง ด้วยจิตที่บริสุทธิ์
ไม่ได้สู้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง หรือไม่ได้สู้เพื่อให้ตัวเองมีอำนาจ
ผมหายไปนานพอสมควร ที่ผมหายไปนานนั้นพ่อแม่พี่น้องหลายคนก็เป็นห่วงเป็นใย
พวกศัตรูก็บอกว่าผมหนีไปแล้ว ผมเคยให้สัมภาษณ์คุณแอน จินดารัตน์
ในรายการแอน จินดารัตน์ เมื่อแอนถามว่า คุณสนธิหายไปไหน ผมบอกคุณแอนว่า
ผมไม่ได้ไปไหน ผมคือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ลูกเจ๊กแซ่ลิ้ม คนไทยเชื้อจีน
ที่ได้ทำหน้าที่เกินกว่าความเป็นลูกเจ๊กแซ่ลิ้ม เมื่อทำหน้าที่จบแล้ว
ผมก็ลงจากเวทีแล้วผมก็อยู่อย่างเงียบๆ ผมไม่ต้องการเป็นวีรบุรุษ
ผมไม่ต้องการยึดติดต่อเสียงสรรเสริญ เสียงชื่นชม
หรือแม้กระทั่งไม่ต้องการทะเยอทะยานที่จะไปมีอำนาจวาสนาใดๆ ทั้งสิ้น

วันนี้เป็นเรื่องที่ผมจะต้องออกมาพูด หลังจากระยะเวลา 2
ปีกว่าที่รัฐบาลชุด คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาบริหารชาติบ้านเมือง
ผมไม่เคยพูด ผมได้เก็บความรู้สึกเงียบๆ สงบ สังเกตทุกอย่าง
ด้วยความรู้สึกของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
แล้วผมก็เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย
ผมเห็นการที่จะออกมาทำลายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ผมเห็นการกล่าวร้ายป้ายสีว่าสังคมไทยนั้นมันแตกแยก
เพราะว่ามีคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดงทะเลาะกัน
หรือแม้กระทั่งมีการกลั่นแกล้งด้วยการทำเป็น MV เรื่องของการรักชาติ
รักบ้านรักเมือง
แล้วเอาชุดที่ประชาชนไปร่วมฉลองเนื่องในวาระโอกาสที่องค์พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวฯ ครองราชย์มาครบ 60 ปี ที่หน้าพระบรมรูปทรงม้า
ที่ประชาชนใส่เสื้อสีเหลือง คนบางคนเกลียดสีเหลือง
อุตส่าห์ไปเปลี่ยนสีทางคอมพิวเตอร์ในภาพยนตร์เป็นเสื้อสีชมพู
ผมภูมิใจในความเป็นเหลืองของผม ผมไม่เคยถอย
เพราะสีเหลืองเป็นสีแห่งความศักดิ์สิทธิ์
เพราะเป็นสีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ผู้ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรมที่สุดองค์หนึ่งในบรรดากษัตริย์ทั้ง
หลาย

ผมไม่เคยคิดที่จะอับอายขายหน้าที่จะต้องเปลี่ยนสีเสื้อ
ผมเกิดมาเทิดทูนสีเหลือง ผมก็พร้อมที่จะตายด้วยสีเหลืองเช่นกัน

ผมไม่เคยออกมาทวงบุญคุณชาติบ้านเมือง ไม่เคยออกมาพูด
บาดเจ็บแสนสาหัส ผ่านกระสุนมา 200 กว่านัด เดินเข้าโรงพยาบาลเอง
ไม่เคยทวงบุญคุณว่าผมทำเพื่อใคร แต่ผมทำในฐานะที่เป็นหนี้ของแผ่นดิน
ผมไม่เคยใฝ่ฝันว่าผมจะต้องมาเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ตลอดเวลา ผมตอบคุณแอน
จินดารัตน์ไป ผมตอบว่า
ถ้าเป็นสมัยโบราณแล้วผมก็เหมือนกับชาวไร่ชาวนาคนหนึ่ง
เมื่อข้าศึกศัตรูรุกประชิดกำแพงเมือง ผมก็ทิ้งจอบทิ้งเสียม
ออกไปจับดาบจับหอก ขี่ม้ารำทวน สู้ศัตรูจนเลือดอาบ
เมื่อยันจนกระทั่งศัตรูถอยไปแล้ว เหตุการณ์สงบลง ผมก็กลับมาที่ไร่ที่นา
วางดาบวางหอก วางธนู แล้วก็หันไปจับจอบจับเสียม ทำไร่ไถนาทำมาหากินต่อไป
ไม่มีใครรู้จักผม

ท่านผู้ชมครับ และพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
คำพูดนี้ศักดิ์สิทธิ์ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ศักดิ์สิทธิ์ตรงไหน ศักดิ์สิทธิ์ตรงที่ว่า
มันเป็นที่รวมของจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ ไม่มีเบื้องหลัง ไม่มีเบื้องหน้า
ไม่มีอะไรเคลือบแฝงเลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่ใจเท่านั้นเอง ใจเป็นใหญ่
ใจเป็นประธาน นี่คือที่มาของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
และผมภูมิใจที่อยู่กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ไม่มีความจำเป็นที่ผมจะต้องไปแปลงสารไปเป็นเสื้อหลากสีหรือเสื้อสีอะไรก็ตาม

พี่น้องครับ วันนี้ผมมีข่าวใหญ่ 1
ข่าวที่ผมจะเรียนให้พ่อแม่พี่น้องทราบ และหลังจากข่าวใหญ่นี้
ผมจะเล่าความเป็นมาว่า
ทำไมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้มันถึงเกิดขึ้นได้
แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ผมมีที่มาที่ไปแล้วหลังจากเหตุการณ์อันนี้เราจะไปตรงไหน วันนี้ผมมองข้าม
คุณทักษิณ ชินวัตร และคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปแล้ว
ไม่มีความหมายเลยสำหรับผม
เพราะว่าชาติบ้านเมืองที่จะเป็นไปในอนาคตข้างหน้านั้น ถ้าเราเดินให้เป็น
เราเดินให้ดี เราก็ยังจะรักษามรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา คือ
ศาสนาและพระมหากษัตริย์ได้ แต่ถ้าเราเดินไม่ดี
นี่คือจุดเริ่มต้นของจุดจบของมรดกของเรา

ท่านผู้ชมและพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ยังจำได้ไหม วันที่ผมตัดสินใจเข้าไปรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่
หลายคนไม่เห็นด้วย หลายคนบอกว่าผมทะเยอทะยาน
หลายคนบอกว่าไหนผมบอกจะไม่เล่นการเมือง ท่านผู้ชมครับ พ่อแม่พี่น้องครับ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ลูกเจ๊กแซ่ลิ้มคนนี้ยังไม่เคยผิดสัจจะ จำได้หรือไม่
ผมบอกว่า ผมไม่อยากรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่
แต่ผมต้องรับเพื่อให้พรรคมันเกิดขึ้น จำได้ไหมผมเคยพูดบอกว่า ในชีวิตผม
ผมไม่เคยทำอะไรแล้วคนจะเข้าใจทันที จะต้องผ่านขวากผ่านหนามผ่านอุปสรรค
ขึ้นเขาลงเหวข้ามห้วย กว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทางเลือดตาแทบกระเด็น
และวันนั้นคนถึงเข้าใจผม และเข้าใจแล้วก็ลืมไปแล้ว ผมไม่ต้องการทวนความจำ
หรือทวงบุญคุณ

ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการล้มเจ้า ที่เราสู้ขึ้นเป็นคนแรก
ด้วยเสื้อสีเหลืองตัวแรกที่เราใส่ ที่เขียนว่า "เราจะสู้เพื่อในหลวง"
สมัยนั้นก็ถามว่า เอ๊ะสู้ไปทำไมเพื่อในหลวง คุณเสนาะ เทียนทอง
ถึงกับแดกดัน บอกว่าสู้ไปเพื่อท่านทำไมท่านสบายดีอยู่แล้ว
อย่าไปยุ่งกับท่าน แล้วเป็นยังไง 48, 49, 50, 51, 52 ต่อ 53
วันนี้รัฐบาลยอมรับเองว่ามีขบวนการล้มเจ้า

พี่น้องครับ เมื่อผมรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่
ผมได้พูดกับพี่น้องประชาชน ผมพูดหรือเปล่า ให้ทบทวนความจำ ผมพูดบอกว่า
ผมจะมารับตำแหน่งเพื่อให้พรรคมันเกิด ชั่วคราวแล้วผมก็จะจากไป
ท่านผู้ชมครับ พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เมื่อวานนี้ผมได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่เรียบร้อย
แล้วครับ และยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคการเมืองใหม่เรียบร้อยแล้ว
ผมรักษาสัจจะผม วันพรุ่งนี้เขาจะมีการประชุมสมาชิกพรรคการเมืองใหม่
ก็จะเป็นวาระของการที่เขาจะต้องตัดสินใจเลือกกันว่าแล้วเขาจะเอาใครเป็นหัว
หน้าพรรค เขามีเวลา 45 วัน ทำไมผมต้องออก ข้อที่ 1
เป็นการรักษาคำมั่นสัญญา พี่น้องจำได้ไหมผมเคยพูดว่าอย่างไรในตอนที่ผมสู้
ผมสู้โดยเอาธรรมนำหน้า ธรรมข้อหนึ่งของพระพุทธเจ้า คือ สัจจวาจา
คนเราพูดจาอะไรไป รับปากอะไรไปต้องทำเช่นนั้น

หลายคนบอกว่า คุณสนธิออกทำไม นาทีนี้ เวลานี้
พรรคการเมืองใหม่มีโอกาสอย่างสูงที่จะมีเสียง ส.ส.เข้ามาไม่ต่ำกว่า 40-50
เสียง ถ้าร่วมกับพรรคที่ดีๆ มีกระทรวงที่ต้องบริหารอยู่ในมือ 5 กระทรวง
รัฐมนตรีว่าการทั้งสิ้น คนพูดเช่นนั้นไม่เข้าใจในตัวผมเลย
เพราะผมอยากจะกลับไปทำไร่ไถนาของผม ผมเป็นหัวหน้าพรรค
ผมถูกจำกัดด้วยกุญแจมือของกฎหมายพรรคการเมือง ผมทำอะไรเกินเลยก็ไม่ได้
ผมแสดงความคิดเห็นอะไรที่ตรงไปตรงมาก็ไม่ได้ หลายคนบอกว่าคุณสนธิอยู่สิ
อย่าลาออกเลย อยู่ดีกว่า เพราะอย่างน้อยถ้าพรรคการเมืองมี ส.ส.40-50 คน
เราคือกำลังที่สำคัญ ผมบอกว่า พรรคการเมืองใหม่ไม่จำเป็นต้องพึ่งผม
ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเลือกสรรหาคนขึ้นมา ผมขออนุญาต
ขออนุญาตกลับมาสู่นายสนธิ ลิ้มทองกุล คนเดิม คนที่กล้าพูด
คนที่กล้าแสดงออก เป็นสื่อมวลชนปากกล้า ที่ชูธงโต้กระแสทวนจริงๆ
เป็นสื่อมวลชนที่เลวน้อยที่สุด ผมขอเข้ามา
กลับเข้ามาสู่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างเต็มตัว
โดยไม่มีสายใยที่ผูกพันกับพรรคการเมืองใหม่ ร่วมกับพี่จำลอง ศรีเมือง
และพี่พิภพ ธงไชย

