++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วันเพ็ญร้องทุกข์

ปัญญา ฤกษ์อุไร

            นายช่างถ้วย รวยคธา กับผมเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน รู้จักกันมานานตั้งแต่สมัยอยู่หอพักจุฬา หรือที่เรียกกันสมัยนั้นว่า "หอใหม่"
            เจ้าถ้วย เป็นนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มีสิทธิอยู่หอพักเต็มภาคภูมิ ส่วนผมเรียนกฏหมายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ไปอยู่หอพักจุฬาในฐานะ "ผีสิงหอ" เป็นชื่อที่เขาเรียกพวกที่ไม่มีสิทธิแต่มาอาศัยอยู่อย่างคนนอกทะเบียน เขาเลยให้สมญานามพวก "ผีสิงหอ" พวกผีสิงหอนี้อยู่ไม่ค่อยจะเป็นสุขนักมักจะต้องหลบๆซ่อนๆ เวลาหม่อมสลับ ลดาวัลย์ ผู้ดูแลหอมาตรวจคราวใดก็ต้องวิ่งกระโดดออกทางหน้าต่างแข้งขาหักไปตามๆกัน
           
            เมื่อเจ้าถ้วย รวยคธา สำเร็จจุฬาพร้อมปริญญาตรีทางสถาปัตย์แล้วก็ไปสมัครเข้าทำงานกรมชลประทาน เขาบรรจุให้เป็นข้าราชการชั้นตรี ติดขีดบนบ่าหนึ่งขีด ปัจจุบันนี้เขาเรียกพวกซี ๓ ก.พ.แถมให้ฟรีๆอีก ๑ ขีด เป็น ๒ ขีด

            วันหนึ่งกรมชลประทานมีคำสั่งให้เจ้าถ้วยไปทำการสำรวจที่ๆจะวางผังสร้างหัวงานเขื่อนขนาดใหญ่มหึมาที่จังหวัดตาก ในการนี้ เจ้าถ้วยจะต้องไปอยู่ที่นั่นเป็นเวลาแรมปีจนกว่าการสำรวจจะเสร็จสิ้น เจ้าถ้วยจำใจต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดเป็นครั้งแรกในชีวิต ทั้งๆที่เจ้าถ้วยเกลียดการเดินทางไปอยู่บ้านนอกมากที่สุด ขนาดเพื่อนๆ ชวนมันไปกินเป็ดพะโล้ที่บ้านนานครนายกใกล้ๆแค่นี้มันยังไม่ยอมไปเลย

            บรรพบุรุษของเจ้าถ้วยเป็นเชื้อสายเจ้าพม่าแถวๆเมืองเมาะตะมะ ชื่อหม่องกะจุนจู่หรือกะโกผ่อ อะไรทำนองนี้แหละ

            ที่เขื่อนยันฮี ขณะที่กำลังก่อสร้างนั้นมีแคมป์อยู่แคมป์หนึ่งเรียกแคมป์โอ แคมป์โอนี้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของพวกกลัดมันทั้งหลาย มาเที่ยวกันในยามค่ำคืนซึ่งเจ้าถ้วยก็มักจะมาอุดหนุนเป็นประจำ เรียกว่าเป็นเจ้าจำนำกันทีเดียว

            ผู้จัดการบาร์แห่งนี้เป็นหญิง ชื่อ วันเพ็ญ เธอเป็นสาวสวยวัยยี่สิบเศษ ผิวพม่า นัยน์ตาแขก สะโพกฮาวาย บั้นท้ายสวีเดน นายช่างถ้วยมาตื้ออยู่เป็นประจำจนกระทั่งเกิดเรื่องจนได้
            ตอนสายๆวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังตรวจสำนวนคดีอาญาอยู่ในห้องทำงานบนอำเภอ ปลัดแอบ ปลัดอำเภอฝ่ายพัฒนาเข้ามารายงานว่า
            "ท่านครับ ผู้บังคับกองตำรวจ จับนายช่างถ้วยมาพบท่านเรื่องคดีข่มขืน" ผมตกใจมากเพราะนายช่างถ้วยเป็นเพื่อนผมเองเมื่อครั้งอยู่หอพักจุฬา

            "นายช่างชลประทานใช่ไหม?"
            "ใช่ครับ คนที่เป็นเพื่อนกับท่านนายอำเภอนั่นแหละ และก็เป็นคนเดียวกันกับที่เคยมากินเหล้าที่บ้านท่านเมื่อวันก่อน"
            "เขาทำผิดจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจเป็นการกล่าวหากันก็ได้ ไม่มีพยานรู้เห็นเชื่อยาก"
            "ผมก็ไม่ทราบครับเดี๋ยวขออนุญาตให้ผู้บังคับกองตำรวจ ผู้เสียหายและผู้ต้องหามาพบท่าน แล้วท่านนายอำเภอซักไซ้ไล่เรียงเอาเองก็แล้วกันนะครับ"

