++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

แผนปรองดองแห่งชาติ 5 ข้อ...ตกม้าตาย!

โดย แสงแดด 11 พฤษภาคม 2553 13:20 น.
คนไทยได้ผ่อนคลายความตึงเครียดไปเพียงเกือบหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น
ที่นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศ "แผนปรองดองแห่งชาติ 5
ข้อ" หรือมักเรียกขานว่า "5 Roadmaps" เพื่อ "ผ่าทางตัน-เสนอทางออก"
กับการแก้ไขวิกฤตชาติบ้านเมือง
พร้อมทั้งประกาศว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งประมาณวันที่ 14 พฤศจิกายน 2553
นี้

แต่วันสำคัญที่สุด คือ "วันฉัตรมงคล" เมื่อวันพุธที่ 5 พฤษภาคม
ที่ผ่านมา ทำให้คนไทยถ้วนหน้าได้มีโอกาสเฉลิมฉลองและหวนกลับสู่ความปีติอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ได้เสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลศิริราช
เพื่อไปประกอบพระราชพิธีที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง
ด้วยรถยนต์พระที่นั่ง ที่พสกนิกรชาวไทยสามารถเฝ้าฯ
รับเสด็จได้ตลอดเส้นทาง นำความปลาบปลื้มโสมนัสแก่คนไทยทุกคน
ที่เปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ด้วยน้ำตาเอ่อล้น

พระพักตร์ของ "ในหลวง"
ที่อิ่มเอิบบ่งบอกถึงอาการของพระองค์ท่านทรงหายเป็นปกติ
มิได้แสดงถึงพระวรกายที่พระองค์ท่านมีอาการพระประชวรแต่ประการใด
พร้อมกับการโบกพระหัตถ์ทักทายประชาชนของพระองค์

"วันฉัตรมงคล" มีความสำคัญต่อชาวไทยทั้งมวล เนื่องด้วย
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ทรงบรมราชาภิเษก
พร้อมทั้งมีพระปฐมบรมราชโองการ ว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม
เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"

เมื่อใดที่คนไทยส่วนใหญ่ได้สดับตรับฟังถึงพระปฐมบรมราชโองการข้างต้น
ต่างตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
ที่ทรงยึดมั่นด้วยพระราชกรณียกิจและความห่วงใย
พร้อมปกครองอาณาประชาราษฎร์ด้วย "ทศพิธราชธรรม" ตลอดระยะเวลา 60 ปี
ของการครองราชย์ อย่างมิเคยยิ่งหย่อนแต่ประการใด

"วันฉัตรมงคล"
เป็นหนึ่งวันสำคัญที่ทำให้คนไทยรู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดของสถานการณ์
บ้านเมือง ตลอดจนความปีติอิ่มเอิบของคนไทยที่แสดงและเทิดทูนความจงรักภักดีต่อพระองค์
ท่าน และดูเสมือนว่า บ้านเมืองกำลังเดินหน้าสู่สภาวะปกติ

จากการแถลงการณ์ของนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
และวันฉัตรมงคลต่างส่งสัญญาณว่า "ความสันติ สงบสุข" กำลังจะเกิดขึ้น
และดูท่าทางว่า "แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)"
และ/หรือ "กลุ่มเสื้อแดง" จะ ได้มีการสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์
ด้วยความตั้งใจเอง จนได้รับการกล่าวขวัญแซ่ซ้องชื่นชมจากประชาชนโดยทั่วไป
โดยเฉพาะชาวกรุงเทพมหานคร

เป็นเวลาเกือบ 5 วันเต็มๆ ที่คนไทย โดยเฉพาะชาว กทม.
"รู้สึกโล่งใจ-หายเครียด" ไปโดยปริยาย
แต่แล้วเหตุการณ์ก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่
เมื่อการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงและนปช.
ยังคงปักหลักชุมนุมต่อไปที่สี่แยกราชประสงค์

ว่ากันตามความเป็นจริง ส่วนลึกของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล
ฝ่าย นปช.และฝ่ายกลุ่มเสื้อแดง
โดยเฉพาะฝ่ายประชาชนทั่วไปล้วนต้องการให้มีการยุติการชุมนุมทั้งสิ้น
แม้กระทั่งกลุ่มประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดปักหลักชุมนุมที่สี่แยก
ราชประสงค์ เพื่อต้องการกลับบ้านไปทำไร่ทำนา

และที่สำคัญเท่าที่ได้สดับตรับฟังมาว่า
ปัญหาของกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ต่างมีปัญหารุมเร้ารอบด้าน ไม่ว่า
อากาศที่ร้อนจัด อาหารการกิน ที่พักอาศัยตามใต้ต้นไม้ ใต้เต็นท์
กินนอนบนถนน บางกลุ่มถูกบังคับข่มขู่ไม่ให้ออกนอกบริเวณที่ชุมนุม
แถมบางคนไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น
ได้เพียงอาหารและน้ำพอประทังชีวิตไปวันๆ เท่านั้น ซึ่งมักเป็นพวกเร่ร่อน
ไร้ที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว

สำหรับชาวบ้านทั่วไปที่ถูกระดมมาจากต่างจังหวัด
น่าจะมีชีวิตที่สุขสบายกว่าที่ภูมิลำเนาเดิม
มีอิสระในการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพทำไร่ทำสวนได้
เปรียบเทียบกับชีวิตบนท้องถนนในกรุงเทพมหานคร ซึ่งสุดแสนสาหัส
แถมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าจะโดนลูกหลงเมื่อใด

ในขณะเดียวกัน เราต้องยอมรับความจริงว่า "ประชาชนคนไทย"
ทุกผู้ทุกนามทุกหมู่เหล่าต่าง "เทิดทูน-จงรักภักดี" ต่อ
"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" อย่างหาที่สุดมิได้อยู่แล้ว ดังนั้น
เมื่อวันฉัตรมงคลที่พระองค์ท่านทรงเสด็จออกจากโรงพยาบาลศิริราช
ประชาชนที่เฝ้าฯ รับเสด็จต่างน้ำตาเอ่อล้น น้ำตาคลอ จนถึงกับร้องไห้
ซึ่งรวมถึง "กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง" เช่นเดียวกัน

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง หมายความว่า "คนไทยถ้วนหน้าไม่ว่าสีอะไร!"
ต่างจงรักภักดีและเทิดทูน "ในหลวง" ทุกคน
และพร้อมที่ถวายทุกสรรพสิ่งแด่พระองค์ท่าน จึงทำให้ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว
โดยเฉพาะวันที่ 5-7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
บรรยากาศบ้านเมืองจึงรู้สึกคลายเครียดลดอุณหภูมิร้อนไปได้อย่างมากทีเดียว

ในกรณี "แนวคิดปรองดอง" ของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ที่เรียกว่า "ทิศทาง 5 ข้อ - 5 โรดแมป (Roadmaps)" นั้น
ต่างได้รับการตอบรับและสนับสนุนอย่างมากจากทุกภาคส่วน ไม่ว่า
"ภาคเอกชน-ภาคประชาชน-ภาคการเมือง"

"แผนปรองดองแห่งชาติ - 5 โรดแมป" ที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรียื่นข้อเสนอสู่สังคมนั้นประกอบไปด้วย หนึ่ง
การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
พร้อมปกป้องมิให้สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องถูกดึงให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง
สอง การปฏิรูปสภาวะด้านสังคม เศรษฐกิจของประชาชนทุกหมู่เหล่า ก่อให้เกิด
"ความเป็นธรรม" ในสังคม
ขจัดปัญหาความไม่เท่าเทียมและความเหลื่อมล้ำในสังคม
ตลอดจนแก้ปัญหาด้านความยากจน และด้านเศรษฐกิจ ในกรณีรายได้
ความมั่นคงในอาชีพ ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบ เบียดเบียนรังแก

สาม "สื่อมวลชน" ต้องมีความเป็นธรรมและเป็นกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
"การบิดเบือน" จะต้องไม่ให้เกิดขึ้น หลีกเลี่ยงการก่อให้เกิด
"ความเข้าใจผิด-ความขัดแย้ง" ในสังคม สี่ "คณะกรรมการอิสระ"
ที่ต้องมีการจัดตั้งขึ้น เพื่อทำการตรวจสอบเหตุการณ์ต่างๆ
ที่เกิดขึ้นและเปิดเผยสู่สาธารณชนในช่วงตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน
เป็นต้นมา และ ห้า จำต้องก่อให้เกิดกระบวนการที่เป็นธรรมทางการเมือง
โดยเฉพาะในกรณีของรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ที่จะต้องมีการปฏิรูปเพื่อก่อให้เกิด
"นิติรัฐ" และ "นิติธรรม" ในสังคมไทย ตลอดจนการชุมนุมทางการเมืองที่ช่วง
4-5 ปีที่ผ่านมา ละเมิดกฎหมายทั้งสิ้น

เมื่อ "แผนปรองดองแห่งชาติ - 5 โรดแมป" ของนายกฯ อภิสิทธิ์
ได้มีการแถลงมานั้น ขอย้ำอีกครั้งว่า
ต่างได้รับการชื่นชมในช่วงแรกเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งปัจจุบัน
แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมี "กลุ่มการเมือง" บางกลุ่ม "ไม่เห็นด้วย"
กับแผนปรองดองดังกล่าว จนในที่สุด น่าเชื่อว่า "แผนปรองดองทั้ง 5 ข้อ"
น่าจะ "ตกม้าตาย!" เนื่องด้วยมีการปฏิเสธและพินิจพิจารณาดูแล้วเป็น
"นามธรรม" มากและไม่น่าจะเกิดขึ้นได้!