การที่ผมพูดเช่นนี้ ผมกำลังจะชี้ให้ชัดว่าจุดยืนของผมอยู่ตรงไหน
ผมสนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ 100 เปอร์เซ็นต์
เพราะผมคิดว่าพรรคการเมืองใหม่อย่างน้อยที่สุด
ในวังวนของน้ำเน่าและน้ำคลำ ยังเป็นน้ำดี ถึงแม้ว่าจะมีเพียง 1-2 ขัน
ในโอ่งใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำคลำ แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าทุกๆ พรรค

ผมสามารถจะแสดงความคิดเห็นออกได้อย่างเต็มที่
โดยที่ไม่ต้องไปตะขิดตะขวงใจ
หรือหวั่นเกรงคำครหานินทาว่าผมพูดเพื่อทำคะแนนเสียงให้พรรคการเมืองใหม่
ไม่จำเป็น เพราะว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น
คือที่รวมของคนที่มีจิตวิญญาณ มีศีลธรรม มีจริยธรรม
ไม่จำเป็นต้องมีบัตรสมาชิก คนที่คิดดีทำดี รักบ้านรักเมือง
ยินดีที่ออกมาปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เขาก็คือ
คนที่มีอุดมการณ์เดียวกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ไม่อยากร่วมกับเราไม่เป็นไร แต่ขอให้มีองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้

พี่น้องครับ ในบทบาทใหม่ ซึ่งแท้ที่จริงคือบทบาทเก่าของผมนั้น
ผมจะสามารถทำอะไรให้สังคมไทยได้มากกว่าการที่ถูกใส่กุญแจมือในฐานะที่เป็น
หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ติดขัดกฎระเบียบข้อบังคับ ติดขัดทุกๆ อย่าง
พูดตรงนั้นเดี๋ยวจะถูกยุบพรรค พูดตรงนี้ก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะถูกหาว่า
คุณเข้ามาเล่นการเมืองแล้ว เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หัวหน้าพรรคการเมือง
คุณมาออกโทรทัศน์ไม่ได้ทุกวัน พลานุภาพของผมอยู่ที่คำพูดของผม
ที่บอกว่าเป็นพลานุภาพของผม เพราะว่าเป็นคำพูดที่มาจากใจ
เป็นคำพูดที่กลั่นกรองด้วยปัญญา เป็นคำพูดที่มาจากองค์ความรู้ 60
กว่าปีของชายชราผมดอกเลาคนนี้ เป็น 60 กว่าปีของการผ่านโลก ผ่านร้อน
ผ่านหนาว เห็นทุกอย่าง ชืดชากับลาภยศ ชืดชากับสิ่งเย้ายวน
ต้องการเพียงอย่างเดียววันนี้ให้ชาติบ้านเมืองอยู่ได้

พี่น้องครับ
วันนี้หลังจากวันซึ่งผมได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่
มาจนกระทั่งวันนี้ ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมไม่เคยพูดเลยแม้แต่นิดเดียว
ผมต้องอดทนต่อคำนินทาให้ร้าย ผมไม่กล้าพูด พูดแล้วเดี๋ยวจะบอกว่า
พูดเชียร์พรรคการเมืองใหม่ วันนี้ผมเป็น นายสนธิ ลิ้มทองกุล
คนเก่าที่กลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง คนเก่าที่ต่อสู้ ลุกขึ้นมาสู้คนแรก
คนที่มีความเชื่อว่าชาติบ้านเมืองจะดีขึ้นนั้น ประชาชนต้องมีส่วนร่วม
คนที่เชื่อว่าชาตินั้นต้องประกอบด้วย ศาสนาและพระมหากษัตริย์
เพราะว่าถ้าศาสนาอ่อนแอพระมหากษัตริย์ก็อ่อนแอ
ถ้าพระมหากษัตริย์อ่อนแอศาสนาก็อ่อนแอชาติก็อ่อนแอ เป็นคนที่ทำ
แม้กระทั่งชีวิตยังต้องเอาไปเสี่ยง
เป็นคนที่ทำแล้วเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยตัวเอง
ไม่ใช่เป็นคนหรือเป็นพรรคที่เหยียบศพประชาชนแล้วขึ้นมาเป็นใหญ่
แล้วก็ลืมกำพืดว่าตัวเองมาจากไหน ลืมถึงขนาดพูดบอกว่า
ถ้าไม่มีเขาไม่มีเราวันนี้

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถ้าจะทานข้าวที่คนเอามาให้เราทาน
เราไม่ได้ขอบคุณคนที่เอาข้าวมาให้เราทาน แต่เราจะขอบคุณชาวนาที่ปลูกข้าว
ปลูกเสร็จเอามาเข้าโรงสี สีเสร็จเอามาเข้าห่อเข้าพก แล้วเราซื้อมาหุงข้าว
คนบางคนได้ข้าวที่หุงในหม้อ กินเสร็จแล้วบอกว่า ถ้าไม่มีเขาไม่มีเรา
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปลูกข้าวมา หว่านข้าว ล้มหายตายจาก
ชีวิตของน้องโบว์ ชีวิตคน 10 กว่าศพ
กลายเป็นศพที่ถูกเท้าของนักการเมืองโสมมสปรก ชั่วช้าเหยียบขึ้นมาเป็นใหญ่

พี่น้องครับ การเมืองไทยต้องเปลี่ยน วันนี้ผมพูดในฐานะ นายสนธิ
ลิ้มทองกุล ผมจะพูดให้เต็มที่ และก็เหมือนครั้งก่อนๆ ที่ผมพูดอะไร
เสนออะไรไปแล้วทุกคนก็จะก่นด่าผม แต่พอผ่านไประยะหนึ่งความจริงเริ่มปรากฏ
ทุกคนจะเริ่มบอกว่า ไอ้สนธิมันพูดถูก

พี่น้องครับ
ประเดี๋ยวเราพักกันสักครู่หนึ่งแล้วเราจะกลับมาแล้วบอกให้ทราบว่า วันนี้
ณ เวลานี้ที่ประเทศไร้ขื่อไร้แป กลียุคในสังคมไทย ยิงกันสนั่น
ไม่มีใครยอมใคร กบฏในราชอาณาจักรเกิดขึ้น
ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร มันมีที่มาที่ไปอย่างไร ท่านผู้ชม
พักสักครู่แล้วประเดี๋ยวกลับมาฟังตำนานอันนี้ เมื่อฟังจบ เข้าใจแล้ว
แล้วผมจะบอกท่านผู้ชมว่าเราจะเดินไปอย่างไรกัน แล้วผมจะเสนอความคิดให้
คุณผู้ชมครับพักสักครู่แล้วประเดี๋ยวเราจะกลับมาเจอกันครับ

ช่วงที่ 2

ท่านผู้ชมครับ ช่วงที่ผมพักไปนั้น มีความเห็นเข้ามามาก หลายๆ
ความเห็นบอกว่าดีใจที่ผมกลับมาสู่ภาคประชาชน ท่านผู้ชมครับ อย่าเข้าใจผิด
ผมยังให้การสนับสนุนพรรคการเมืองใหม่อยู่เหมือนเดิมทุกประการ
เพราะอะไรรู้ไหมครับท่านผู้ชม
เพราะพรรคการเมืองในขณะนี้เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ยึดถืออุดมการณ์ของ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อจิตวิญญาณเดียวกัน
เราไม่เคยเปลี่ยนแปลง อนาคตข้างหน้าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หากพรรคการเมืองใหม่บิดเบือน
หรือประพฤติปฏิบัติไปในทางตรงกันข้ามกับอุดมการณ์ที่ผมและพี่น้องสู้มา
เราก็คงจะไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ แต่ ณ
วันนี้พรรคการเมืองใหม่เป็นพรรคเดียวเท่านั้นเองที่ยึดถือในคุณธรรม
ศีลธรรม จริยธรรม ที่การเมืองที่แท้จริงควรจะมี

ท่านผู้ชมครับทำไมชาติบ้านเมืองมันถึงเลวร้ายเช่นนี้
บางคนก็โทษว่าเพราะเรามีการปฏิวัติรัฐประหาร การรัฐประหารมากจนเกินไป
บางคนก็โทษบอกว่า เพราะว่าเรามีนักการเมืองที่ไม่ดี ท่านผู้ชมครับ
หลายคนชอบพูดว่าเรามีปฏิวัติมากเกินไป ผมจะขอกราบเรียนท่านผู้ชมวันนี้
เวลานี้ ว่าเราไม่เคยมีการปฏิวัติเลยแม้แต่นิดเดียว เรามีแต่รัฐประหาร
รัฐประหารคือการผ่องถ่ายอำนาจอันหนึ่งไปสู่อำนาจอีกอันหนึ่ง เท่านั้นเอง
ล่าสุดก่อนที่ผมจะเดินทางต่อไปในหัวข้อต่อไปนั้น อยากให้ไปดูเทปเก่า สมัย
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีในยุค คมช.
ผมเป็นคนแรกที่พูดในที่สาธารณะ ว่านี่กลายเป็นสมบัติผลัดกันชมไปแล้ว
รัฐประหารที่ไม่ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาที่แท้จริง เทปอันนี้ถ้าจำไม่ผิด
ออกในห้องส่งนี้ และใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 6-7 นาทีเท่านั้นเอง
ผมอยากให้ท่านผู้ชมชมสักนิดหนึ่ง
แล้วลองดูซิว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นจริงหรือไม่จริง เชิญเลยครับ

(VTR : โครงสร้างทางการเมือง)

ท่านผู้ชมครับ พ่อแม่พี่น้องที่เคารพรัก วันนั้นที่ผมพูดคือ
วันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2550 นับมาถึงวันนี้แล้วก็เป็นเวลา 3 ปี
กับอีกเกือบๆ 30 วัน สัจธรรมตัวนี้ยังอยู่ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ชาติบ้านเมืองเริ่มเปลี่ยนแปลงกันตอนไหน
ถ้าถามผมว่ายุคไหนการปกครองของชาติบ้านเมืองดีที่สุด ผมต้องบอกว่ายุคที่
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ท่านไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง พรรคการเมืองต่างๆ นำโดยหัวหอกคือ
พรรคประชาธิปัตย์ เลือกท่านขึ้นมา ทุกคนเลือกท่านขึ้นมา
ท่านไม่มีพรรคไม่มีพวก ท่านมีแต่ชาติบ้านเมืองมีแต่ส่วนรวมเป็นตัวตั้ง
ท่านเอาความสงบสุขเป็นตัวตั้ง ท่านไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับการเงินการทอง
แต่ท่านบริหารเศรษฐกิจได้อย่างฉับไว เฉียบพลัน และเด็ดขาด