            "ก้อดีเหมือนกัน"
            ร.ต.ท.สุวรรณ ผู้บังคับกองตำรวจ อำเภอสามเงา จังหวัดตาก ชิดเท้าตรง แสดงความเคารพ
            ผมมองหน้าผู้กอง แล้วหันไปมองหน้านายช่างถ้วย ยืนเอามือกุมปากซึ่งบวมเป็นครุฑ คงจะโดนใครเอากำปั้นยัดปากเป็นแน่ ผมคิดในใจ  แล้วหันกลับมาทางผู้บังคับกองตำรวจอีกครั้งหนึ่ง
            "เรื่องราวมันเป็นยังไงหือ?"
            "คือ...อ้า...คือ หนูวันเพ็ญกล่าวหาว่า นายช่างถ้วยย่องเข้าไปหาในยามวิกาล เพื่อที่จะทำมิดีมิร้าย แต่นายช่างเถียงว่าไม่จริง ตัวนายช่างเองต่างหากที่ถูกทำร้าย ไม่ใช่หนูวันเพ็ญ" ผู้บังคับการตำรวจชี้แจง

            "อ้าวเป็นยังงั้นไป" ผมอุทาน
            "ด้วยเหตุนี้จึงต้องขอบารมีท่านช่วยพิจารณาว่าจะเอายังไงดี เพราะทราบว่านายช่างก็เป็นเพื่อนท่าน ส่วนหนูวันเพ็ญก้อ...อ้า...อ้า....."
            "มัวแต่อ้าๆอยู่นั่นแหละ หนูวันเพ็ญเป็นอะไรหือ?" ผมชักหงุดหงิด
            "หนูวันเพ็ญก็คุ้นเคยกับท่านดี" ว่าแล้วผู้กองก็ถอนใจใหญ่ ผมหันไปทางหนูวันเพ็ญ แล้วจ้องหน้าเธอครู่หนึ่งเห็นเธอนั่งก้มหน้าไม่พูดจาว่ากระไร

            "ไหนแหงนหน้าขึ้นมาซิ บอกนายอำเภอหน่อยได้ไหม ว่าวันเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ นายช่างเขาเข้าไปหาหนูใช่ไหม"
            "ใช่ค่ะ"
            "ตอนนั้นเป็นเวลากี่โมงแล้ว"
            "ประมาณตีสองเห็นจะได้ ขณะนั้นบาร์เลิกแล้วหนูก็ปิดประตูห้องนอน พอเคลิ้มๆไป ก็รู้สึกเหมือนมีใครคนหนึ่งมาเลิกผ้าห่ม ทำให้หนูตกใจมาก จึงยกเท้าถีบไปทีหนึ่งเสียงดังโครมใหญ่ ตอนนั้นหนูไม่รู้ว่าเป็นใครมาทำไม? แต่พอเอาไฟฉายส่องดูก็ปรากฏว่าเป็นนายช่างถ้วยนี่เอง รุ่งเช้าหนูเลยมาแจ้งความกับผู้บังคับกอง"

            "เพียงแต่เลิกผ้าห่มนิดหน่อยก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร และเขาก็ไม่ได้ข่มขืน ทำไมต้องมาแจ้งความเท็จด้วย อย่างนี้ผิดกฎหมาย  ดีไม่ดีหนูอาจจะติดคุกเสียเองรู้ไหม?" ผมกล่าวสำทับ หนูวันเพ็ญนั่งค้อนปะหลับปะเหลือก แล้วพูดว่า
            "โถ ท่านก็ หนูหวังจะมาพึ่งให้ช่วยเรียกค่าเสียหายให้สักหน่อย กลับจะเอาหนูเข้าคุกเสียอีก เป็นเจ้าทุกข์แท้ๆกลับจะกลายเป็นผู้ต้องหา  แล้วความยุติธรรมมันจะอยู่ทีไหนกันละคะ"

            "ก็เธอมาแจ้งความว่าเขาข่มขืน แต่จากการสอบสวนไม่ปรากฏว่าเขาข่มขืนอะไรเธอ มีแต่เธอไปถีบหน้าเขาหนึ่งที จนนายช่างเขายืนปากเจ่ออยู่ตรงนั้น เธอเห็นหรือเปล่า แล้วจะเอายังไงกันอีก เขาก็ได้รับโทษพอสมควรแล้ว"
            "เขาทำให้หนูตกใจ และบุกรุกเข้าไปในห้องหนูยามวิกาล อย่างน้อยหนูควรจะได้ค่าเสียหายมั่ง" เธอไม่ยอมละลด ผมหันไปทางเจ้าถ้วยเพื่อนผมพลางเอ่ยขึ้นว่า
            "นายช่างหละว่าอย่างไร ไปยังไงมายังไงถึงไปมุดมุ้งเขา" ผมพูดยิ้มๆ นายช่างถ้วยยิ้มอายๆท่าทางเขินๆ