ถามว่า "แนวคิด-หลักการ" ของ "แผนปรองดองฯ" นั้น ดีหรือไม่
ก็ต้องตอบว่า "ดีมาก" เพียงแต่ว่า "นามธรรม" มาก โดยยังไม่มีการเสนอ
"รูปธรรม" โดยเฉพาะ "แผนปฏิบัติการ (Action Plan)"

ว่าไปแล้ว เพื่อความเป็นธรรม คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและคณะ
คงเตรียมร่างข้อมูลและทิศทางไว้บ้างไม่มากก็น้อย
เพียงแต่ยังมิได้นำเสนอเพราะต้องการฟังเสียงตอบรับจากทุกภาคส่วน
โดยเฉพาะจาก "นปช.-เสื้อแดง!"

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องเรียนตามตรงว่า "แนวคิดดี-หลักการดี"
แต่ถามว่า นำไปปฏิบัติ "ค่อนข้างยาก!" จนถึง "ยาก" และ "ยากมาก!"
เนื่องด้วย "ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองไทย" นั้น
หมักหมมและสะสมฝังรากลึกมาอย่างยาวนาน

และปัญหาที่สำคัญที่สุด คือ "การยอมรับ" จากทุกฝ่าย ตลอดจน
"ระยะเวลา" ที่จะดำเนินการนั้น น่าจะใช้เวลามากกว่า 3-5 ปีขึ้นไป
มิใช่เพียง 6-7 เดือน ซึ่ง "ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างเด็ดขาด!"

ทั้งสองประเด็นข้างต้น "การยอมรับ-ระยะเวลา"
เป็นปัจจัยอุปสรรคสำคัญที่สุดที่ต้องขอฟันธงว่า "โอกาสเกิดยาก!"
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ปัญหาการเมือง" และ "ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ"
ของไทยเราที่สลับซับซ้อน และไม่สำคัญเท่ากับ "วัฒนธรรมไทย" ที่
"ลึกซึ้ง-ซ่อนเงื่อน-ละเอียดอ่อน" ตลอดจน "ปากว่าตาขยิบ" และ
"ลูบหน้าปะจมูก!"

เพียงการยอมรับจากหลากหลายฝ่ายช่วงแรกๆ เท่านั้น
แต่หลังจากนั้นทุกฝ่ายต่างแสดงความฉงนสงสัยถึง "ความเป็นไปได้"
และไม่สำคัญเท่ากับ "ขบวนการล้มล้างแนวคิด"
ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ด้วย "การยิงระเบิด M-79"
และปาระเบิดหน้าธนาคารที่สีลมและบริเวณรัชดาภิเษก จนมีตำรวจเสียชีวิตไป 2
นาย และอีกหลายครั้งติดต่อกัน!

ปัญหาของชาติบ้านเมืองขณะนี้ พัฒนาสู่ "ทางตัน" มากขึ้นทุกขณะ
หรือแม้กระทั่ง การประกาศให้มีการเลือกตั้ง วันที่ 14 พฤศจิกายน
ของคุณอภิสิทธิ์ ได้รับการขานรับช่วงแรก
แต่ขณะนี้เกิดความไม่มั่นใจกันแล้วว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นหรือไม่!

ในขณะเดียวกัน "ความปั่นป่วน" ที่เกิดขึ้นแทบทุกวันจาก
"กลุ่มก่อการร้าย" ที่แทบทุกฝ่ายต่างชี้นิ้วไปที่ "คุณทักษิณ" และ
"เสธ.แดง" ทั้งนี้ นายกฯ อภิสิทธิ์
ได้ป่าวประกาศเอ่ยชื่อไปเรียบร้อยต่อสาธารณชน
ปราศจากความยี่หระแต่ประการใด

ดูไปดูมา น่าหวั่นวิตกว่า
ชาติบ้านเมืองจะคงไม่สงบสันติสุขอย่างแน่นอน
จนถึงขั้นที่คนไทยต้องยอมรับว่า "การปรองดอง" คงไม่ได้เกิด ตราบใดที่
"สองคน" นั้นยังไม่หาย "สะใจ" และ "ความแค้น!"

1 ความคิดเห็น:

  1. คนดีกับพาล คงยากที่จะเจรจา ไม่ต่างจากหมาป่ากับลูกแกะ หากท่านอยู่ในสถานะลูกแกะ มาหาทางช่วยตนเองที่..

    http://www.ainews1.com/modules.php?name=Web_Board&file=view&No=239

    ตอบลบ