ท่านผู้ชมและพี่น้องที่โตไม่ทันยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ช่วงนั้นประเทศไทยกำลังประสบภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ เราต้องลดค่าเงินบาท
พล.อ.เปรม ท่านเรียกคุณสมหมาย ฮุนตระกูล
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้ามาพบ พล.อ.เปรม ท่านถามบอกว่า
มีความจำเป็นที่จะต้องลดค่าเงินบาทหรือไม่ คุณสมหมายบอกจำเป็น จำเป็นมาก
ลดค่าเงินบาทอาจจะทำให้ประเทศชาติลำบากชั่วระยะหนึ่ง
แต่หลังจากนั้นแล้วจะดีขึ้น ท่านผู้ชมครับ ผมยังจำได้
ตอนนั้นผมทำหนังสือพิมพ์นิตยสารผู้จัดการรายเดือนอยู่ คุณสมหมาย
ฮุนตระกูล ประกาศลดค่าเงินบาท ไม่มีใครรู้เลยแม้แต่คนเดียว มีแค่
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และคุณสมหมาย ฮุนตระกูล เท่านั้นที่รู้
ตกใจกันทั้งวงการ ไม่เหมือนสมัยคุณชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศลดค่าเงินบาท
คุณทักษิณ ก็รู้ ทนง พิทยะ ก็รู้ โภคิน พลกุล ก็รู้ รู้กันไปหมด
นักธุรกิจใหญ่ๆ ก็รู้ แค่นี้ก็มองเห็นถึงคุณภาพของผู้นำ
เผอิญตอนที่ลดค่าเงินบาทนั้น คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ
บริษัทปุ๋ยแห่งหนึ่ง ซึ่งถ้าผมจำชื่อไม่ผิด เจ้าของคือ คุณสว่าง เลาหทัย
คุณสว่าง เลาหทัยนั้น เป็นนักธุรกิจที่ผูกพันกับธนาคารกรุงเทพอย่างมหาศาล
เรียกว่ามีอิทธิพลต่อการกู้ยืมเงินธนาคารกรุงเทพ หนี้สินคุณสว่าง เลาหทัย
ก็เลยเพิ่ม จากดอลลาร์นึงประมาณ 20 บาท กลายเป็นดอลลาร์ 25 บาท 26 บาท
เพิ่มอีกประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ คุณสว่างโกรธ
เผอิญคุณสว่างสนิทสนมอย่างมากๆ กับ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก
ผู้บัญชาการทหารบก ก็ไปฟ้อง พล.อ.อาทิตย์ พล.อ.อาทิตย์
ลืมในหน้าที่ตัวเองว่าตัวเองนั้นคือ ผู้บัญชาการทหารบก
ดูแลความมั่นคงของชาติบ้านเมือง พล.อ.อาทิตย์
เลยให้สัมภาษณ์ในทำนองที่ไม่พอใจ ระบายความรู้สึกของตัวเองออกไป
ท่านผู้ชมครับ พล.อ.เปรม ท่านไม่ว่าอะไรสักคำเลย ท่านเงียบสนิทท่านไม่พูด
ผมจำได้ว่าท่านบินลงไปทางใต้ไปตรวจราชการ
จังหวะที่ท่านเหยียบสงขลาปั๊บมีพระบรมราชโองการปลด พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก
จากผู้บัญชาการทหารบกทันที

ทำไม พล.อ.เปรม ทำได้แล้วทำไมคนอื่นทำไม่ได้ ที่ พล.อ.เปรม
ท่านทำได้เพราะท่านเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ท่านไม่ได้เอาส่วนตัว
ถ้ารัฐบาลทั้งหมดที่อยู่ในสภาตอนนั้นไม่พอใจ พล.อ.เปรม ไปปลด
พล.อ.อาทิตย์ หรือว่าอยู่ภายใต้อิทธิพลของทุน ของคุณสว่าง เลาหทัย
ธนาคารกรุงเทพฯ ก็สามารถจะยกมือ แล้วก็ปลด เปลี่ยน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ได้ทันที แต่ พล.อ.เปรม ท่านไม่สนใจ ไปก็ไป ท่านไม่ยึดติด
เพราะว่าการบริหารชาติบ้านเมืองนั้น การเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง
คือการเอาธรรมนำหน้า
ต่อจากนั้นก็มีกระบวนการล่ารายชื่อนักวิชาการเพื่อกดดัน พล.อ.เปรม
กลายเป็นว่า นักรัฐศาสตร์ก็บอกว่า พล.อ.เปรม
ไม่ได้รับการเลือกตั้งแต่มาถูกเลือกขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น
มันไม่ใช่ประชาธิปไตย มันประชาธิปไตยครึ่งใบ
ซึ่งประเดี๋ยวผมจะพูดให้พี่น้องฟัง ว่าพวกเราเนี่ยหลงผิดในอวิชชา
ในมิจฉาทิฐิมานานแล้ว ในเรื่องคำว่าประชาธิปไตย เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง

พล.อ.เปรม ท่านก็เลยเบื่อ เขาก็เลยเลือก พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี จากจุดที่ พล.อ.เปรม ลงแล้ว พล.อ.ชาติชาย ขึ้น
นั่นคือจุดเริ่มต้นของความเสื่อมของประเทศ
และเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมของกองทัพไทย ทำไมผมถึงพูดเช่นนั้น
ถ้าเราเข้าใจคำว่าชาติเหมือนอย่างที่ผมพูดไปเมื่อกี้นี้
ชาตินั้นประกอบด้วยศาสนา และพระมหากษัตริย์ ศาสนาเจริญรุ่งเรือง
พระสงฆ์องค์เจ้าอยู่ในศีล อยู่ในธรรม พระป่าเน้นในเรื่องของการปฏิบัติ
พระในเมืองเน้นในเรื่องของปริยัติ
แต่ทั้งหมดนั้นยึดถือเอาพระไตรปิฎกเป็นที่ตั้ง
เอาพระธรรมวินัยเป็นที่ตั้ง สอนพุทธศาสนา สอนให้คนทำคุณงามความดี
สอนให้คนละอัตตา สอนให้คนเข้าใจหลักไตรลักษณ์
สอนให้รู้ว่าการทำบุญนั้นอยู่ที่จิตเจตนา คนที่เจตนาบริสุทธิ์ มีเงินอยู่
1 สลึง แล้วก็ทำบุญทั้งสลึง หรือว่าพ่อแก่แม่แก่ที่มีแค่กล้วยน้ำว้า 1
หวี สำหรับกิน ยอมยกให้พระทั้งหวี แล้วตัวเองกินข้าวเหนียวเปล่าๆ
กับเศรษฐีที่เอาหูฉลามไปถวาย หรือไปสร้างอุโบสถ
แต่ไปสร้างเพื่อหวังมีชื่อเสียง มีชื่อติดในอุโบสถแล้ว คนที่ถวายเงิน 1
สลึง กับคนที่ถวายกล้วย 1 หวี กลับจะได้บุญมากกว่าคนซึ่งไปสร้างอุโบสถ
แต่วันนี้ศาสนาเราเสื่อม เพราะมีลัทธิจานบิน มาบอกเราบอกว่า
ยิ่งทำบุญมากเท่าไร ยิ่งขึ้นสวรรค์ได้เร็วเท่านั้น เห็นหรือยังพี่น้อง

จาก 2520 มา 2553 สามสิบสามปี สามสิบสามปี ศาสนาตกต่ำลงมามาก
มาจนวันนี้ จะให้ดูศาสนา เอาภาพที่ 1 ของพระมาให้ดูซิ
รูปที่พ่อแม่พี่น้องดู ที่เขียนว่าสมถะนั้น คือท่านพุทธทาส สมถะ
นั่นคือพระที่อยู่ในวงเสื้อแดง คือสมถ่อย รูปที่ 2
คงจะนั่งสวดโอวาทปาติโมกข์กัน รูปบน เขาเรียกว่าแสงแห่งธรรม ข้างล่าง
สวดสาปแช่ง ไฟแห่งกรรม รูปต่อไป รูปบนคือที่อยู่ของสงฆ์ที่ควรอยู่
รูปล่างก็คือที่สงฆ์ไม่ควรอยู่ รูปต่อไป
รูปบนคือพระโปรดทหารที่ออกไปสู้รบ รูปล่างคือพระปราบทหาร รูปต่อไป
แผ่เมตตาจิต นี่คือพระห่มจีวรแดง
เอาเลือดไปสาดที่อนุสาวรีย์แห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ สาปแช่ง รูปต่อไป
ละแล้วซึ่งกิเลส นั่งสมาธิ อยู่ในกุฎีเล็กๆ อีกอันคือล้อมด้วยกิเลส
รูปต่อไป ปลีกวิเวก เดินจงกลม อีกรูปหนึ่งคือไปวิวาท รูปต่อไป
นักธรรมน้อย นักเลงใหญ่ พระเป็นนักเลง

พี่น้องเห็นหรือยัง ศาสนาเสื่อมหรือเปล่า
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ศาสนาเสื่อมไหม

เคยมีครั้งไหนมั้ยที่องค์สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จญาณฯ
ซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยงขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ซึ่งทรงพระประชวรอยู่ที่จุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลจุฬาฯ พวกที่ชุมนุมอยู่
ไม่กลัวบาปกลัวกรรม ส่งเสียงอึกทึกครึกโครมจนพระองค์ท่านบรรทมไม่ได้
บุกรุกเข้าไปในโรงพยาบาลจุฬาฯ จนกระทั่งในที่สุด
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
กังวลในความปลอดภัยของพระพี่เลี้ยงของพระองค์ท่าน และสมเด็จพระสังฆราชฯ
พระองค์นี้ ต้องให้สมเด็จพระเทพฯ เคลื่อนย้ายสมเด็จพระสังฆราชฯ ออกไป
ผมเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ผมไม่เคยเจอแบบนี้

หรือรถของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วิ่งจะเข้าวัดที่อุดรฯ
คนเสื้อแดงไปขวางรถ ขอค้นรถท่าน นรกกินหัว

พี่น้องเห็นหรือยังนี่คือศาสนา
ถ้าศาสนาเสื่อมแล้วพระมหากษัตริย์ก็อ่อนแอไปด้วย พระมหากษัตริย์สมัยก่อน
สมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พระองค์ท่านทรงเป็นสัญลักษณ์ของชาติบ้านเมือง
ศาสนาก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบที่ทำให้เกิดชาติขึ้นมาได้
เราต้องทำความเข้าใจกันตรงนี้ก่อน เรามีฉันทามติร่วมกันหรือเปล่าว่า ชาติ
ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ชาติคือองค์ประกอบของ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ทั้งศาสนาและพระมหากษัตริย์นั้น ศาสนาต้องเจริญก้าวหน้าไปในทางที่ถูก
สถาบันกษัตริย์ต้องมั่นคง ถ้าเรามีฉันทามติร่วมกัน
แสดงว่าเรามีอุดมการณ์เดียวกัน พี่น้องจำได้ไหม
ผมเคยขึ้นเวทีแล้วผมเคยประกาศ ผมประกาศว่าอย่างไร ผมประกาศว่า
ใครก็ตามเอากษัตริย์และเห็นว่าสถาบันกษัตริย์ยังมีความจำเป็นต่อสังคมไทยให้
มายืนฝั่งนี้ คือมายืนฝั่งเสื้อเหลือง ใครไม่เอาไปยืนฝั่งโน้น
แบ่งแยกกันให้ชัดเจนเลย ผมพูดมาหลายครั้ง

จากวันที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แล้วได้พระราชทานโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เป็นประธานองคมนตรีมาจนถึงวันนี้
33 ปีที่ผ่านมานี้ การเมืองทำให้ 2 สถาบันนี้ง่อนแง่นมาตลอด
ไม่ใช่คนอื่นทำ นักการเมืองเป็นผู้ทำ ทำไมผมถึงพูดเช่นนั้น
ทำไมถึงต้องมีทหารเสือราชินี ทำไมถึงต้องมีกองทหารรักษาพระองค์
ก็เพราะว่า ในสมัยก่อนนั้นกษัตริย์จะอยู่ได้
กษัตริย์เป็นจอมทัพที่นำทัพออกไปต่อสู้ เพราะฉะนั้นทหารของพระองค์ท่าน
คือผู้ซึ่งรบกับท่าน เคียงบ่าเคียงไหล่ ตายต่อหน้าต่อตาของพระองค์ท่าน
ปกป้องพระองค์ท่าน สถาบันทหารก็เลยเป็นเสาหลักในการค้ำจุนสถาบันกษัตริย์
ไม่ใช่สถาบันทางการเมือง ไม่ใช่