            "ไม่มีอะไรหรอก คืนนั้นกลับบ้านไม่ได้เพราะดึกมากแล้ว เลยคิดว่าจะอาศัยหนูวันเพ็ญนอนด้วยสักคืนหนึ่ง บังเอิญตอนที่เข้าไปในห้องมันมืดมองไม่เห็นอะไร เห็นรางๆว่ามีคนนอนคลุมโปงอยู่ก็เลยค่อยๆเลิกผ้าห่มคิดว่าเป็นข้างหัว แต่เมื่อเลิกผ้าห่มแล้วจึงรู้ว่าเป็นปลายเท้า พอดีแม่ตกใจเลยเจอส้นตีนเข้าพอดีจนปากเจ่อเป็นครุฑ ซวยแท้ๆ " นายช่างถ้วยชี้แจง ผมนึกขำอยู่ในใจ จะเข้าหาผู้หญิงทีน่าจะรอบคอบกว่านี้ ผ่าเข้าไปโดยไม่ดูหัวดูก้อย ผลก็ออกมาอย่างนี้ ผมหันไปทางวันเพ็ญผู้เสียหาย

            "หนูวันเพ็ญเขาลือกันว่าหนูเป็นคนใจบุญสุนทาน นายอำเภอขอเสียเถอะเรื่องมันแล้วก้แล้วกันไป หนูก็ไม่เสียหายอะไรนัก ได้ถีบหน้าเขาฟรีๆไปทีหนึ่งก็นับว่าเป็นการเพียงพอแล้ว นายช่างเขาคงจะจดจำเป็นบทเรียนไปจนตาย ...คงไม่กล้ามาล่วงเกินหนูอีกแล้ว คงจะเข็ดขี้อ่อนขี้แก่ทีเดียว " พูดจบผมหันไปมองนายช่างถ้วย ซึ่งนั่งทำหน้าเป็นม้าหมากรุกอยู่
            "ก้อได้...แต่คืนนี้นายอำเภอต้องไปหาหนูหน่อย"

            "มันเกี่ยวอะไรกะฉันล่ะ " ผมชักใจไม่ดีไม่ทราบว่าหนูวันเพ็ญจะมาอีท่าไหน
            "ความจริงมันไม่เกี่ยวอะไรกับท่านหรอก แต่เพื่อให้แน่ใจว่านายช่างเขาไม่ไปรังแกหนูอีก หนูจึงขอให้ท่านไปช่วยดูแลหนูหน่อย เพื่อความอบอุ่นใจของหนูเอง"
           
            ผมรู้สึกลำบากใจ เพราะเป็นเจ้าพนักงานจะไปมั่วที่บาร์ ใครไม่รู้เขาจะหาว่าเราไปคุมซ่องจะเสียชื่อเสียง  หันไปมองหน้านายช่างถ้วย เห็นมันมองผมด้วยดวงตาละห้อย แฝงไว้ด้วยสายตาที่มีอาการวิงวอนให้ช่วยมันหน่อน ผมคนใจอ่อนอยู่แล้ว เมื่อเห็นเพื่อนวิงวอนด้วยสายตาเช่นนั้นจึงตกลงใจช่วยเพื่อน

            "เอ้าตกลง ฉันจะไปดูแลเธอคืนนี้" ผมบอกหนูวันเพ็ญ เธอยิ้มแป้น
            "ถ้าอย่างนั้นหนูก็ไม่ติดใจอะไรอีก หนูขอลา" ว่าพลางเธอก็ยกมือไหว้ผมแล้วหัวไปค้อนนายช่างถ้วยวงใหญ่ นายช่างนั่งหน้าบูดเหมือนตูดเป็ด

            คืนนั้นผมมีราชการด่วน เพราะเกิดฆ่ากันตายที่ตำบลยกกระบัตร ต้องรีบไปชันสูตรพลิกศพ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ย่างเข้าสองยามไปแล้ว นึกได้ว่าต้องไปดูแลที่บาร์ของหนูวันเพ็ญ จึงรีบตรงไปที่นั่น เมือไปถึง พบหนูวันเพ็ญกับนายช่างถ้วยกอดคอร้องเพลง "ฉันรักเธอคนเดียว" กันอยู่อย่างมีความสุข

            "ฉันมีใจเดียว และมีรักเดียวไม่เหมือนใคร ..มอบจิตและใจ ตราบดวงวิญญาณ....ให้กับเธอ.... เพื่อเธอคนเดียว...... เพื่อเธอคนเดียว....เพื่อเธอ.....เพื่อเธอ.....ฉันรักเธอเสมอ...ฉันรักเธอเสมอ...ทุกวันคืน..."

            คืนนั้น ทราบว่า นายช่างถ้วยกับหนูวันเพ็ญอยู่ด้วยกันจนฟ้าสาง

ที่มา  ต่วยตูน เดือนมีนาคม ๒๕๓๑ ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๗  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น