ปุจฉา - มีเพื่อนมาปรึกษาว่า เธอดูแลเธอแม่จนสิ้นลม แต่แม้เธอแม่จะเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่วันที่ ๒๒ กันยายน ทุกวันนี้ รู้สึกติดค้าง เรื่องดูแลเธอแม่ไม่ดีพอ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะต้องทำให้ดี
ก่อนวันสุดท้ายเธอสวดมนต์ทุกวันพร้อมเธอแม่ และหาโอกาสทำบุญสม่ำเสมอ ใส่บาตรทุกวัน จนเมื่ออาการถึงที่สุดวันสุดท้ายยังได้สวดมนต์มากขึ้นและแทบจะตลอดเวลาตั้งแต่ตี ๓ - ตี ๔ จนถึง ๖ โมงเย็น พยาบาลเข้ามา บอกขอเช็ดตัวก่อน เธอก็ให้ทำ แต่สักพักพยาบาลอีกคนบอกว่าคนไข้มีอาการผิดปกติ จับตะแคงแล้วมีน้ำไหลออกจากปาก พอตรวจชีพจรก็รู้ว่ากำลังจะสิ้นลมแล้ว รู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้พยาบาลขัดจังหวะความสงบของแม่
เมื่อย้อนคิดไปเรื่องอื่นๆ เช่น ตอนที่กำลังจัดแจงนำร่างเธอแม่ออกจาก รพ. ช่วงนั้นกำลังชุลมุนกับญาติผู้ใหญ่ที่โทรมาถาม หันมาอีกทีเจ้าหน้าที่ รพ.จัดแจงแต่งชุดที่วางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เธอเสียใจที่ว่าแม่คงอยากให้ลูกแต่งตัวให้มากกว่า และอีกหลายช่วงที่ก่อนหน้านี้ที่ดูเหมือนทำไม่ดีพอ จากการที่เธอเริ่มยอมรับว่าแม่มาถึงวาระสุดท้ายแล้วนั้น เธอไม่ทุ่มเทพอ บางทีก็ปล่อยวางเกินไป แต่ก็รู้สึกห่วงกลัวแม่จะเจ็บ เพราะเห็นขาแม่บวม ก็เลยไม่ได้ทำอะไร เธอค้างคาใจ ร้องไห้ เสียใจอยากย้อนไปแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้เธอแม่ ไม่ทราบว่าจะแนะนำเธออย่างไรดี
พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - จากที่คุณเล่ามา เพื่อนของคุณดูแลแม่ได้ดีมาก ไม่เพียงแต่ดูแลกาย แต่ยังดูแลใจด้วย ให้เวลากับท่านอย่างเต็มที่โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยของตน แต่สิ่งหนึ่งที่เธอควรตระหนักก็คือ ในชีวิตจริงนั้นไม่มีสิ่งที่เรียกว่า การดูแลที่สมบูรณ์แบบชนิดที่ดีพร้อม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ หากเธอคาดหวังว่าการดูแลของเธอจะต้องสมบูรณ์แบบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เธอจะผิดหวัง เพราะไม่ว่าเธอจะทำอย่าง ดีแค่ไหน ก็จะพบว่ายังดีไม่พอ ยังมีบางอย่างที่ควรทำแต่ไม่ได้ทำเสมอ นี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลายคนที่ดูแลบุพการีจนสิ้นลม
สิ่งที่อาตมาอยากแนะนำเธอก็คือ อย่ามองแต่แง่ลบ หรือมองแต่ข้อบกพร่อง เธอควรมองแง่บวกบ้าง คือมองเห็นสิ่งดี ๆ ที่เธอได้ทำ แล้วเธอจะพบว่าเธอได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เธอแม่ ซึ่งสมควรที่เธอจะภาคภูมิใจ และขอบเธอทุกอย่างที่ทำให้เธอได้มีเวลาดูแลท่านอย่างเต็มที่ แต่ตราบใดที่เธอมองแต่แง่ลบ เธอจะพบความผิดพลาดเสมอ แม้ความผิดพลาดจะมีแค่ ๑ เปอร์เซ็นต์ แต่ก็อาจทำให้เธอทุกข์ยาวนาน มีผู้คนเป็นอันมากตกอยู่ในกับดักอันนี้ที่ตนสร้างขึ้นเอง ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะภาคภูมิใจที่ได้ทำดีถึง ๙๙ เปอร์เซ็นต์
หากลูกเธอสอบได้ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ เธอควรดีใจไหม หรือว่าเธอควรเสียใจที่ลูกทำผิดพลาดถึง ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าเธอเป็นแม่ที่มองแต่แง่ลบแบบนั้น เธอจะมีแต่ความทุกข์เพราะเห็นแต่ความผิดพลาดของลูก ไม่เห็นความเก่งของลูกเลย ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าเธอเป็นลูกที่มองแต่แง่ลบ เห็นแต่ข้อผิดพลาดของตนเอง เธอก็จะมีแต่ความทุกข์ หากแม่ของเธอมีญาณวิถีรับรู้ถึงความรู้สึกของเธอในขณะนี้ ท่านคงอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ แทนที่ท่านจะเป็นสุขในสุคติ อาจเป็นทุกข์ก็ได้ ดังนั้นหากเธอรักแม่ ปรารถนาดีต่อแม่ ก็ควรคลายความทุกข์ และกลับมาภาคภูมิใจในสิ่งที่เธอได้ทำให้ท่าน
อีกข้อหนึ่งที่อาตมาอยากบอกเธอก็คือ คนเราเมื่อจวนเจียนจะสิ้นลม การรับรู้ทางกายจะหายไป จะไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดทางกาย ดังนั้นตอนที่พยาบาลพลิกตัวท่าน ท่านอาจไม่รู้สึกว่าถูกรบกวนแต่อย่างใด หลายคนที่หัวใจหยุดเต้น แล้วถูกช่วยให้ฟื้นกลับมา เล่าว่าระหว่างที่หมอและพยาบาลปั๊มหัวใจเขานั้น เขาเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเขา แต่ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย มีแต่ความสงบ บางคนถึงกับเสียดายที่ถูกช่วยให้กลับมา เพราะถ้าไปเสียแต่ตอนนั้นก็จะรู้สึกสบายมาก ดังนั้นหากเธอช่วยน้อมใจแม่จนเกิดความสงบอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืนแล้ว การที่พยาบาลมาพลิกตัวแม่ในตอนที่ท่านจวนเจียนสิ้นลมนั้น คงไม่ทำให้ท่านเกิดอาการสะดุดหรือใจไม่สงบอย่างที่เธอกังวล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น