ที่น่าสนใจพี่น้องรู้ไหม 2475
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโดยคณะราษฎร์เปลี่ยนแปลง
กลายเป็นพวกศักดินาและพวกอำมาตย์ทั้งหลาย เห็นว่าต้องมีการเมืองแล้ว
ก็เลยตั้งพรรคการเมืองพรรคนึงขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องสถาบันกษัตริย์
พรรคนั้นชื่อพรรคประชาธิปัตย์ น่าสนใจมาก 2475 มาจนถึงวันนี้
กลายเป็นพรรคประชาธิปัตย์ เพิกเฉยต่อการปกป้องสถาบันกษัตริย์
ปกป้องเฉพาะวาจาเท่านั้นเอง ไม่มีการกระทำใดๆ ทั้งสิ้นที่พิสูจน์ให้เห็น
เพิ่งจะมาแสดงออกและทำอย่างจริงจังเมื่อไม่ถึง 2 เดือนนี่เอง น่าสนใจมาก
พรรคที่เกิดขึ้นจากอำมาตย์และศักดินา กลายเป็นพรรคซึ่งเพิกเฉย
ไม่สนใจอะไร จนกระทั่งถูกเล่นงาน ถูกโจมตี แล้วใครล่ะถ้าไม่ใช่ ASTV
และผู้จัดการ และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ขึ้นมาต่อจาก พล.อ.เปรม
สถานภาพการแต่งตั้งทหารก็เลยเปลี่ยไป
สถาบันกษัตริย์แต่ก่อนไม่เคยไว้ใจสถาบันทางการเมือง
จะไว้ใจสถาบันการทหารมากกว่า ทีนี้พอทหารเริ่มต้องขึ้นต่อนักการเมือง
สมัยก่อน พล.อ.เปรม ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี
และท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม การแต่งตั้งทหารของท่านนั้น
แต่งตั้งด้วยความซื่อสัตย์ เอาผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ผู้ที่อาวุโส
ที่สำคัญที่สุด ผู้ที่จงรักภักดี ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง
พอการเมืองเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง อะไรเกิดขึ้น
รัฐมนตรีกลาโหมเริ่มมีอำนาจ ใครตั้ง การเมืองตั้ง
เพราะฉะนั้นแล้วทุกคนก็ต้องวิ่งเข้าหารัฐมนตรีกลาโหม
พอรัฐมนตรีกลาโหมและนายกรัฐมนตรีเกิดเป็นคนไม่เที่ยงธรรม
ไม่ได้จงรักภักดี ไม่ได้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เหมือนอย่างที่ตัวเองพูด
การกระทำตรงกันข้ามกับคำพูดตัวเอง ก็เริ่มเลือกคนซึ่งเป็นพวกตัวเอง
คนนี้เด็กของเราให้เป็น ผบ.ทบ. คนนี้ขึ้นแม่ทัพภาค 1 คนนี้จากแม่ทัพภาค 1
ขึ้น เสธ.ทบ. แล้วปีหน้าผมอยู่ผมจะตั้งคุณเป็น ผบ.ทบ.
กลายเป็นหนี้บุญคุณที่จะต้องออกมาปกป้องพรรคการเมืองพรรคนั้น นายกฯ
คนนั้น ความสำคัญ ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ สถาบันกษัตริย์
ก็เลยกลายเป็นคำพูดที่ติดอยู่บนผนังว่า เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์
และประชาชน แค่คำพูดเฉยๆ เห็นหรือยังพี่น้อง

พัฒนาการการทำให้สถาบันทหารอ่อนแอโดยทางการเมืองนั้นเริ่มมาเรื่อยๆ
เริ่มมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมารุนแรงที่สุดในยุคของ ทักษิณ ชินวัตร
สมัยก่อนทักษิณก็มีปัญหาเพื่อความเป็นธรรม สมัยที่รุ่น 2 รุ่นทะเลาะกัน
คือรุ่น 5 ที่มี พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นหัวหน้ารุ่น และรุ่น 7 ที่มี
พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร พล.ต.มนูญกฤต การปะทะกัน 2 รุ่น
ก็เลยก่อให้เกิดการเลือกรุ่นยกรุ่นกันหมดเลย คือ
รุ่นกูเป็นใหญ่กูก็จะเอาแต่รุ่นกูขึ้นมาหมดคนอื่นไม่สนใจ
นั่นคือจุดตกต่ำไปเรื่อยๆ

น่าสนใจอะไรบางอย่าง ผมต้องเรียนให้ท่านทราบ
พรรคการเมืองที่มีมาตั้งแต่ยุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
แล้วคั่นด้วยการยึดอำนาจของ รสช. รัฐประหาร การรัฐประหารของ รสช.นั้น
เป็นสูตรที่รัฐประหารเพราะว่า รัฐบาล พล.อ.ชาติชาย คอร์รัปชั่น โกง
แต่น่าสนใจอย่าง สมัยก่อนทหารยึดอำนาจเพราะว่านักการเมืองโกง
พอต่อมาภายหลัง บางรัฐประหาร ทหารยึดอำนาจแล้วทหารมาโกงเอง
ต่อมาภายหลังกลายเป็นว่า ทหารยึดอำนาจให้นักการเมืองเลือกตั้งใหม่
พอเลือกตั้งใหม่แล้วนักการเมืองเกรงใจทหารก็ปล่อยให้ทหารใช้งบประมาณทหาร
ปู้ยี่ปู้ยำไปตลอด

ทั้งหมดวิวัฒนาการตรงนี้มันเริ่มเลวร้ายในยุคของ คุณทักษิณ
ชินวัตร เพราะคุณทักษิณ ชินวัตร ต้องการจะรวบอำนาจทุกอย่างอยู่ในมือ
ประกอบกับคุณทักษิณ ชินวัตร มีพวกฝ่ายซ้ายจัด ซ้ายอกหัก ซ้ายที่อยู่ในป่า
อยู่เบื้องหลังคุณทักษิณ คนพวกนี้ก็เลยป้อนข้อมูล
วางแผนยุทธศาสตร์เอาประชาชนมาล้อม เอาทรัพยากรธรรมชาติ
เอาเงินภาษีอากรไปซื้อใจประชาชน มอมเมาประชาชนด้วยเงินด้วยทอง
ไม่เคยสอนประชาชนหัดยืนอยู่บนตัวเอง ตามหลักธรรมพระพุทธเจ้า คือ
อัตตาหิอัตโนนาโถ ไม่มี เพราะฉะนั้นประชาชนที่มีปัญญายังไม่พอเพียง
เพราะรัฐไม่เคยให้ปัญญาประชาชน ก็เสพติดกับผลประโยชน์ที่คุณทักษิณให้
เมื่อเสพติดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้วยความเชื่อมั่น
หรือด้วยความเชื่ออย่างโง่ๆ ของนักวิชาการทางรัฐศาสตร์ว่า
ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว
ก็เลยทำให้สูตรของการเลือกตั้งกลายเป็นว่า ประชาชนเลือกผมมา
มีอะไรไปตกลงกันที่สภา แล้วก็เป็นสูตรเดียวที่แม้กระทั่งนายกฯ
อภิสิทธิ์ก็พูดว่า ทุกอย่างต้องจบที่สภา
เพราะว่าตัวเองลืมตัวว่าตัวเองนั้นได้รับเลือกตั้งเข้ามาอย่างบริสุทธิ์และ
โปร่งใสที่สุด ลืมตัว

ส.ส.100 คน มีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์
ที่ได้รับเลือกตั้งมาเพราะประชาชนนิยมชมชอบ 90 เปอร์เซ็นต์
ใช้เงินกันทั้งสิ้น เริ่มจากสมัย คุณสุจิน เชาว์วิศิษฐ บิดาของคุณสุชาติ
เชาว์วิศิษฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยุคคุณทักษิณ ชินวัตร
เริ่มซื้อเสียงประชาชนด้วยการแจกปลาทู เขาถึงตั้งชื่อแกว่า ส.ส.ปลาทูเค็ม
ปลาทูพัฒนากลายเป็นน้ำปลา กลายเป็นเหล้า แล้วกลายเป็นเงิน จากหัวละ 5 บาท
เป็นหัวละ 25 หัวละ 50 หัวละ 100 กลายเป็นความเชื่อมั่นที่ฝังลึกลงไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางภาค ว่าภาคนี้ถ้าไม่ใช้เงินไม่มีทางจะได้เสียง

พี่น้องครับ เมื่อมันเป็นเช่นนี้แล้ว คำถามผมมีอยู่
ตอบให้ผมทราบนิดนึง ผู้ที่เชื่อมั่นในหลักประชาธิปไตยด้วยการเลือกตั้ง
จากคุณชาติชายมา การซื้อเสียงนั้นเริ่มรุนแรงทีละนิดๆ
จนกระทั่งมาเดี๋ยวนี้ ถ้ามีไม่ถึง 30 ล้าน หรือ 50 ล้าน เป็น ส.ส.ไม่ได้
เพราะฉะนั้นแล้วการลงทุนใน ส.ส.ก็คือการเข้ามาซื้อผลประโยชน์ของประเทศไทย
นั่นคือที่มาของว่าทำไมถึงแบ่งก๊กกัน ทำไมต้องมีก๊กพญานาค
ทำไมต้องมีก๊กงูเห่า ทำไมต้องมีก๊กวังตะคอง เพราะว่าแต่ละก๊กนั้นจะมี
ส.ส.ในมือ 10 คน ส.ส.ในมือ 8 คน ส.ส.ในมือ 20 คน
พวกนี้ชีวิตนี้ไม่ต้องการเป็นฝ่ายค้าน เพราะเป็นแล้วจน
คำพูดนี้หลุดออกมาจากคุณบรรหาร ศิลปอาชา คนที่เล่นการเมืองมาตลอดชีวิต
พร้อมที่จะลืมทุกอย่าง ขอเข้าร่วมรัฐบาล ขอได้เป็นรัฐมนตรี
ขอได้มีงบประมาณในการใช้ เพราะอะไร
เพราะว่าจะได้ได้ผลประโยชน์จากงบประมาณ เอามาคืนทุน เอามาสะสม
จากสมัยก่อน 3 เปอร์เซ็นต์ 5 เปอร์เซ็นต์ 10
เปอร์เซ็นต์ของโครงการก่อสร้าง พุ่งขึ้นไปเป็น 20-30 เปอร์เซ็นต์
ในยุคคุณทักษิณ ชินวัตร เพราะฉะนั้นจากการใช้เงินเพื่อซื้อประชาธิปไตยมา
เคยใช้น้อยกลายเป็นใช้มาก และก็จะมากยิ่งขึ้น

