++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

คุณสันห์ฉวี ภู่ไพบูลย์ กรณีศึกษาผู้เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย “ล้างพิษตับ” 2 ครั้งโรคร้ายหายได้

คุณสันห์ฉวี ภู่ไพบูลย์ กรณีศึกษาผู้เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย “ล้างพิษตับ” 2 ครั้งโรคร้ายหายได้
จากการเสวนาบนเวที ในงาน “พระอาทิตย์แฟร์ ครั้งที่ 2” ที่บ้านเจ้าพระยา ถ.พระอาทิตย์

คุณสันห์ฉวี ภู่ไพบูลย์" เป็นโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ผ่านการรักษามามากมาย ทั้งทำคีโมและกินยา หมอบอกไม่มีทางหายกำหนดวันตายให้แล้ว ลูกชายเตรียมโกนหัวบวชให้แล้ว ต่อมาได้ไปใช้วิธีแพทย์ทางเลือกกับหมอเขียว (แพทย์แผนปัจจุบันซึ่งหันมามุ่งมั่นทางด้านแพทย์ทางเลือก/แอดมิน) และได้เข้าร่วมหลักสูตรล้างพิษตับ จนในปัจจุบันแพทย์ CT สแกนไม่พบโรคมะเร็งปอดแล้ว ได้เล่าประสบการณ์ในงานพระอาทิตย์แฟร์ ดังนี้

“เมื่อปี 2553 ได้ตรวจพบโดยบังเอิญว่ามีไข้และระบบขับถ่ายผิดปกติ ในตอนนั้นหมอบอกว่าอายุ 50 ปีกว่าๆ แล้ว ถ้าลำไส้มีปัญหา หมอแนะนำให้เช็คเลือด 1 ตัวคือ CEA ซึ่งในตอนนั้นสนใจแต่เรื่องทำมาหากิน ไม่ได้ใส่ใจกับการดูแลสุขภาพมากนัก จึงยังไม่ค่อยรู้เรื่อง
พอเอกซเรย์ปอดก็เจอฝ้าขาวๆ หมอจึงส่องกล้องดูปอด และพบชิ้นเนื้อ 2.4 เซนติเมตร และผลการวินิจฉัยเป็นโรคร้ายระยะที่ 2 ต้องผ่าตัดทันที ซึ่งตอนนั้นอึ้งไป ก่อนที่จะบอกข่าวร้ายกับคนในครอบครัว ทุกคนต่างก็งงและนิ่งอยู่ในภวังค์ ในตอนนั้นที่ผ่าตัดออกก็คิดว่าหายแล้ว แต่ยังต้องทำเคมีบำบัด ซึ่งมีผลข้างเคียงเยอะมาก จากนั้นก็พบหมอทุกๆ 2 เดือน จนหายดี

หลังจากนั้นประมาณ 2 เดือน ก็แอบไปทำ CT สแกนที่เกาะสมุย และพบว่าโรคดังกล่าวกลับมาอีก แต่เพื่อความแน่ใจจึงไปตรวจอีกที่โรงพยาบาลในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างรอฟังผลจึงเดินทางมาขอประวัติที่โรงพยาบาลประจำในกรุงเทพฯ ในตอนนั้นตัวเองรู้สึกว่าเหนื่อยมาก
จนในที่สุดมีคนแนะนำให้ไปตรวจที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพราะมีโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญด้านโรคทางปอด และหมอก็ยืนยันว่าเป็นโรคร้ายระยะแพร่กระจาย คือระยะที่ 4 และรักษายาก เพราะหมอเห็นว่าอาจจะไปที่สมอง และกระดูก

