++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เมื่อใบหน้ากระตุกครึ่งซีก / ศ.นพ.นิพนธ์ พวงวรินทร์ ประสาทอายุรแพทย์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


หน้าตาคนเรา ถือเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย
ที่ทุกคนต่างทำให้ใบหน้าของตนดูงามเป็นที่น่าพบเห็น
แต่มีบางคนที่ประสบภาวะใบหน้ากระตุกครึ่งซีก
ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจเสียบุคลิก แล้วจะทำอย่างไร เรามีคำตอบให้คุณค่ะ

รู้จักอาการ
ภาวะใบหน้ากระตุกครึ่งซีก เป็นโรคที่พบมากในชาวเอเชีย
สาเหตุยังไม่มีใครทราบแน่ชัด พบได้ทั้งหญิงชาย โดยเฉลี่ยอายุประมาณ 20-60
ปี คน ไข้จะเริ่มด้วยอาการเหมือนตาเขม่น
อาจจะมีการกระตุกของกล้ามเนื้อบริเวณใต้ลูกตาข้างใดข้างหนึ่ง
จากนั้นอาจเป็นมากขึ้นจนทำให้เกิดการกระตุกที่มุมปากและในที่สุดจะมีการ
กระตุกทั้งซีกบริเวณใบหน้าจนทำให้ตาตี่หรือตาหลิ่ว และปากเบี้ยวเป็นพักๆ

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้มีภาวะใบหน้ากระตุกครึ่งซีกเป็นมากขึ้น ได้แก่
1.อดนอน
2.เครียด วิตกกังวล
3.ใช้สายตามากติดต่อกันระยะเวลานาน

การวินิจฉัย
แพทย์จะซักประวัติและตรวจร่างกายตามปกติ
โดยไม่จำเป็นต้องตรวจค้นด้วยวิธีพิเศษทางคอมพิวเตอร์สแกนสมอง
หรือตรวจด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าของสมองแต่อย่างใด
เพราะการตรวจด้วยวิธีดังกล่าวมักจะไม่พบพยาธิสภาพหรือข้อบ่งชี้ว่าคนไข้
เหล่านี้เกิดอาการด้วยพยาธิสภาพใด อันตรายหรือไม่

หลายคนกังวลว่าโรคนี้เกิดจากเนื้องอกของสมอง
หรือเป็นความผิดปกติที่ร้ายแรง
แต่โดยทั่วไปคนไข้กลุ่มใบหน้ากระตุกครึ่งซีกจะไม่มีอาการของโรครุนแรงเป็น
อันตรายถึงชีวิต ดังนั้น ถือว่าเป็นภาวะที่ไม่รุนแรง แต่มีข้อเสีย คือ
ผู้ป่วยจะเกิดความรำคาญ
หรือไม่มั่นใจเมื่อต้องอยู่ในสังคมจนเกิดเป็นปมด้อยได้

แม้ในปัจจุบันจะไม่รู้ว่าสาเหตุแน่ชัด
แต่มีข้อสันนิษฐานว่าอาจจะมีหลอดเลือดบริเวณก้านสมองที่ผิดปกติไปแตะอยู่บน
ประสาทสมองคู่ที่ 7
ซึ่งเป็นประสาทที่มาควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าตลอดเวลา
จึงทำให้มีการปล่อยกระแสไฟฟ้ามากเกินไป ทำให้เกิดใบหน้ากระตุกครึ่งซีก

อย่างไรก็ตาม พบว่า
คนไข้บางรายไม่เคยมีพยาธิสภาพของหลอดเลือดผิดปกติดังกล่าวมาแตะบริเวณเส้น
ประสาทเลย และยิ่งกว่า
นั้นคนไข้จำนวนหนึ่งที่ได้รับการผ่าตัดแยกหลอดเลือดที่มาแตะบนประสาทสมองคู่
ที่ 7 นี้ออกไปแล้ว อาจทำให้หายชั่วคราว
แต่คนไข้เกินกว่าครึ่งมักกลับมาเป็นอีกภายหลังการผ่าตัด 3-5 ปี ดังนั้น
การแก้ปัญหาโดยวิธีดังกล่าวจึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการรักษา

ประเทศไทยมีการรักษาอย่างไร
คนไข้จะได้รับการบำบัดรักษาหลายวิธี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค
1. ยา อาจใช้ยากลุ่มออกฤทธิ์กล่อมประสาทบำบัดรักษาได้เช่นกัน
แต่ผลข้างเคียงค่อนข้างสูง ผู้ป่วยจะง่วงนอน
และไม่สามารถปฏิบัติภารกิจประจำวันได้ ขณะเดียวกัน
ผลของการควบคุมการกระตุกของกล้ามเนื้อใบหน้าพบว่ามีประสิทธิผลเพียงร้อยละ
30 เท่านั้น

2.ฉีดสารโบทูลินัม
ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างจากเชื้อแบคทีเรีย Clostidium botulinum
ซึ่งขณะนี้เป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด
ออกฤทธิ์โดยสกัดกั้นกระแสไฟฟ้าที่ส่งออกมาจากปลายประสาทมายังบริเวณ
presynaptic site ของกล้ามเนื้อใบหน้าโดยตรง ทำให้ไม่สามารถหลั่งสาร
acetyl choline ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทออกมาได้

ดังนั้น คำสั่งที่มายังกล้ามเนื้อจึงลดปริมาณลง
มีผลให้การกระตุกของกล้ามเนื้อลดลง อย่างไรก็ตาม
วิธีดังกล่าวเป็นการรักษาตามอาการ ผู้ป่วยต้องมาฉีดสารโบทูลินัมทุกๆ 3-6
เดือน ตามระยะเวลาของยาที่ออกฤทธิ์ ซึ่งการรักษาโดยวิธีนี้ได้ผลราวร้อยละ
85

3. วิธีรักษาอื่นๆ เช่น การผ่าตัด ถือเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงสูง
เพราะอาจเกิดผลแทรกซ้อน เช่น หูหนวก ปากเบี้ยว มีเลือดออกที่ก้านสมอง
เลือดออกในสมองน้อยจนทำให้หมดสติ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
เกิดภาวะเจ้าชายนิทรา หรือเสียชีวิต เพราะตำแหน่งของเส้นประสาทสมองคู่ที่
7 อยู่ใกล้กับก้านสมองและสมองน้อย ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญของสมองนั่นเอง
แม้การรักษาด้วยวิธีนี้จะได้ผลราวร้อยละ 85 แต่ราว ร้อยละ 50
อาจมีอาการเกิดซ้ำได้อีกหลังผ่าตัดแล้ว 5 ปี

แต่ ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีใด อย่าเพิ่งกังวลเกินไป
เพราะหากทำจิตใจให้สบาย พักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
รวมทั้งลดการใช้สายตาและความกังวลลงได้ อาการก็จะค่อยๆ ทุเลาลงครับ

เรียบเรียง: ยุพดี ห่อเนาวรัตน์

หลากมุมมองจากไข้หวัดใหญ่ 2009
มหาวิทยาลัยมหิดล เชิญชวนร่วมฟังเสวนา "สถานการณ์ระดับโลก
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009" ใน งานศาลายาเสวนา นโยบายสาธารณะ โดย
ศ.นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล นายกสมาคมไวรัสวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.มหิดล
นพ.ศุภมิตร ชุณสุทธิวัฒน์ สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค
รศ.ดร.ชาย โพธิสิตา สถาบันวิจัยประชากรและสังคม ม.มหิดล และ นายประพันธ์
ตั้งจารุวัฒนชัย นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกร จ.นครปฐม ในวันอังคารที่ 12
พฤษภาคม 2552 เวลา 13.30-16.00 น.ณ ห้อง ศ.นพ.กษาน จาติกวณิช ชั้น 1
สำนักงานอธิการบดี ม.มหิดล ศาลายา สำรองที่นั่ง โทร.0-2849-6133
หรือดูรายละเอียดทางwww.mahidol.ac.th

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000050724

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น