เห็นหรือยังพี่น้อง
นี่คือประชาธิปไตยที่บรรดานักการเมืองพยายามพูด
บอกว่าทุกอย่างต้องตกลงกันในสภา นักการเมืองไม่เว้นหน้า ผมไม่สนใจว่าใคร
ไม่ว่าพรรคไหน ต้องการจะปกป้องอาชีพตัวเอง
เพราะอาชีพตัวเองเป็นอาชีพที่เมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว
เพียงสมัยเดียวก็สามารถจะคืนทุนได้
สามารถจะใช้อำนาจสร้างฐานของตัวเองขึ้นมาได้
ทั้งหมดนี้ประชาชนส่วนใหญ่ก็คือ 300-500 บาท ลงคะแนนเสียงให้
อีกส่วนหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ไม่ต้องซื้อ ส่วนใหญ่ไม่ต้องซื้อ
แต่ว่ามีสิทธิ์เฉพาะ เดินเข้าไปในคูหาการเลือกตั้ง แล้วก็หยอดบัตร
ทั้งหมดไม่เกิน 4 วินาที นั่นคือที่มาของคำพูดของผม
ซึ่งผมพูดเป็นคนแรกว่า ประชาธิปไตย 4 วินาที

พี่น้อง เริ่มเห็นหรือยัง เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อทุนมันเข้ามา
เมื่อทุนมันเข้ามา สถาบันหลักซึ่งเคยเป็นสถาบันซึ่งเคยเป็นสถาบันซึ่งชาติ
ศาสนา พระมหากษัตริย์ เคยพึ่ง ก็ย่อมหวั่นไหว
เพราะว่าสถาบันนั้นเป็นเพียงนามธรรม
แต่คนที่อยู่ในสถาบันนั้นคือมนุษย์ปุถุชน
เริ่มเห็นลาภเห็นยศเป็นเรื่องใหญ่ ใครสามารถให้ลาภให้ยศได้
ก็สามารถจะเทไปที่คนๆ นั้นได้ ทำไมเตรียมทหารรุ่น 10
ถึงสนับสนุนคุณทักษิณ ชินวัตร เต็มที่ ก็เพราะว่าคุณทักษิณ ชินวัตร
เป็นนายกรัฐมนตรี และสามารถจะให้คุณให้โทษ ให้ลาภให้ยศ แต่คุณทักษิณดีๆ
ชั่วๆ ยังใช้ได้กว่าคนบางคนในรัฐบาลชุดนี้ เขาอาจจะไม่ซื้อคน
แต่เขาเลือกคนมาทำงานให้เขา คุณทำให้ผมได้ไหม
คุณจัดการเรื่องภาษีให้ผมได้ ผมให้คุณเป็นอธิบดี นี่คือนิสัยเขา
เหตุผลเพราะว่าเขามองภาพใหญ่ เขาต้องการสร้างเครือข่ายซึ่งเป็นของเขาหมด
แต่ในยุครัฐบาลชุดนี้ ตำรวจต้องซื้อตำแหน่ง นายอำเภอ ผู้ว่าฯ
ต้องซื้อตำแหน่ง ถ้าตำรวจระดับผู้บัญชาการ บางคนต้องซื้อถึง 60-80 ล้าน
ผู้การต้องซื้อถึง 15-20 ล้าน ถามต่อว่า คนพวกนี้เมื่อเขาจ่ายเงินไปแล้ว
เขาจะมาทำงานให้ส่วนรวมทำไม เขาต้องทำงานให้ตัวเขาเอง แล้วใครคุมตำรวจล่ะ
คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ แล้วใครให้คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ คุมตำรวจล่ะ
คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกว่าสั่งตำรวจ
สั่งทหารไม่ได้ พี่น้องครับ นี่ผมเอาสัจจธรรมข้อเท็จจริงมาพูด

พี่น้อง ผมมีพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ผมกราบไหว้บูชา ฟังคำสอนของท่าน
ท่านบอกตลอดเวลาเลยว่า สนธิ ธรรมะคือหน้าที่
แม้กระทั่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ยังพูดเลยว่า
คนเรามีหน้าที่อะไรก็ขอให้ทำหน้าที่นั้นให้สมบูรณ์ แล้วปัญหาจะไม่เกิด
ใครเป็นทหาร ต้องทำหน้าที่ทหาร
ใครเป็นนักการเมืองต้องทำหน้าที่นักการเมือง ทุกคน ข้าราชการ
เมื่อเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ต้องเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง
นักการเมืองเข้ามาเล่นการเมืองก็ต้องเสียสละให้ส่วนรวม
แต่ว่าในข้อเท็จจริงเข้ามาเพื่อกอบโกยอย่างเดียว ไม่เว้นหน้า
อาจจะพูดได้ว่ากอบโกยกัน 95 เปอร์เซ็นต์ อีก 5 เปอร์เซ็นต์
อาจจะเป็นคนซึ่งใช้ได้

พี่น้องครับ ทั้งหมดนี้มันเริ่มรุนแรงมาในยุคคุณทักษิณ ชินวัตร
เพราะฉะนั้นแล้ว คุณทักษิณ หรือแม้กระทั่งคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
คือผลผลิตของระบอบนี้ ระบอบน้ำคลำ ระบอบน้ำเน่า

การตั้งรัฐบาลชุดนี้ รัฐบาลที่ผมเรียกว่ารัฐบาลเทพอสูร
เทพคือคุณอภิสิทธิ์ อสูรคือพวกพรรคร่วมรัฐบาล และคุณเนวิน ชิดชอบ
พรรคภูมิใจไทย ร่วมกับทหาร
นี่คือสภาวะที่แม่ยกคุณอภิสิทธิ์ถามตลอดเวลาว่า
คุณอภิสิทธิ์เขาไม่มีทางเลือก น่าเห็นใจเขา มีสิครับ เมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว
เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ต้องไม่ลืมภาระคำว่า "หน้าที่"
หน้าที่ที่มีต่อชาติบ้านเมือง หน้าที่ที่มีต่อส่วนรวม
ต้องสำคัญยิ่งใหญ่ไปกว่าบุญคุณส่วนตัว ที่สนับสนุนให้คุณเป็นนายกฯ
นี่ผมยกตัวอย่างให้ฟัง

แต่ผมก็ยังมาบอกว่า ผมมองข้ามคุณทักษิณ และคุณอภิสิทธิ์ไปแล้ว
มีคนขอให้ผมวิพากษ์วิจารณ์โรดแม็ป ผมไม่วิพากษ์วิจารณ์
ผมถือว่าการแสดงออกในเรื่องโรดแม็ปนั้น
คือการเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจที่สุด แต่ไม่เป็นไร
มนุษย์ที่ขี้ยังเหม็นอยู่ กิเลสยังเต็มตัว ผมไม่ว่ากัน
แต่ผมกำลังจะบอกว่า ชาติบ้านเมืองต้องเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง
พรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย คุณทักษิณ ชินวัตร ชอบพูดตลอดเวลาว่า
เอาประชาชนเป็นตัวตั้ง แต่เอาประชาชนของคุณทักษิณนั้น หมายความว่าอย่างไร
หมายความว่า ประชาชนที่พร้อมจะรับเงินรับทองจากเขาแล้วลงคะแนนเสียงให้เขา
นั่นแหละคือประชาชนของเขา

จริงๆ แล้วพี่น้องรู้ไหม เคยมีคนถามผมบอกว่า
คุณสนธิคุณกับพวกเสื้อแดงคุยกันไม่ได้หรอ
ผมบอกทำไมจะไม่ได้เราคนไทยด้วยกัน
สังคมคงตกใจถ้าคุณสนธิจับมือกับพวกเสื้อแดง ผมบอกจับได้
พวกเสื้อแดงต้องก้าวข้ามคุณทักษิณไปซะก่อนข้อแรก
ต้องก้าวข้ามไปเลยว่าวันนี้ไม่ได้สู้เพื่อคุณทักษิณแล้ว
แล้วอีกก้าวข้ามหนึ่งพวกเสื้อแดงต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า
อุดมการณ์เดียวกับผมหรือเปล่า ผมอุดมการณ์คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ผมเชื่อว่าคนเสื้อแดงไม่น้อยที่รักพระเจ้าอยู่หัวฯ แต่ได้ข้อมูลที่ผิดๆ
ทำไมได้ข้อมูลที่ผิดๆ ก็เพราะว่าสื่อของรัฐไม่ได้ทำหน้าที่ที่ควรจะทำ
เหมือนสมัยนึงในยุค คุณสุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ผมออกรายการช่อง 11
ยามเฝ้าแผ่นดิน ออกอยู่ 11 วัน มีผลกระเทือนต่อคุณทักษิณมาก
มีการต่อสายไปหาคุณสุรยุทธ์ใครก็ไม่รู้
คุณสุรยุทธ์ต่อสายมาหาผมเป็นส่วนตัว
บอกคุณสนธิวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะได้ออก พรุ่งนี้ผมขออย่าออกเลย
เห็นหรือยัง อะไรมันจะสำคัญยิ่งกว่าการให้ปัญญาคน

พี่น้องครับ แล้วพี่น้องรู้ไหมว่า วันที่คุณสมัคร สุนทรเวช
ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนคุณสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี ในยุคคุณสุรยุทธ์
พวกเสื้อแดงไปออก DTV โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ออกตลอดเลย
พอคุณสมัครเป็นนายกฯ คุณสมัครให้ 3 เกลอหัวขวด
จัดรายการความจริงวันนี้ที่ช่อง NBT โดยคุณจักรภพ เพ็ญแข
เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ 198 วันที่เขาออกถล่ม พูดจาโกหก
ไม่ได้พูดข้อเท็จจริงให้ประชาชนฟัง จนกระทั่งเขาสร้างมวลชนเขาขึ้นมา
พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาจะ 2 ปีกว่า ไม่ทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
พึ่งจะมาทำเมื่อ 60 วันที่แล้ว แล้ววันนี้ คุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย
ยังลอยหน้าลอยตามาออกทีวี ความพินาศฉิบหายของสังคมไทยวันนี้
ความที่เสื้อแดงขยายตัวตลอดเวลาจนกระทั่งมีปัญหาในเรื่องของการสลาย
จนกระทั่งมีปัญหาในเรื่องของการปราบปราม ส่วนใหญ่แล้วมาจากคุณสาทิตย์
วงศ์หนองเตย แล้วคุณสาทิตย์คือใครล่ะ ถ้าไม่ใช่คู่หูของ นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ เกือบ 2 ปีกว่า ท่านมองไม่เห็นเชียวหรือ จู่ๆ
จะมาประนีประนอมกับเสื้อแดง มาบอก ASTV ว่า ให้ลดโทนลงหน่อย
ผมจะไปลดได้ยังไง ผมลดไม่ได้ เพราะอะไรคือชาติ อะไรคือศาสนา
อะไรคือพระมหากษัตริย์ ผมยืนของผมอยู่ตรงนี้ ผมยืนของผมอยู่ตรงนี้
ฝนจะตกหนักแค่ไหน ฟ้าจะมืดครึ้มแค่ไหน ผมก็ยืนอยู่ตรงนี้
พอแดดออกก็ยังเห็นผมยืนอยู่ที่เก่า ผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง พันธมิตรฯ
มีแต่เสียชีวิตเพื่อยืนอยู่ที่นี่ พันธมิตรฯ
ไม่ใช่คนอื่นที่รอคนอื่นเขาตายแล้วเอาส้นตีนเหยียบศพเขาขึ้นมาเป็นใหญ่
แล้วมาบอกที่ จ.ปทุมธานี ต่อหน้าประชาชน ต่อหน้าข้าราชการ บอกว่า
ชาติบ้านเมืองทุกวันนี้วิกฤตเพราะว่า มีคน 2 กลุ่มสร้างวิกฤต
กลุ่มนั้นคือเสื้อแดงและเสื้อเหลือง คำพูดนี้คือคำพูดของ นายสุเทพ
เทือกสุบรรณ