ตอนนั้นเริ่มทานยาได้เดือนกว่า สภาพจิตใจก็ย่ำแย่ จึงปรึกษาเรื่องอาหารการกินแบบหมอเขียว และได้ตัดสินใจเข้าร่วมหลักสูตรล้างพิษตับกับคุณชญาบุญ ตอนที่ร่างกายขับสารพิษออกมานั้นมีกลิ่นเหม็นมาก ซึ่งคนที่เป็นโรคร้ายจะเหม็นทุกคน แต่เมื่อมันออกมาทุกคนต้องดีขึ้น เริ่มทำไป 2 ครั้ง แล้วก็ไปทำ CT สแกน ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์อีกรอบ โดยที่ไม่ได้บอกว่าไปทำอะไรมาบ้างนอกจากกินยา ซึ่งข่าวดีในตอนนั้นคือ โรคร้ายดังกล่าวไม่สามารถตรวจพบได้แล้ว จึงมองว่าการล้างพิษตับ อย่างน้อยก็เป็นทางเลือกอีกหนึ่งทาง ที่ให้ประโยชน์ทั้งร่างกายและจิตใจ”
************** **************

ชีวอโรคยา ได้นำความเห็นจากแพทย์แผนปัจจุบันมาให้อ่านด้วย จากบทความ “กรณีศึกษามะเร็งปอดระยะสุดท้ายหายไปหลังล้างพิษตับ 2 ครั้ง” เขียนโดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
************** **************
ผลการล้างพิษตับปรากฏว่าครั้งแรกนิ่วในตับและถุงน้ำดีสีเขียวเยอะมากเต็มถังเป็นสีเขียว ครั้งที่สองทำอีกสองอาทิตย์ปรากฏว่ามีไขมันออกมาด้วย

หลังจากการล้างพิษตับ 2 ครั้งแล้วไปตรวจกับแพทย์แผนปัจจุบันพบว่าเม็ดสาคูในปอดจากมะเร็งระยะที่ 4 ได้หายไปทั้งหมด !!!?

ปัจจุบันคุณสันห์ฉวี ภู่ไพบูลย์ (คุณเจี๊ยบ) ได้ไปล้างพิษตับอีกหลายครั้ง แต่ความน่าอัศจรรย์คือนอกจากจะมีชีวิตยืนยาวกว่า 7 เดือนที่แพทย์คาดการณ์แล้ว มะเร็งที่ปอดระยะที่ 4 ก็หายไปทั้งหมดด้วยตั้งแต่การล้างพิษตับในครั้งที่ 2 ปัจจุบันคุณสินห์ฉวี จึงได้ผสมผสานการล้างพิษตับผสมผสานไปกับการรักษาในแนวทางของหมอเขียว อีกทั้งยังดื่มน้ำปัสสาวะเป็นยาตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่บัญญัติเอาไว้ในพระไตรปิฎกด้วย

ผมจึงได้โอกาสสัมภาษณ์ รศ.นพ.สำเริง รัตนระพี อาจารย์แพทย์ ภาควิชาพยาธิวิทยา (Department of Pathology) คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ซึ่งได้ให้ความเห็นต่อกรณีที่เกิดขึ้นว่า กรณีดังกล่าวนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เซลล์มะเร็งที่ปอดจะหลุดออกมาผ่านระบบขับถ่ายเพราะอยู่คนละส่วนกัน แต่น่าจะเป็นเพราะร่างกายเมื่อได้นำไขมันและของเสียจากตับและถุงน้ำดีออกไปได้แล้ว ทำให้ตับทำงานฟื้นตัวได้ดีขึ้น ภูมิต้านทานในร่างกายจึงกลับคืนมา จนเซลล์มะเร็งที่ปอดไม่สามารถจะอยู่ได้มากกว่า

รศ.นพ.สำเริง รัตนระพี ยังให้ความเห็นเพิ่มเติม อุปมาเปรียบตับเหมือนรถบรรทุกที่มีหินอยู่เต็มคันรถ ยิ่งมีมากยิ่งเคลื่อนได้ช้า หากมีมากขึ้นไปอีกก็ไม่สามารถแล่นได้ หากสามารถลดภาระของรถบรรทุกให้ลดน้อยลงโดยการนำหินออกไปจากรถบรรทุกบ้าง รถบรรทุกนั้นก็จะกลับมาแล่นได้เร็วขึ้น