พี่น้องครับ
เห็นหรือยังว่าการเมืองในที่สุดแล้วไม่ว่าจะมาพรรคเทพอะไรก็ตาม
เบื้องหลังก็คือ ซ่อนความเป็นอสูรไว้ในใจ เพราะว่าไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวม
ถ้าทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
วันนี้เสื้อแดงไม่มีกำลังมากพอที่จะมารวมตัวกันแบบนี้
โชคดีที่โรดแม็ปพังไปแล้ว
เพราะว่าการออกโรดแม็ปอันนั้นคือการลอยแพสถาบันกษัตริย์ไปเลย
สถาบันกษัตริย์พึ่งอะไรไม่ได้ พึ่งการเมืองก็ไม่ได้
พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคซึ่งเกิดจากศักดินาและอำมาตย์ในอดีตหลัง 2475
ยังพึ่งไม่ได้แล้วจะไปพึ่งอะไร ทหารพึ่งได้ไหม ทหารแตงโมเยอะแยะไปหมด
หัวหน้าทหารบางคนยังเป็นทหารแตงโม พี่น้องเห็นหรือยังว่าผมเห็นตรงนี้
พี่น้องครับ ผมเห็นตรงนี้มาตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้ว พี่น้องจำได้ไหม
ผมเคยขึ้นเวทีที่ทำเนียบแล้วผมพูด พูดไปร้องไห้ไป ผมบอกว่า
พระเจ้าอยู่หัวฯ ไม่มีที่พึ่งแล้ว ผมพูดผิดที่ไหนล่ะพี่น้อง
ผมพูดไม่เคยผิดเลย

พี่น้องครับ
จะเห็นได้ชัดว่าการเมืองมันวิวัฒนาการมาทำเพื่อนักการเมือง
นักเลือกตั้งเท่านั้นเอง ส่วนรวมไม่เคยคิด อาจจะคิดอยู่ไม่กี่คน
คุณอภิสิทธิ์อาจจะคิดในเรื่องส่วนรวม คุณกรณ์ จาติกวณิช
อาจจะคิดในเรื่องส่วนรวม แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่คิด แต่พอคิดเพื่อส่วนรวม
ต้องตัดสินใจ เพราะการตัดสินใจนั้นมันจะสะเทือนสถานภาพของการที่ตัวเองจะต้องไม่ได้นั่ง
ตรงนั้นก็ต้องคิดมาก

พี่น้องครับ ประเดี๋ยวเราพักกันสักครู่หนึ่ง แล้วเราจะมาตอนจบว่า
ชาติบ้านเมืองจะเดินไปอย่างไรจากนี้ไป แต่พี่น้องเริ่มเข้าใจหรือยัง
วันนี้ผมจะลุกขึ้นมาสู้กับประชาธิปไตยแนวทางตะวันตก
ผมจะลุกขึ้นมาสู้กับวันแมนวันโหวต
ผมจะลุกขึ้นมาพูดสัจธรรมที่เป็นข้อเท็จจริง แล้วผมพร้อมจะถูกตำหนิ
วิพากษ์วิจารณ์กันให้เต็มที่ เพราะผมไม่ใช่นักประชาธิปไตย
ก่อนที่ผมจะจบตอนนี้ ผมจะถามพ่อแม่พี่น้อง
เราเคยชินใช่ไหมกับการที่เรานั่งในห้องประชุมแล้วบอก ใครเห็นด้วยยกมือ
อ้าวพรึ่บ ใครไม่เห็นด้วย เห็นด้วย 42 คน ไม่เห็นด้วย 2 คน เห็นด้วยชนะไป
ฟังดูมันยุติธรรม ฟังดูมันสวย แต่ลองหมุนกลับอีกด้านหนึ่ง ในห้องๆ
หนึ่งมีคนอยู่ 500 คน มีโจรนั่งอยู่ 499 คน มีพระนั่งอยู่องค์หนึ่ง
ยกทีไร 499 คนก็ชนะใช่ไหม แล้วมติอันนั้นคือมติโจร ผมถามว่า
แล้วนี่เป็นประชาธิปไตยหรือเปล่า เป็น แล้วส่วนใหญ่ได้ไหม ไม่ได้
ได้เฉพาะโจร 499 คนเท่านั้นที่ยกมือ มีพระองค์เดียวเท่านั้นเองมี 1 เสียง
อ๋อพระคุณท่านเสียงเดียวหรอ 499 เขาเอาแบบนี้ เอาไปปล้นกัน
เห็นหรือยังพี่น้อง

พี่น้องเคยทอดกฐินใช่ไหม ถ้าพี่น้องเคยทอดกฐิน
จำได้ไหมตอนถวายผ้ากฐิน ที่จะมอบผ้ากฐินให้ใครนั้นประธาน
พระซึ่งเป็นประธานจะบอกว่า ผ้านี้ได้พิจารณากันแล้ว
ขอมอบให้กับพระองค์นี้ๆ ถ้าเห็นด้วยอนุโมทนาสาธุ ทุกคนก็บอกสาธุ
ไม่มีใครยกมือ เพราะทำไม เพราะเป็นธรรมาธิปไตย
เดี๋ยวเราพักกันสักครู่แล้วกลับมาช่วงสุดท้ายของรายการนะครับ
อย่าเพิ่งไปไหนนะครับ

ช่วงที่ 3

ท่านผู้ชมครับ พ่อแม่พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เรามาถึงจุดที่ แล้วเราถามตัวเราเองว่าเราจะเดินกันยังไงต่อไป
พี่น้องสังเกตไหมว่า นับตั้งแต่ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นต้นมา
ไม่เคยมีความพยายามอันใดเลย
จนกระทั่งถึงปัจจุบันที่จะพยายามทำให้การเลือกตั้งนั้นโปร่งใส
ทุกอย่างโยนเป็นภาระให้ กกต.ไปหมด จริงๆ
แล้วมันมีมาตรการอีกมากมายหลายอย่าง
ถ้ารัฐต้องการที่จะทำให้ที่มาที่ไปของ 1 เสียง ส.ส.นั้น
เป็นที่มาที่ไปที่บริสุทธิ์พอสมควร แต่รัฐทุกแห่ง รวมถึงรัฐบาลชุดนี้
ก็ไม่สนใจที่จะทำ เพราะอะไรพี่น้อง เพราะการใช้อำนาจ ใช้อิทธิพล
ใช้เงินใช้ทองนั้น กลายเป็นส่วนหนึ่งของการได้มาซึ่ง one man one vote

ผมไม่ต้องการออกมาในรูปของการกีดกันใครๆ ทั้งสิ้น ผมจะตั้งปุจฉา
แล้วให้ช่วยกันวิสัชนา ข้อคิดนี้เป็นข้อคิดที่เอาไปคิดให้ลึกๆ
เวลาเราส่งหมาไปประกวด กรรมการที่ประกวด
ตัดสินหมานั้นต้องเป็นผู้ที่รู้เรื่องหมา ใช่มั้ย
ถ้าไม่รู้เรื่องจะตัดสินได้อย่างไรว่าหมาตัวนี้สวย
หมาตัวนี้พ่อพันธุ์มาจากไหน แม่พันธุ์มาจากไหน หรือประกวดไก่
หรือประกวดวัว หรือประกวดพันธุ์ข้าว หรือการแข่งขันตำส้มตำ
ว่าใครทำส้มตำได้อร่อย อย่างน้อยกรรมการก็ต้องกินส้มตำเป็น ผู้เชี่ยวชาญ
ฉันใดฉันนั้น ควรหรือไม่ควร คนที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
ควรจะต้องมีความรู้ทางการเมืองเบื้องต้น ผมให้ท่านวิสัชนา ทำไมใครก็ตาม
ผมเห็นในวันนี้ ในภาพ ในเว็บไซต์ผู้จัดการ เขาจับพวกเสื้อแดงที่ก่อกวน
ไปดูสารรูปแต่ละคนสิ แล้วพวกนี้บอกมาสู้เพื่อประชาธิปไตย ทุกคนไม่รู้
พอบอกว่ามาทำไม นักข่าวฝรั่งถาม บอกสู้เพื่อประชาธิปไตย
แล้วประชาธิปไตยคืออะไร ไม่รู้ล่ะ ประชาธิปไตยก็แล้วกัน
คนบนเวทีบอกสู้เพื่อประชาธิปไตย ฉันก็จะบอกสู้เพื่อประชาธิปไตย

ท่านผู้ชมครับ ในที่สุดมันกลับไปที่ปัญญา ผมเคยพูดตลอดเวลา
แล้วผมไม่ได้พูด ไม่ได้คิดเอง ผมเลียนแบบมาจากคนๆ หนึ่ง เมื่อ 2,500
กว่าปีที่แล้ว ชื่อพระสมณโคดม องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่พระองค์ท่านบอกว่าให้ใช้ปัญญา ปัญญาคือกุญแจไขปริศนาทุกอย่างออกหมด
พี่น้องครับ ในการต่อสู้ของผมตั้งแต่ปี 2548 มา พี่น้องจำได้ไหมผมบอกว่า
ผมจะเอาธรรมนำหน้า จากการต่อสู้วันนี้ต่อไป นอกจากธรรมนำหน้าแล้ว
ยังต้องอยู่กับพุทโธตลอด ก็คือต้องมีสติตลอดเวลา
ต้องมีสติรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่
ต้องมีสติรู้ว่าเรามีหน้าที่อะไรที่ต้องทำ
ต้องมีสติรู้ว่าเราต้องตัดสินใจอะไรบ้าง

ถ้าปัญญาไม่มี ก็จะเที่ยวไปกล่าวหาคนผิดๆ
อย่างเช่นไปกล่าวหาพี่ลองของผมว่าเป็นคนกระหายเลือด
หรือที่พรรคประชาธิปัตย์ยุคนั้นได้อำนาจขึ้นมาก็เพราะว่าไปปั่นกระแสว่า
พล.ต.จำลอง พาคนไปตายในช่วงพฤษภาทมิฬ ทั้งๆ ที่วันที่เขายิงกัน
พล.ต.จำลอง ติดคุกอยู่ข้างใน ปัญญา ปัญญาสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ว
เมื่อที่มาต้นน้ำที่มันส่งน้ำออกมามันสกปรก ส.ส.ที่นั่งอยู่ในสภา
หาเสียงบริสุทธิ์ได้ยากมากเลย ยาก ชาติบ้านเมืองมันถึงเละเทะ
สถาบันกษัตริย์พึ่งทหารก็ไม่ได้ เพราะวันนี้ทหารวิ่งเข้าหานักการเมือง
นักการเมืองคนไหนให้ประโยชน์ ทหารก็จะยืนกับนักการเมือง
ไม่เคยมีครั้งไหนในประวัติศาสตร์กองทัพไทยที่ทหารไทยจะแตกแยกกันมากเท่านี้
และจุดที่แตกแยกก็คือ ผลประโยชน์ เท่านั้นเอง

สมัยก่อน ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นั้นมั่นคง
แต่พอมาวันนี้ควมจงรักภักดีเป็นเพียงแต่การบริการทางคำพูดเท่านั้นเอง
กลับปล่อยให้ลูกเจ๊กลูกแป๊ะอย่างผม ลูกจีนอย่างพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯ
หรือลูกไทย ลูกแขก ต้องมาสู้เพื่อในหลวง

พี่น้องครับ เพราะฉะนั้นการเมือง ศาสนา ก็เสื่อมทุกวันนี้
เคยเห็นมั้ยที่พระใส่จีวรแล้วก็มาชูมือ
กระโดดโลดเต้นอยู่หน้าเวทีเสื้อแดง ไม่เคยเห็นก็ได้เห็นแล้ว
เคยเห็นมั้ยที่มีวิทยุ ที่มีเว็บไซต์ ที่บนเวที กล่าวอาฆาตมาดร้าย
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จาบจ้วงสถาบันตลอดเวลา มีหลักฐานไปหมด
แล้วทหารนั่งกระดิกเท้า ผมเพิ่งจะมาเห็นในช่วงที่ผมแก่ตัวลงนี่ล่ะ
ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยเห็นเลย แล้วไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นวันนั้นด้วย
ไม่เคยคิดว่าวันนั้นจะมาถึงวันนี้ อันตราย
ถ้าตราบใดเรายังเชื่อเหมือนอย่างที่ผมเชื่อ
แล้วเรามีอุดมการณ์เดียวกันว่า ชาตินั้นประกอบด้วยศาสนา
พระมหากษัตริย์นั้น เราต้องถอยในเรื่องนี้ไม่ได้เลย เราถอยไม่ได้อีกแล้ว

จริงๆ แล้วปัญหาคนเสื้อแดงนั้น เป็นปัญหาของชาติบ้านเมือง
ปัญหาความยากจน ทำไมเราไม่แก้ เราแก้มาในอดีต
วิธีที่คุณทักษิณแก้ก็คือเอาเงินให้เขา
วิธีที่รัฐบาลชุดนี้แก้ก็คือส่งเสริมการส่งออก ส่งเสริมการปลูก
แต่เราไม่เคยแก้ให้เขารวยขึ้นมาจริงๆ ด้วยตัวเขาเอง ทำไมเราไม่แก้
เพราะถ้าเราแก้อย่างนั้น เราต้องใช้วิธีใหม่ในการแก้
เราต้องปฏิเสธนายทุนที่เคยหนุนพรรคการเมือง เราต้องปฏิเสธผู้ส่งออก
เราต้องไปปฏิเสธคนที่วิ่งเต้นโควต้า
ทำไมเราถึงไม่สามารถที่จะทำให้ราคาข้าว ขั้นต่ำอยู่ในตลาดต้องไม่ต่ำกว่า
12,000 บาท เราทำได้ แต่การจะทำเช่นนั้น
เราจะต้องกำจัดผลประโยชน์ส่วนตัวของคนมีอำนาจ
ที่จะต้องแลกเปลี่ยนกับพ่อค้า พ่อค้ายินดีเอาประโยชน์มาให้
แล้วก็ไปทำความเดือดร้อนให้กับชาวไร่ชาวนา คือคนยากจน ไม่ต้องไปดูอะไรไกล
ปัญหาหญ้าปากคอก ล็อตเตอรี่ ขายให้แค่ราคาตามหน้าล็อตเตอรี่
ทำไมเราไม่มีปัญญาทำ ที่เราไม่มีปัญญาทำเพราะเราไปมีโควต้า
ทำไมเราต้องมีโควต้า
เพราะว่าเจ้าของโควต้าเอาเงินส่วนแบ่งให้นักการเมืองที่ให้โควต้ามา
เพราะฉะนั้นถ้านักการเมืองสามารถที่จะทำงานเพื่อส่วนรวมได้
ไม่รับเงินจากคนที่มาขอโควต้าล็อตเตอรี่
เอาโควต้าออกไปกระจายไปทุกจังหวัด ในราคาซึ่งลดแล้ว
เมื่อเขาขายตามหน้าล็อตเตอรี่ เขาก็ยังมีกำไรอยู่
ล็อตเตอรี่ก็ขายในราคาตามหน้าล็อตเตอรี่ได้ ถามว่าแก้ได้ไหม ดแก้ได้
แต่มันอยู่ที่ไหน อยู่ที่นักการเมืองต้องไม่มีกิเลส ต้องเห็นแก่ประชาชน
ถึงแม้ว่าล็อตเตอรี่จะเป็นเรื่องที่มอมเมาก็ตาม แต่มันเป็นบทพิสูจน์
มันเป็นบทพิสูจน์ครับพี่น้อง ว่าถ้านักการเมืองทำงานให้กับส่วนรวม
เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้ว ชาติบ้านเมืองไปได้ ไปได้จริงๆ
แต่นักการเมืองสมัยนี้ไม่มีใครทำงานเพื่อส่วนรวม ทุกคนทำงานเพื่อส่วนตัว
เพราะว่าได้ลงทุนไปแล้วกับการที่ต้องมานั่งในสภา
ได้ลงทุนไปแล้วกับการซึ่งมี ส.ส.อยู่ในมือ
เพราะฉะนั้นแล้วประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวหรือ ไม่ใช่
ไม่ใช่เด็ดขาด

เราจะมีทางไหนบ้างล่ะที่จะให้คนซึ่งเป็นชาวรากหญ้ามานั่งในสภาได้
บ้าง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการที่จะต้องไปจ่ายเงินซื้อเสียง
เรจะมีทางไหนบ้างที่จะให้คนใช้แรงงานได้เข้ามานั่งในสภา
เราจะมีทางไหนบ้างที่จะให้คนชนชั้นกลาง พ่อค้าอิสระ
หรือนักธุรกิจระดับใหญ่ หรือเชื้อพระวงศ์
ทุกส่วนของสังคมไทยนั้นเป็นส่วนผสมของคนหลายๆ ส่วน
ประชาชนระดับล่างก็เป็นส่วนหนึ่งที่เขาต้องมีสิทธิ์มีเสียง กรรมกร แรงงาน
ก็ต้องมีส่วน ทำไมกรรมกรไม่มีสิทธิ์ได้ค่าแรงวันละ 200 บาท
ทำไมเงินเดือนขั้นต่ำของคนที่จบปริญญาตรีถึงไม่มีสิทธิ์จะได้ 20,000 บาท
มันจะทำได้ยังไง เพราะมันทำทีไรพวกนายทุนพรรค
หรือคนซึ่งเอาเงินไปยัดให้กับคนซึ่งมีอำนาจ บอกว่าไม่ได้หรอก
เดี๋ยวเศรษฐกิจพัง นี่เป็นคำกล่าวหาที่บิดเบือนอย่างที่สุด
เพียงเพื่อที่จะกดขี่คนยากคนจน คนใช้แรงงาน

เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่คนเสื้อแดงบางส่วนเขาสู้นั้นเขามีเหตุผล
เขาสู้เพราะเขาไม่เคยได้รับความเป็นธรรม
เมื่อเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว เขาถูกส่องแสงสว่างโดยบนเวทีเสื้อแดง
เพียงแต่เวทีเสื้อแดงบอกว่า
ไอ้ที่มันเป็นอย่างนี้เพราะว่าอำมาตย์เป็นตัวการ ตอนนี้ผิดประเด็นแล้ว
พี่น้องเข้าใจหรือยัง

ผมไม่เคยตำหนิคนเสื้อแดง แต่ผมตำหนิโจร
ตำหนิคนซึ่งจงใจที่จะให้ร้ายประเทศ
ตำหนิคนซึ่งสู้เพื่อทักษิณเพียงคนเดียว ถ้าคุณยังก้าวไม่ข้ามทักษิณ
ชีวิตคุณลงนรกแน่ แต่ถ้าคุณก้าวข้ามทักษิณได้ แล้วคุณยืนหยัดอยู่กับชาติ
ศาสนา พระมหากษัตริย์ คุณกับผมจับมือกันได้ เพราะเราคนไทยด้วยกัน
แต่ถ้าคุณยังเชื่อผู้นำคุณบางคน ซึ่งข้างหลังผู้นำคุณบางคนนั้น
ตามมาเงินของคนสูญเสียอำนาจ
แล้วข้างหลังคนที่มีเงินนั้นก็คือฝ่ายซ้ายที่ต้องการล้มล้างการปกครอง
แล้วต้องการสร้างรัฐไทยใหม่ คุณกับผมเจอกัน คุณกับผมเจอกัน
ที่เจอกันไม่ใช่เพราะผมมีอะไรกับคุณ
แต่ที่เจอกันเพราะว่าอุดมการณ์เราไม่เหมือนกัน

พวกกลางกลวง พวกสีขาว จะไปไหนก็ไป ไปนรกซะ
เพราะว่าโลกมีแต่ผิดและถูก ดีกับชั่ว ผมบอกมาตั้งนาน
ขี้หมากองหนึ่งบนโต๊ะ กับข้าวจานหนึ่ง คุณจะกินข้าวหรือกินขี้
คุณก็บอกฉันกินข้าว เอ้า ถ้างั้นเป็นกลาง
ก็เอาข้าวผสมขี้แล้วคุณกินไหมล่ะ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ชอบพูดนัก
เป็นกลางๆ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ชอบพูดนัก เป็นกลางๆ
เวลาไปอยู่พรรคฝ่ายค้านทำไมไม่เป็นกลางล่ะ แต่พอมีอำนาจหน่อย
เป็นกลางทันที พี่น้องเข้าใจหรือยัง ตอนนี้
บ้านเมืองเราเหมือนบ้างหลังใหญ่หลังหนึ่ง คนอยู่กัน แล้วมีห้องกลาง
ห้องรับแขก ห้องรับแขกนี้กลายเป็นสภาผู้แทนราษฎร ส.ส. รัฐบาล
ปรากฏว่าห้องรับแขกนี้สกปรก เน่าเหม็น เฟอะฟะ ดูให้ดีๆ
แล้วใครอยู่ในห้องรับแขกนั้น หนูกับแมลงสาบ พูดไม่ผิดหรอก
นักการเมืองไทยส่วนใหญ่คือแมลงสาบ ไม่มีประโยชน์อะไรกับชาติบ้านเมืองเลย
ชาติบ้านเมืองมาได้วันนี้ พินาศฉิบหายได้วันนี้
เพราะนักการเมืองเสียส่วนใหญ่ นักการเมืองจริงๆ
ผมยังไม่เคยเห็นการปฏิรูปทางการเมืองที่ดำริ ริเริ่มโดยนักการเมือง
ทำให้กับสังคมโดยส่วนใหญ่ มีแต่คิดจะแก้รัฐธรรมนูญ แก้เอาเขตเล็กบ้าง
เขตใหญ่บ้าง เพื่ออะไร เพื่อให้นักการเมืองเลือกตั้งง่ายขึ้น
มีแต่จะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้นักการเมืองพ้นผิด
สรุปแล้วประเทศไทยนี้เป็นของพวกคุณเท่านั้นหรือ ถ้าจะถามคำฮิตติดปาก
มึงจะแก้ มึงจะปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปประเทศ มึงถามกู้หรือยัง
ทุกคนมีสิทธิ์ทั้งนั้น เสื้อแดงมีสิทธิ์ ผมก็มีสิทธิ์
ถ้าผมเป็นคุณอภิสิทธิ์ตั้งแต่ต้น ผมจะบอกชัดเจนเลยว่า ผมจะยุบสภาปีหน้า
เดือนธันวาคม แต่จากวันนี้เป็นไปต้นไป จนกระทั่งถึงเดือนกันยายนปีหน้า
ผมจะปฏิรูปการเมือง และผมจะปฏิรูปการเมืองโดยผมขอฉันทามติจากสภา
ว่าเมื่อคณะกรรมการปฏิรูปการเมืองทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
แล้วถ้ามีการยอมรับกันทั่วประเทศแล้ว
ให้ถือว่าเป็นมติโดยที่ไม่ต้องเอาเข้าสภา เพราะคุณอยู่ในสภา
คุณเป็นนักการเมือง ถ้าคณะกรรมการซึ่งภาคประชาชนเขามีส่วนร่วม
เขาปฏิรูปการเมืองที่ทำให้คุณเสียเปรียบ พอเข้าสภาคุณก็ไม่เอา
ผมถึงบอกว่าวันนี้ชาติบ้านเมืองมันไปไม่ได้แล้ว ถนนพระราม 4 ถนนวิทยุ
มันยิงกันอย่างกับเทกซัส ประเทศเทกซัสนะ เกิดมาไม่เคยเจอ
ไม่เคยพบไม่เคยเห็น ไม่เคยเจอ แล้วใครเป็นคนสร้างตรงนี้ขึ้นมา
นักการเมืองทั้งนั้น ผมสร้างเหรอ ผมไม่ได้สร้าง นักการเมืองสร้างทั้งนั้น
นักการเมืองสร้างทำให้เกิดทหารแตงโม นักการเมืองสร้างทำให้เกิดตำรวจแตงโม
นักการเมืองสร้างทำให้เกิดช่องทางที่ทำให้ซ้ายอกหักต้องการจะล้มล้างสถาบัน
กษัตริย์ นักการเมืองทั้งนั้น เห็นแก่ตัวกันมากพวกคุณ