ทั้งนี้ รศ.นพ.สำเริง รัตนระพี ยังให้ความเห็นอีกด้วยว่า สิ่งที่ออกมาจากการล้างพิษตับ เช่น ก้อนสีเขียวนั้น แท้ที่จริงหากผ่าร่างกายก็จะพบสิ่งเหล่านี้ในร่างกายอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้คือไขมันจากบริเวณถุงน้ำดีและตับ หากปล่อยทิ้งไว้ก็จะตกตะกอนกลายเป็นก้อนที่แข็งขึ้นและกลายเป็นนิ่วได้ในที่สุด ดังนั้นการสามารถนำมาออกได้น่าจะมีส่วนในการฟื้นฟูการทำงานของตับโดยตรง

อย่างไรก็ตาม รศ.นพ.สำเริง รัตนระพี ยินดีให้ความร่วมมือสนับสนุนหลักสูตรล้างพิษตับ โดยการจะตรวจสิ่งที่เป็นผลิตผลจากการล้างพิษตับ เพื่อทดลองในห้องแลปให้ โดยที่จะต้องเก็บตัวอย่างเหล่านั้นในแอลกอฮอล์ 95% เพื่อที่จะได้ทำให้เกิดความก้าวหน้าในการศึกษากรณีดังกล่าวให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

สุดท้าย รศ.นพ.สำเริง รัตนระพี ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมในการควบคุมอาหาร ลดความเป็นกรดในร่างกาย รับประทานอาหารพืชผักผลไม้ และน้ำที่มีสภาพความเป็นด่าง (อัลคาไลน์) ให้มากขึ้น แต่สำคัญที่สุดมากไปกว่านั้นคือจะต้องออกกำลังกายให้สม่ำเสมอเพื่อทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงและมีภูมิต้านทานต่อโรคภัยไข้เจ็บได้ดีขึ้น อันเป็นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เพราะการไปแม้แต่โรงพยาบาลก็ยังอาจจะพบเชื้อโรคร้ายแรงในโรงพยาบาลที่ดื้อต่อยาหลายชนิดได้ด้วย
************** *************
หมายเหตุ: สำหรับผู้ต้องการร่วมกิจกรรมคอร์สล้างพิษตับ กับ ชีวอโรคยา
ในรีสอร์ท 4 ดาว+ 3 วัน 2 คืน สไตล์สนุกสนานเป็นกันเอง
**แอดมินอาจไม่เห็นคอมเม้นท์ ควร in box หรือ อีเมล์ ตอบทุกคน-แน่นอนกว่าค่ะ
หากต้องการไปร่วมกิจกรรมกรุณาติดต่อขอรายละเอียดจากเราได้ 3 ทาง คือ
- สอบถามขอรับรายละเอียดได้ทางช่องข้อความ (in box)
- ฝากอีเมล์ของท่านเพื่อขอรับรายละเอียดไว้ในข้อความ (in box)
- อีเมล์หาเราเพื่อขอรับรายละเอียดที่ Chivaarokhaya@hotmail.com
!!!อย่าฝากอีเมล์ให้ในช่องคอมเม้นท์!!! เนื่องจากจะมีผู้ขโมยอีเมล์ของคุณไปสร้างความรำคาญให้คุณค่ะ
สำหรับท่านที่โอนเงินจองก่อนจะได้รับสิทธิ์ในห้องพักที่ดีที่สุดก่อนและคิวกิจกรรมนวดก่อน

************* ************
เครดิต: เรื่อง ชีวอโรคยา นำมาจาก
ส่วนหนึ่งในคลิป www.youtube.com/watch?v=ObqXvanL-CM Published on Feb 8, 2013
จากการเสวนาบนเวที ในงาน “พระอาทิตย์แฟร์ ครั้งที่ 2” ที่บ้านเจ้าพระยา ถ.พระอาทิตย์
และส่วนหนึ่งของบทความ “กรณีศึกษามะเร็งปอดระยะสุดท้ายหายไปหลังล้างพิษตับ 2 ครั้ง” เขียนโดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
ภาพ: คุณสันห์ฉวี ภู่ไพบูลย์ โดย ชีวอโรคยา บันทึกมาจากคลิปดังกล่าว

แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อความพอเพียง และสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ

ติดตามข้อมูลข่าวสารการดูแลตัวเองวิถีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีได้ที่ Facebook ชีวอโรคยา
www.facebook.com/pages/ชีวอโรคยา/135957369811772

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น