การเมืองไทยต้องมีการปฏิรูป การเมืองไทยต้องมีการเปลี่ยนแปลง
ประเทศต้องมีการเปลี่ยนแปลง ประเทศต้องเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
โอกาสของมนุษย์ต้องเท่าเทียมกัน สถาบันกษัตริย์ต้องคงอยู่
การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นั้นเป็นเรื่องที่สถาบันกษัตริย์ต้องปฏิรูปในที่สุด
แต่ต้องคงอยู่ไม่อยู่ไม่ได้ เพราะว่าเราไม่ใช่สหรัฐอเมริกา
เราไม่ใช่อังกฤษ
อย่าเอาทฤษฎีประชาธิปไตยของตะวันตกมาใช้กับเมืองไทยเด็ดขาด
ท่านพุทธทาสพูดไม่ใช่หรอว่า ประชาธิปไตยคือความสุขของประชาชนเป็นส่วนใหญ่
ท่านไม่หมายความว่าประชาธิปไตยคือเสียงข้างมากนะ ท่านไม่เคยพูด
ในธรรมะไม่ได้บอกนะว่า ธรรมาธิปไตยคือเสียงข้างมาก
ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา พระพุทธเจ้าทรงตรัสเอาไว้ เหมือนกัน
คนมีธรรมด้วยกันไม่ต้องยกมือ พูดถึงเรื่องนี้ทุกคนเข้าใจเห็นด้วย
เพราะว่ามันคือธรรม และไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ธรรมไม่สามารถจะแก้ได้

พี่น้องครับ ผมอยากให้คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็นนายกรัฐมนตรีที่แสดงความกล้าหาญสักครั้งหนึ่ง เป็นผู้นำประเทศ
นำพรรคการเมืองทุกพรรค หัวหน้าพรรคการเมือง เสียสละให้ชาติบ้านเมือง
เสียสละ ทุกคนทั้งคุณบรรหาร คนโน้นคนนี้
ที่กระสันต์อยากเป็นรัฐบาลใจแทบขาด ที่อยากจะหลุดออกมาจาก 111
คนเพื่อเล่นการเมือง ทุกคนเสียสละเพื่อประเทศไทยสักครั้งได้ไหม
เลิกเล่นการเมือง 3 ปี ถวายอำนาจคืนพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้พระเจ้าอยู่หัวฯ
ทรงตั้งรัฐบาลขึ้นมา เพื่อปฏิรูปสังคม ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปชาติ
ถ้าอย่างนั้นประเทศชาติมีโอกาสรอด ถ้ายังยุบสภาเลือกตั้ง
การเลือกตั้งต่อไปจะฆ่ากัน คนไปยืนหาเสียง ถ้า เสธ.แดง โดนสไนเปอร์ยิงได้
คนก็ยิงสไนเปอร์ได้ ถ้าเขายิง M79 บนถนนพระราม 4 ถนนวิทยุ ข้างๆ
โรงเรียนมาแตร์ฯ ทำไมเขาจะไม่สามารถยิงได้ที่บุรีรัมย์ ที่โคราช
หรือที่หนองคาย เงินจะซื้อเสียง อาวุธจะข่มขู่คน
เพราะฉะนั้นจะกลายเป็นประชาธิปไตยที่ซื้อได้ด้วยเงิน
และก็เกิดมาด้วยเลือดที่นองแผ่นดิน นี่คือประชาธิปไตยที่คุณต้องการหรอ
ผมไม่ต้องการ เพราะมันจะก้าวเข้าไปสู่การเป็นเผด็จการที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ในที่สุดแล้วใครก็ตามที่มีเงิน มีอาวุธ ปกครองประเทศไทย
วันนั้นก็คือการล่มสลายของชาติบ้านเมือง
เพราะวันนั้นสถาบันกษัตริย์จะไม่อยู่ในสายตาคนพวกนี้แล้ว
พวกคุณต้องเสียสละ พวกคุณกอบโกยชาติบ้านเมืองมานานแล้ว เชื่อผม
ปัญหาประเทศชาติจบในสภาไม่ได้เพราะว่าสภานั้นคือตัวปัญหาที่แท้จริงของ
ประเทศชาติ

ถ้าคุณไม่ทำ ผมเสนอให้ทหารดีๆ ที่รักชาติรักบ้านรักเมืองปฏิวัติ
นี่คือทางออกทางที่ 2 แต่ผมไม่ได้เสนอให้รัฐประหาร ผมเสนอให้ปฏิวัติ
ปฏิวัติเพื่อที่จะจัดระเบียบทุกอย่างให้เดินต่อไปให้ถูกต้องในชาติบ้านเมือง
แต่ไม่ใช่ทหารมาจัดการ ปฏิวัติเสร็จให้ภาคประชาชนเข้ามา
มามีส่วนร่วมในการให้ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียง
ในการให้ทุกคนได้ความโปร่งใสในการทำงาน ได้ความโปร่งใสในที่มาที่ไป
นักการเมืองเข้าใจในหน้าที่ที่ตัวเองต้องทำ
ข้าราชการเข้าใจหน้าที่ที่ตัวเองต้องทำ ทหารกลับไปเป็นทหารเหมือนเดิม

น่าตกใจไหม หลายคนคงช็อก อย่าไปช็อกนี่คือความจริง นี่คือสัจธรรม
จะยุบสภาวันนี้ จะยุบสภาสิ้นปีนี้ จะยุบสภาปีหน้า
เหมือนกันไม่ต่างอะไรกัน พรรคเพื่อไทยจะวิ่ง
ข้างหลังพรรคเพื่อไทยจะมีเงินคุณทักษิณ มีเงินพวก 111 คน
มีเงินของบ้านจันทร์ส่องหล้า ใส่เข้าไป พรรคประชาธิปัตย์ก็จะวิ่ง
ใช้อำนาจรัฐ พรรคภูมิใจไทย ตอนนี้เงินเป็นหมื่นล้าน
มีทั้งกองกำลังตำรวจอยู่ในมือ สู้กันเพื่ออะไร
เพื่อแย่งชิงอำนาจโดยที่ไม่คำนึงถึงวิธีการ และแต่ละคนมาบาดเจ็บ
เข้ามาในสภาใส่เสื้อนอกแล้วก็วันแมนวันโหวต ยกมือแล้วบอกว่า
นี่คือประชาธิปไตย ทุกอย่างต้องจบที่สภา มันจบ ประเทศชาติจบ
พวกคุณไม่จบหรอก

พี่น้องครับ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมีความกล้าหาญ
ถึงเวลาแล้วที่เราต้องยอมรับว่าระบบการเมืองปัจจุบันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
ทหารก็ล้มเหลว ตำรวจก็ล้มเหลว สถาบันหลัก แม้กระทั่งศาลบางส่วนก็ล้มเหลว
อัยการบางส่วนก็ล้มเหลว เราแทบไม่มีอะไรจะพึ่งได้อีกแล้วในสังคมไทยวันนี้

วันนี้ วันที่ 14 พฤษภาคม 1 ปีกับ 17 วัน 1 ปีกับ 27 วัน
ที่ผมถูกยิงเกือบ 200 นัด แผลเป็นอยู่ที่นี่ คดีความผมเงียบสนิท
คนที่รู้ว่าใครยิงผมก็เพิ่งถูกยิงตายไปเมื่อวานนี้
อาจจะเป็นเพราะว่าขู่อยู่ตลอดเวลาว่าจะเปิดโปง เอาเถอะ
แต่ไม่มีใครสนใจหรอก ผมยังดีกว่า เสธ.แดง
หน่อยที่ผมยังเดินเข้าโรงพยาบาลได้ แต่สรุปแล้วผมกับ เสธ.แดง
ก็ถูกยิงเหมือนหมาตัวนึงถูกยิงเหมือนกัน ต่างกันที่ว่าจับมือใครดมไม่ได้
เสียงปืน M79 ดังตลอดเวลา เสียงปืน M16 ดังตลอดเวลา
เสียงระเบิดขว้างตูมตามตูมตาม ไฟลุกขึ้น
พี่น้องครับไม่ใช่ริมชายแดนกัมพูชานะครับ กลางเมืองหลวง ลงข้างๆ
โรงเรียนมาแตร์เดอี ศาลาแดง ข้างๆ สวนลุม ข้างหน้าโรงแรมดุสิตธานี
ภาษาอังกฤษที่เขาชอบพูดว่า Failed State รัฐที่ล้มเหลว อันนี้มันไม่ใช่
Failed State แล้วนะครับ ผมเรียกว่า Waring State รัฐที่กำลังทำสงคราม
พี่น้องครับ ไม่มีใครกระหายเลือด แต่มีแต่หน้าที่คืออะไร
ต้องทำตามหน้าที่อันนั้น จะประคองตัวเองโดยที่ไม่มีบาดแผลไม่ได้หรอก
อย่าลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด ในอดีตนั้นบางครั้ง
การทำสงครามนั้นทำเพื่อยุติสงคราม สงครามนั้นหลายๆ
ครั้งทำเพื่อให้เกิดสันติภาพ

พี่น้องครับ ผมกลับมาครั้งนี้ผมคงได้เจอกับพี่น้องมากขึ้น
ผมรู้ว่าแต่ละคนก็มีแม่ยกของตัวเอง ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ก็มีแม่ยกของท่าน
ผมก็มีแม่ยกของผม
เอาเป็นว่าพฤติกรรมของคนซึ่งมีแม่ยกนั้นขอให้อุดมการณ์ไม่เปลี่ยน
หลักการยืนให้มั่นคง ไม่เป็นไรครับ จะยังไงก็ตาม จะรักใครชอบใครไม่ว่า
แต่ให้อยู่กับพุทโธตลอด ให้มีสติ สติว่ายังไง สติว่าในที่สุดแล้วชาติ
ศาสนา และพระมหากษัตริย์รึเปล่า ถ้าชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์รอด
จะเป็นแม่ยกใครไม่สำคัญหรอกครับ และอย่าเป็นแม่ยกอย่างงมงาย ลืมหูลืมตา
แตะต้องพระเอกตัวเองไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
แม่ยกประเภทนี้เขาเรียกว่าแม่ยกงี่เง่า แล้วค่อนข้างจะโง่ด้วย
ขอบพระคุณครับ สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น